Hell mode - ตอนที่ 47
บทที่ 47 ตบรางวัล 2
เจ้าเมืองตั้งใจจะถามวีรกรรมของโรดัน แต่เรื่องราวกลับไปในทิศทางที่เลวร้าย แล้วเกลด้าก็พูดออกมาต่อ
“เลยมาปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรกันดี ซึ่งมีคนบอกว่ากลับไปที่หมู่บ้านเดิมด้วยครับ”
จากตรงนั้น หากเดินไปราวๆ 2 วันจะกลับหมู่บ้านเดิมได้ และเอาอาหารที่เหลืออยู่กลับไปหมู่บ้านเดิม แล้วพอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าค่อยกลับมาบุกเบิกอีกครั้ง คราวนี้ค่อยทำรั้วที่แข็งแกร่งกันไม่ให้หมูป่าเข้ามา นี่คือเรื่องที่พูดระหว่างปรึกษากัน
“แต่พวกเรามาที่นี่เพราะปัญหาความอดอยาก ถึงกลับไปก็ไม่มีใครต้อนรับ”
ครอบครัวของพวกเกลด้า รวมไปถึงเหล่าชาวบ้านเดิม คงกักตุนอาหารโดยสมมุติไว้ว่าพวกที่ไปบุกเบิกคงไม่กลับมา แน่นอนว่าคงไม่ได้รับการต้อนรับ จะแบ่งอาหารให้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
“คนที่ไม่กลับไปมีมากกว่าครับ”
”งั้นเหรอ”
เจ้าเมืองพูดเช่นนั้นก่อนจะมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้าน ทำให้เขาแสดงสีหน้าแบบว่าแย่แล้วออกมาพร้อมกับโค้งศีรษะลงอย่างมาก หัวหน้าหมู่บ้านรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่กลับไม่รายงานให้เจ้าเมือง
“ตอนนั้นเองที่โรดันพูดออกมาว่า ไปทำการล่าหมูป่าเอามาเป็นอาหารสำหรับผ่านพ้นฤดูหนาวกัน”
แล้วเกลด้าก็พูดเรื่องราวของวีรบุรุษออกมาต่อ เหล่าผู้ชายรวมตัวกันจับจอบจับเสียมเพื่อไปทำการล่าหมูป่า ไม่ใช่ 20 คนเหมือนตอนนี้ แต่ไปล่าด้วยจำนวนมากกว่าเป็นเท่าตัว ซึ่งผู้ชายเกือบทุกคนทำการเข้าร่วม
ไม่ได้มีกลยุทธ์แบ่งเป็น 3 กลุ่มเหมือนตอนนี้ ล่าอย่างไม่คิดชีวิต มีบ้างที่หมูป่าหลุดมาแค่ตัวเดียว หรือโชคดีที่เสียมเสียบเข้าไปตรงจุดสำคัญตรงคอจนจัดการมันได้
“เป็นการล่าหมูป่าที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ ลองดูอเลนสิทำหน้าตาเหมือนเพิ่งเคยได้ยินเลยนี่”
เจ้าเมืองบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและเล่าอย่างภาคภูมิใจให้กับเหล่าลูกๆ
“ตะ ต้องขออภัยด้วยครับ ตอนนั้น ได้สูญเสียเพื่อนไป……”
“หือ?”
การล่าหมูป่ามันอันตราย ต้องล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งมีพวกพ้องหลายคนที่บาดเจ็บสาหัส ถึงกระนั้นก็ยังพยายามล่ากัน ถ้าจัดการมันได้ จะได้รับรางวัลผ่านการทดสอบของพระเจ้า ถ้าอย่างนั้นแล้วพระเจ้าจะมอบชีวิตให้ และรักษาบาดแผลทุกอย่าง
“พระเจ้ามอบรางวัลที่ผ่านการทดสอบให้ แต่มีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่สามารถทนการสอบทดนี้ได้ครับ”
มีเพื่อนคนหนึ่งได้เสียชีวิตไปก่อนที่จะทำการกำจัดมันได้ โรดันหลับตาแล้วพูดออกมา
“นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนตัดสินใจกันแล้ว ไม่ใช่ความผิดของโรดันหรอก บอกมาตลอดแล้วนี่ว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”
เกลด้าพูดออกมาต่อ พอกลับมาที่หมู่บ้านก็ทำการแบ่งเนื้อหมูป่าอย่างเท่าเทียม ทั้งคนที่ไปล่าและไม่ได้ไปล่า ทำให้ผ่านพ้นฤดูหนาวมาได้
มีคนบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก คนที่เสียชีวิตก็มี หลังจากนั้นทำให้จำนวนผู้ที่เข้าร่วมลดลงเหลือแค่ราวๆ 20 คน
เกลด้าสรุปเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการล่าหมูป่า
(งั้นเหรอ เห็นภาพทับซ้อนนี่เอง)
อเลนฟังเรื่องเล่าพร้อมกับนึกถึงเรื่องเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่โรดันกลับมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส เขาเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องประชาชนวัยรุ่น ทั้งที่มีครอบครัวอยู่แล้วแต่กลับเห็นชีวิตของชายหนุ่มสำคัญกว่าจนบาดเจ็บสาหัส
ตอนเริ่มล่าหมูป่า โรดันอายุ 15 ปี บางทีอาจจะอายุเท่ากับชายหนุ่มก็ได้ และเห็นภาพทับซ้อนของเพื่อนที่เสียชีวิตไป ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปเองโดยลืมไปว่าตัวเองมีครอบครัวแล้ว
โรดันก้มหน้านิ่งเงียบ เพราะหวนนึกถึงความทรงจำตอนนั้นหรือเปล่านะทำให้มือที่คุกเข่าอยู่ถึงกับสั่น
“ต้องขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ”
“มะ ไม่ครับ……”
ห้องโถงเงียบสงัด
“สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดกระจายไปสักเท่าไร เดี๋ยวข้าไปจะพูดกับพระราชาเอง ใช่แล้ว อืม”
แล้วเจ้าเมืองก็ใช้ความคิด ทำให้ห้องโถงเกิดความเงียบอีกครั้ง
“เป็นอะไรไปหรือครับนายท่าน”
พ่อบ้านตอบสนองต่อเจ้าเมืองที่นิ่งเงียบ
“ไม่มีอะไรหรอกเซบาส อย่างนี้มันไม่พอน่ะ ฉันยอมรับแล้วว่านี่เป็นเรื่องจริง เพราะอย่างนั้นแล้วเลยพูดได้อย่างเต็มปากว่าการกระทำของโรดันช่วยเหลือหมู่บ้านเอาไว้”
เจ้าเมืองกล่าวว่าโรดันเป็นผู้ที่เสียสละอย่างมากให้กับการบุกเบิกหมู่บ้าน
“ถูกต้องอย่างที่ว่าเลยครับ”
พ่อบ้านไม่ปฏิเสธ
“โรดันเอ๋ย ขอมอบรางวัลให้กับเจ้าอีก 1 อย่าง”
“เอ๊ะ? รางวัลอย่างนั้นหรือครับ?”
เจ้าเมืองที่เลื่อนขั้นให้เป็นประชาชนที่มีค่าเท่ากับ 50 เหรียญทองฟรีๆ บอกว่าจะมอบรางวัลให้อีก 1 อย่าง
“การตอบสนองการทำงานของประชาชนเป็นหน้าที่ของเจ้าเมือง ราวัลจะเป็นอะไรก็ได้ มีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า?”
“อะ อะไรก็ได้หรือครับ?”
“มีอย่างนั้นเหรอ? จะอะไรก็ได้ ลองขอมาสิ”
(รางวัลของคุณพ่อเหรอ อะไรกันนะ? คิดออกแค่เหล้าอย่างเดียวแฮะ)
โรดันไม่มีความลังเล ทำให้อเลนพอจะเดาได้ว่าโรดันต้องการอะไร
“ถะ ถ้าอย่างนั้นมีเรื่องจะขอร้องท่านเจ้าเมือง 1 อย่างครับ”
โรดันพูดออกมาทั้งที่ยังคงก้มศีรษะ
“อืม รอฟังอยู่”
“ขอให้อเลนลูกของผมไปทำงานที่บ้านของท่านเจ้าเมืองได้ไหมครับ?”
(เอ๊ะ?)
“หือ?”
“อเลนลูกของผมเป็นเด็กที่ฉลาดแตกต่างกับผม คิดว่าจะต้องมีประโยชน์ต่อท่านเจ้าเมืองแน่ๆครับ”
“โห อยากให้ลูกของตัวเองทำงานกับตระกูลบารอนเหรอ?”
(เดี๋ยว!! เดี๋ยวสิอย่างนี้มันไม่ใช่แล้วนะคุณพ่อ ไม่ใช่อย่างนั้น!! ยะ อย่างนี้แย่แล้ว!!!)
รู้สึกลนลาน จนความหวั่นไหวแสดงออกมาทางสีหน้า
“ครับ จะให้เป็นเด็กรับใช้ก็ได้ครับ ช่วยกรุณารับไปทำงานที่ตระกูลของท่านเจ้าเมืองด้วยครับ”
“อย่างงั้นเหรอ”
พอบอกอย่างนั้น เจ้าเมืองก็มองไปทางพ่อบ้าน
“ไม่มีปัญหาครับ คิดว่าเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดอยู่ครับ”
พ่อบ้านผู้ดูและตระกูลบารอนไม่คัดค้าน หัวหน้ากลุ่มอัศวินที่อยู่ข้างๆเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
(เดี๋ยวสิ!! คัดค้านหน่อนสิ!!! ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ความฝันที่จะไปใช้ชีวิตตรงเทือกเขามังกรขาวก็โดนแย่งชิงกันพอดี คะ คิดเข้าสิ)
อเลนชื่นชอบการล่ามากกว่าสิ่งใด แล้วก็ชอบเพิ่มเลเวล การทำงานที่บ้านของเจ้าเมืองเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามเลย ใช้ชีวิตขาดอิสระที่คฤหาสน์ของเจ้าเมือง บางทีอาจจะไร้อิสระยิ่งกว่าตอนเป็นทาสติดที่ดินก็ได้
ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์นี้ ทำให้เริ่มใช้ความคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เด็กรับใช้เหรอ อืม คงไม่ใช่หรอก”
”เอ๊ะ?”
ดูเหมือนจะไม่ให้เป็นเด็กรับใช้ เจ้าเมืองพูดออกมาในขณะที่ลูบเคราที่เล็มอย่างดี โรดันทำหน้าผิดหวังเพราะเชื่อว่าจะยอมรับฟัง
(โอ๊ะ? ปฏิเสธเหรอ? ใช่แล้ว ปฏิเสธแหละดีแล้ว)
“ทั้งการแนะนำการล่า กับการบริการของวันก่อนทำได้เป็นอย่างดี แถมเป็นลูกวีรบุรุอย่างโรดัน ชุบเลี้ยงมาได้ดีมาก”
“คะ ครับ”
“จะให้อเลยเป็นคนรับใช้ฝึกหัดของตระกูลแกรนเวล”
“คะ คนรับใช้ฝึกหัดหรือครับ? จะดีหรือครับ!?”
โรดันเสียงเสียงออกมาเพราะค่อนข้างประหลาดใจมาก
(หือ? เด็กรับใช้คนกับคนรับใช้ฝึกหัดมันต่างกันเหรอ? เดี๋ยวสิๆ นี่มันไม่ใช่เวลามาคิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย!!)
“ได้ไหมเซบาส”
พ่อบ้านตอบว่าไม่มีปัญหาต่อคำถามของเจ้าเมือง
“อเลน ท่านเจ้าเมืองบอกว่าจะรับลูกไปเป็นคนรับใช้ฝึกหัดด้วยนะ!”
โรดันที่ดีใจจนลืมตัวว่าอยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองทำการลูบศีรษะของอเลน ดูเหมือนจะดีใจมากเพราะมีน้ำตาไหลออกมา
“ดีจังเลยนะอเลน ทาสติดที่ดินอย่างพวกเราคงทำไม่ได้ แต่เจ้าเมืองเป็นคนบอกเองอย่างนี้เนี่ย”
เกลด้าเข้ามาเสริมด้วย และบอกความสุดยอดให้กับอเลนที่เหม่อลอยราวกับวิญญาณออกจากร่าง
ถึงจะเสียงดังต่อหน้าเจ้าเมือง แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เอาแต่เฝ้ามองพ่อลูก โรดันที่ต้องนึกถึงอดีตอันดำมืด ทั้งที่ทำงานตั้งขนาดนี้ พอได้เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างนี้ คงทำให้ความรู้สึกผิดนั้นลดลงก็ได้
ก่อนจะประกาศออกมา
“อเลน บุตรของโรดันเอ๋ย ขอต้อนรับสู่ตระกูลของแกรนเวลของข้า”
“เอ๊ะ?”
อเลนตอบกลับไปด้วยความงุนงง
(อย่างนี้ก็หมายความว่า ถ้าตอบไปว่าครับ ชีวิตตรงเทือกเขามังกรขาวก็จะหายไปสินะ)
“หือ? เป็นอะไรไปเหรอ?”
คงคิดว่าจะตอบกลับมาทันที ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมอเลนถึงทำท่าลำบากใจ
“อเลน บอกไปสิว่าขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
โรดันคงคิดว่าไม่รู้วิธีตอบกลับหรือเปล่าเลยสอนออกมา
(อย่างนี้ ควรจะทำไงดี)
มองไปที่โรดัน น้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม คงจะดีใจมากหรือเปล่านะ เหมือนเพิ่งจะเคยเห็นน้ำตาของพ่อเป็นครั้งแรก
โรดันที่พยายามเลี้ยงดูเขามาตลอด 8 ปี ถึงก่อนมาโลกนี้จะอายุ 35 ปี แต่สิ่งนั้นไม่เกี่ยวและรู้สึกเคารพการใช้ชีวิตของโรดัน พร้อมกับคิดมาตลอดว่ารู้สึกดีที่ได้เกิดมาเป็นลูกของโรดัน
ทำงานสวนโดยไม่หยุดพัก พอฤดูใบไม้ร่วงก็ไปเสี่ยงชีวิตล่าหมูป่าเพื่อครอบครัวความคิดถึงเพื่อนของโรดัน ทำให้เป็นที่รักของเหล่าเพื่อนทาสติดที่ดิน
โรดันคนนั้นกำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ขะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
(ไม่ได้ ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย)
เพราะอย่างนั้นอเลนเลยเป็นคนรับใช้ฝึกหัดของตระกูลบารอนแกรนเวล