Hell mode - ตอนที่ 46
บทที่ 46 ตบรางวัล 1
พอแสดงการล่าเกรซบอร์ 3 ตัวต่อหน้าเจ้าเมืองแล้ว ทำให้ปัดเป่าความกังวลของเจ้าเมือง และทำให้ยอมรับว่าถ้าเป็นอย่างนี้สามารถจัดการได้ 20 ตัวแน่ๆ
ทำการขนเกรซบอร์กลับมาหมู่บ้านพร้อมกับเหล่าอัศวิน 20 คนที่เดินทางไปด้วยกัน
ชาวบ้านบอกว่าจัดการได้ 3 ตัวอีกแล้ว และทุกคนก็เริ่มต้นทำการชำแหละ ถึงจะกลับมาถึงหมู่บ้านก่อนบ่าย 3 โมง แต่ก็พูดกันว่ากว่าจะทำเสร็จคงพระอาทิตย์ตกดินเลย
ระหว่างนั้นโรดัน เกลด้า และอเลนถูกเรียกไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
พอบอกไปว่าโรดันกับเกลด้าแสดงให้เห็นถึงพลังของหมู่บ้านทำให้พวกเขาโล่งใจ เท่านี้ก็ไม่ต้องเพิ่มจำนวนชาวบ้านในการล่าหมูป่าแล้ว ทำให้ไม่มีทาสติดที่ดินคนไหนโดนไล่ออกไป
โรดันบอกออกมาว่าดีจังเลย เขาไม่ใช่กังวลเรื่องของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่จะโดนแย่งชิงสวน แค่ทำงานตรงพื้นดินที่มีเท่านั้น ที่เขาเป็นห่วงคือเหล่าเพื่อนทาสติดที่ดินที่ไม่ได้ไปทำการล่าหมูป่า
พอเข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ก็ถูกบอกมาว่าท่านเจ้าเมืองรออยู่ที่ห้องโถงแล้ว
และบอกว่าไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ ไปทั้งที่เปื้อนเหงื่อและเลือดของหมูป่าได้เลย ทำให้มุ่งหน้าไปที่ห้องโถงทันที
หัวหน้าหมู่บ้านรออยู่หน้าประตู เขาที่ยังไม่ได้เข้าไป เดินนำและพาทั้ง 3 คนเข้าไปในห้องโถง
ทำการเก็บกวาดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว และเจ้าเมืองนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ที่อยู่ด้านในสุด ด้านข้างมีลูกสาวของเจ้าเมืองเซซิลนั่งอยู่ และสองข้างของห้องโถงมีพ่อบ้าน หัวหน้าอัศวิน และรองหัวหน้าอัศวินยืนอยู่
พวกเราคุกเข่าแถวหน้ากระดานตรงกลางห้องโถง
พอคุกเข่าลง เจ้าเมืองก็พูดขึ้นมา
“ก่อนอื่น หัวหน้าหมู่บ้านเอ๋ย ช่างพัฒนาหมู่บ้านได้อย่างยอดเยี่ยม คำสั่งบุกเบิกอาณาจักรออกมาแล้ว 15 ปี มีหลายอาณาจักรที่ทำการบุกเบิกไม่สำเร็จ การที่สามารถพัฒนาหมู่บ้านมาได้ขนาดนี้มันช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก รู้สึกขอบใจจริงๆ”
“พะ พูดเกินไปแล้วครับ”
เขาพูดคำกล่าวตอนงานเลี้ยงเมื่อคืนอีกครั้ง หัวหน้าของหมู่บ้าน ที่ทำงานอย่างเหนื่อยยากทำการโค้งคำนับ
“แล้วก็ โรดันกับเกลด้าเอ๋ย”
““ครับ””
“ได้ชมการล่าหมูป่าแล้ว ช่างเป็นการล่าที่ยอดเยี่ยมจนหาคำพูดมาเปรียบไม่ได้เลย อยากจะขอพูดขอบคุณในฐานะเจ้าเมืองอีกครั้ง”
เจ้าเมืองที่พูดแสดงความซาบซึ้งกับทาสติดที่ดิน ถึงสายตาจะดูดุ แต่น้ำเสียงกับนุ่มนวล
โรดันกับเกลด้าต่างก็โค้งศีรษะ เพื่อตอบรับคำชมเชยของเจ้าเมือง
“ทั้งที่มีวีรบุรุษอยู่ในอาณาจักรนี้ ข้ะไม่ทำอะไรก็คงไม่ได้ ถ้าไม่ตบรางวัลให้ถือว่าบกพร่องหน้าที่ของเจ้าเมือง”
(ว้าว รางวัลมาแล้ว! เงินก็ดีอยู่หรอก!! อยากเป็นประชาชน!!!)
อเลนยังคงก้มศีรษะและรอคอยคำพูดที่เป็นรางวัล
“โรดัน แล้วก็เกลด้าเอ๋ย ขอแต่งตั้งให้พวกเจ้า รวมไปถึงภรรยาและเหล่าลูกๆให้เป็นประชาชน เมื่อเป็นประชาชนแล้วก็จงทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จ”
““ขอบพระคุณมากครับ””
โรดันกับเกลด้าโค้งศีรษะและพูดขอบคุณอีกครั้ง
(สำเร็จจจจจจจ!!!! ได้เป็นประชาชนแล้ว เอาไงดี พรุ่งนี้ออกจากหมู่บ้านไปทำการล่าได้ไหมนะ เอาละ ไปล่าที่เทือกเขามังกรขาวดีกว่า)
พยายามกลั้นไม่ให้น้ำลายไหล ความฝันตลอด 8 ปีที่จะล่ามอนสเตอร์นอกหมู่บ้าน ทำให้หยุดยิ้มไม่ได้เลย
นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่อเลนกับโรดัน แต่ยังบอกอีกว่าจะให้เหล่าทาสติดที่ดินที่เข้าร่วมการล่าหมูป่ามามากกว่า 10 ปี รวมถึงภรรยะและลูกๆได้เป็นประชาชนด้วย ส่วนคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ถ้าแต่งงานกับทาสติดที่ดิน จะให้ภรรยาคนนั้นเป็นประชาชนด้วย เจ้าเมืองรู้ว่ามีทาสติดที่ดินเข้าร่วมการล่าหมูป่ามากกว่า 10 ปี เลยตบรางวัลให้กับทุกคน
“หัวหน้าหมู่บ้านเอ๋ย ฝากไปยืนยันทีว่าจะเป็นประชาชนหรือเป็นทาสติดที่ดินต่อ เพราะประชาชนก็มีหน้าที่ในแบบของประชาชนอยู่”
ประชาชนต้องเสียภาษีรายคนแตกต่างกับทาสติดที่ดิน นอกจากภรรยาแล้ว ถ้ามีลูกมากเท่าไรก็ต้องเสียภาษีรายคนต่อปีมากขึ้น เลยอยากจะให้เจ้าตัวเป็นคนเลือกเองว่าอยากจะใช้ชีวิตในฐานะประชาชนหรือทาสติดที่ดิน
“เท่านี้หน้าที่ของข้าในฐานะขุนนางก็น่าจะบรรลุเป้าหมายแล้ว”
ราชโองการที่ให้ทำการล่าหมูป่า 20 ตัว เป็นหน้าที่ของขุนนางที่ทำการปกครองอาณาจักร คงอยากจะบอกว่าเท่านี้ก็กลับอาณาจักรได้อย่างเบาใจแล้ว
พอทำการตบรางวัล และถึงช่วงเวลาที่น่าจะจบการสนทนาในห้องโถงนี้ พ่อบ้านกลับเอ่ยออกมา
“นายท่านครับ”
“เซบาส มีอะไรเหรอ?”
เจ้าเมืองทำหน้าตาสงสัยว่ามีอะไร เลยถามพ่อบ้านที่พูดออกมาตอนตบรางวัลและพูดคุยเสร็จ
“นายท่านยังเหลือคำพูดอย่างหนึ่งของพระราชานี่ครับ เกี่ยวกับเรื่องการเริ่มล่าหมูป่าครับ”
“หือ? อ้อ!! นั่นสินะ โทษทีนะเซบาส”
(หือ? จุดเริ่มต้นของการล่าหมูป่า?)
ในขณะที่พ่อบ้านปิดตาและน้อมศีรษะมานิดหน่อย ก็รู้สึกสงสัยว่ามันคือเรื่องอะไรกัน
เจ้าเมืองเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“โทษที นี่ไม่ใช่ราชโองการอะไรหรอก พระราชาฝากถามมาน่ะ โรดันเอ๋ย ไม่สิโรดันผู้ล่าหมูป่าเอ๋ย”
“คะ ครับ”
โรดันทำหน้าตาสงสัว่าจะพูดเรื่องอะไร
“จริงๆแล้ว พระราชาถามมาว่าทำไมถึงคิดทำการล่าหมูป่า”
คำสั่งบุกเบิกอาณาจักรเป็นคำสั่งที่ออกมาทั่วราชอาณาจักร เรื่องที่ขุนนางผู้ถือครองอาณาจักรทุกข์ใจกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องการทำให้หมู่บ้านบุกเบิกประสบความสำเร็จ แต่เป็นการล่าและเก็บเนื้อหมูป่า ซึ่งสิ่งนี้เจ้าเมืองได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างอันยอดเยี่ยมที่เมืองหลวง
แล้วพระราชาก็ถามเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาเพื่อเอาไปใช้อ้างอิงให้กับอาณาจักรอื่นๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงเริ่มล่าหมูป่า ทำให้ตอบไม่ได้ พระราชาเลยบอกว่าจนกว่าจะมาเมืองหลวงครั้งถัดไปให้ทำการตรวจสอบด้วย
“จะ จุดเริ่มต้นของการล่าหมูป่าหรือครับ?”
ทันใดนั้น สีหน้าของโรดันก็หมองลง หลังจากที่ทำการยืนยันแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาต่อ ทำให้ห้องโถงเกิดความเงียบขึ้น
“หือ? เป็นอะไรไปเหรอ?”
เจ้าเมืองคิดว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าภาคภูมิใจ เลยไม่เข้าใจว่าทำไมโรดันถึงไม่อยากจะพูด และตอนที่ถามว่าทำไมถึงเงียบไปนั้น
“ท่านเจ้าเมืองครับ”
เกลด้าพูดขึ้นมา
“หือ?”
“คิดว่าโรดันคงไม่อยากจะพูดจุดเริ่มต้นของการล่าหมูป่าครับ ถ้าเป็นไปได้ให้ผมพูดแทนได้ไหมครับ?”
(จุดเริ่มต้นการล่าหมูป่าเหรอ จะว่าไปหลายปีก่อนหน้านี้ตอนไปค้างคืนก็พูดออกมาเหมือนกัน แต่สรุปแล้วก็ไม่ได้บอกอะไรออกมา)
นึกถึงการไปค้างคืนก่อนพิธีประเมินเมื่อหลายปีหลายปีก่อน
ใบหน้าของโรดันหมองลงกว่าเดิม แต่ไม่ได้ห้ามอะไร พอเจ้าเมืองบอกว่าได้เลยพูดออกมา
“ตอนที่เข้ามายังที่ดินของหมู่บ้านบุกเบิกนี้ครั้งแรกเป็นช่วงเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ทาสติดที่ดิน 100 คนเข้ามาทำการบุกเบิกหมู่บ้าน คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเมื่อ 13 ปีที่แล้วครับ”
ทำการบุกเบิกหมู่บ้าน แน่นอนว่าเป็นการก่อตั้งหมู่บ้านจากที่ไม่มีอะไรเลย เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก ถ้าเข้าสู่ฤดูหนาวจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ ทำให้บุกเบิกได้ยาก การเริ่มช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หิมะละลาย ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการบุกเบิกที่สุด
การบุกเบิกจะทำตรงสถานที่ที่คนรับใช้ของเจ้าเมืองกำหนด หรือก็คือป่าข้างเคียงที่ใช้เวลาเดินทางจากหมู่บ้านเดิม 2 วัน ถึงตรงนั้นจะเป็นข้างป่า แต่ไม่ใช่ทุ่งกว้าง มีต้นไมขึ้นเป็นหย่อมๆ เลยทำการตัดต้นไม้และถอนรากออก
“อืม”
เกลด้าที่ยังใช้ภาษาสุภาพติดๆขัดๆพูดออกมาต่อ โรดันหลับตาฟังเรื่องเล่า ดูเหมือนเป็นเรื่องเล่าที่ไม่อยากฟังสักเท่าไร
“ตอนที่พยายามถอนต้นไม้อย่างเอาเป็นเอาตายจนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ตอนนั้นเอง”
แล้วก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนั้น ทาสติดที่ดิน 100 คนถางป่าข้างเคียงทำเป็นที่ราบ ทาสติดที่ดินซึ่งไม่เคยออกจากหมู่บ้านมาก่อน ต่อให้ประชาชนเองก็อาจจะไม่รู้เหมือนกัน เนื่องจากที่นี่ห่างจากหมู่บ้านเดิมค่อนข้างไกล
“ข้าวสาลีและมันฝรั่งที่เก็บไว้สำหรับให้ผ่านฤดูหนาวโดนหมูป่าเอาไปครับ”
เป็นฤดูใบไม้ร่วงแรก ทำให้ไม่รู้ว่าพอถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วเกรซบอร์จะพร้อมใจกันมาที่ป่านี้ ถึงจะเตรียมรั้วเอาไว้สำหรับมอนสเตอร์ แต่ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตหนักเกินกว่า 1 ตันทำให้รั้วโดนพัง และอาหารที่เก็บไว้สำหรับฤดูหนาวกว่าครึ่งโดนกินไป นี่คือสิ่งที่เกลด้าเล่าออกมา