Hell mode - ตอนที่ 50
บทที่ 50 งาน
อเลนตื่นขึ้นมาในห้องแคบๆ แสงยังไม่ส่องผ่านช่องว่างของหน้าต่างไม้ ถึงจะยังไม่มีแสงแต่ก็ตื่นขึ้นมาด้วยกลิ่นที่แปลกไปจากเดิม
(เช้าแล้วเหรอ)
ยังไม่คุ้นกับกลิ่นของตึกเลย กลิ่นของไม้เก่า เหมือนกับกลิ่นของสิ่งก่อสร้างด้วยไม้เก่าๆซึ่งเคยได้ได้กลิ่นมาจากที่ไหนสักแห่ง ซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นห้องสมุดหรือพิพิธภัณฑ์
ทำการตรวจสอบค่าพลังเวทที่ฟื้นฟูจากสมุดเวทมนตร์ ก่อนจะทำกิจวัตรประจำวันอย่างการใช้พลังเวท เนื่องจากเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้วทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นมาช้า แต่ถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้ว
ที่นี่คือห้องของอเลน ซึ่งได้รับห้องเดี่ยว ถึงตึกของบารอนจะเป็นอาคาร 3 ชั้น แต่ห้องนี้เป็นห้องใต้หลังคาที่ไว้ใช้วางของตรงชั้น 4 เพดานเตี้ยและมีขนาดราวๆ 3 เสื่อ ซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องครัวที่ไม่ค่อยได้ใช้งานตามฤดูกาลวางอยู่จนเหลือพื้นที่อยู่ประมาณ 2 เสื่อ
ห้องระดับนี้ไม่มีเตียง แต่ต้องนอนบนฟูกที่ปูเอาไว้ เนื่องจากตอนนี้ห้องของคนรับใช้ชายเตียงเต็มเลยต้องมาอยู่ที่ห้องนี้
ได้ยินมาว่าห้องของคนรับใช้ชายเป็นห้อง 4 คน ทำให้รู้สึกยินดีกับห้องเดี่ยวอยู่ เพราะมีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำการตรวจสอบ ถ้าเป็นสัตว์อัญเชิญตัวเล็กๆแล้วละก็สามารถทำได้อยู่
(กว้างกว่าคอกนอนในเน็ตคาเฟ่เกือบเท่าตัว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว)
สมัยยังเป็นเคนอิจิมีอยู่บ้างที่ไปเล่นเกมในเน็ตคาเฟ่ ถ้าหากพักค้างคืนแล้วละก็สู้นอนยืดขาในห้องคอกนอนแทนที่จะนั่งเก้าอี้ดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นจะมีความเหนื่อยล้าสะสม ทำให้ไม่รู้สึกไม่พอใจกับห้องใต้หลังคาตรงชั้น 4 นี้เลยสักนิด
ทำการเปลี่ยนชุดแล้วลงไปที่ชั้น 1 ไม่ใช่ชุดผ้าป่านปอนๆ แต่เป็นชุดที่ดูหรูหราเน้นสีดำเป็นหลักสำหรับคนรับใช้ เนื่องจากเป็นเครื่องแบบเลยโดนบอกมาว่าอย่าทำให้มันสกปรก เสื้อธรรมดาที่เปลี่ยนตอนนี้เองก็ได้รับมา ซึ่งเสื้อพวกนี้ก็ดูหรูหรากว่าตอนเป็นทาสติดที่ดิน
ที่ชั้น 1 เป็นโรงอาหารของคนรับใช้ ซึ่งมีคนอยู่ค่อนข้างเยอะแล้ว น่าจะราวๆ 10 คนได้
“หวัดดี”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
หัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกลทักทายในขณะที่ยกอาหารมา เนื่องจากบอกให้มาทางนี้เลยไปนั่งตรงหน้า เป็นรุ่นพี่ที่คอยดูแลเป็นอย่างดี เขาส่งเสียงเรียกพร้อมกับถามไถ่ทุกเช้าเลยว่า เป็นไงบ้าง จำงานได้หรือยัง?
“กับคุณหนูเซซิลเป็นไงบ้าง ไปได้ด้วยดีไหม?”
ดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย ตามปกติคนรับใช้ฝึกหัดจะไม่ค่อยได้ไปสังกัดในทันที ต้องทำงานทั่วๆไป ถ้าทำงานได้ดีเข้าตาถึงจะถูกเรียกไปสังกัดด้วย ส่วนริกเกลเป็นคนที่คอยดูแลเหล่าคนรับใช้ฝึกหัดที่ยังไม่ได้เข้าสังกัด
ทำการกินไปคุยไป ขนมปังกับซุปผัก ซึ่งในซุปมีเศษเนื้อใส่อยู่นิดหน่อย ถ้าเทียบกับตอนอยู่ที่หมู่บ้านคุเรนะยังมีเยอะกว่าเลย ปีที่แล้วกับปีนี้มีเนื้อค่อนข้างเยอะอยู่
“ครับ เรื่องเมื่อวานสินะ”
ทำการพูดถึงเรื่องที่เห็นเรือเหาะตอนออกไปซื้อผลโปโปะ
“งั้นเหรอ เพิ่งเคยเห็นเรือเวทมนตร์สินะ?”
“เรือเวทมนตร์?”
แล้วก็ได้รับบอกเกี่ยวกับเรือเวทมนตร์ มันเป็นเรือที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ ใน 1 เดือนจะมีไปกลับระหว่างเมืองหลวงประมาณ 3 รอบ เขาบอกมาว่าตั๋วเที่ยวเดียวราคาอยู่ที่ 1 เหลียญทอง ถ้าสะสมเงินได้อยากจะให้ลองไปดู
ที่อาคารแห่งนี้ก็มีอุปกรณ์เวทมนตร์หลายอย่างอยู่ ที่ชั้น 1 มีนาฬิกาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ไหนจะโคมไฟเวทมนตร์เองก็มีติดตั้งอยู่มากมาย ได้ยินเปโรมูสบอกว่าการจะใช้งานจำเป็นต้องใช้หินเวท
ถึงจะได้รับการสอนอะไรหลายๆอย่าง แต่ได้เวลาที่เหล่าเจ้าบ้านจะตื่นแล้ว เลยบอกลาริกเกล
มุ่งหน้าไปยังห้องของเซซิลพร้อมกับคนรับใช้ฝึกหัดหญิงคนหนึ่ง อนึ่ง ห้องของเซซิลอยู่ชั้น 3 ใต้ห้องของอเลนพอดี
เซซิลทำการเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เลยทำการรอจนกว่าจะเปลี่ยนชุดเสร็จถึงเข้าไปในห้อง ทำการจัดเตียงบ้าง เก็บชุดนอนไปซักบ้าง เป็นงานทั่วไปเต็มรูปแบบ
หัวหน้าพ่อบ้านอย่างเซบาสบอกว่างานของอเลนมี 2 อย่าง
・คอยดูแลเรื่องรอบๆตัวเซซิล(งานเบ็ดเตล็ด)
・งานเสิร์ฟ
เซบาสบอกว่าเนื่องจากรูปร่างหน้าตาใช้ได้ เลยให้มาทำงานเสิร์ฟ ถึงอเลนจะไม่รู้สึกตัวแต่ดูเหมือนจะรูปร่างหน้าตาค่อนข้างดีอยู่ เป็นคนดูดีเหมือนแม่ พออายุ 8 ขวบ รูปร่างหน้าตาก็แสดงความงดงามดดดเด่นออกมา ไหนจะมีดวงตากับเส้นผมสีดำที่แปลกยิ่งทำให้ดูดี เลยอยากจะให้ทำงานเสิร์ฟตอนที่มีแขกมาหา
งานเสิร์ฟเป็นงานของคนรับใช้ฝึกหัดชายหญิงที่รูปร่างหน้าตาดี ซึ่งริกเกลบอกว่าเขาไม่เคยได้ทำเลย
เพื่อที่จะทำการเรียนเกี่ยวกับงานเสิร์ฟ เลยต้องมาเสิร์ฟให้กับครอบครัวของบารอนเป็นปกติ
ถึงจะต้องคอยดูแลเซซิล และในระหว่างวันมีอะไรให้ต้องเรียนรู้มากมาย แต่นอกเหลือจากนั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แทบจะไม่เคยโดนเรียกเลย
ทำให้พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมริกเกลถึงมีนิสัยชอบโดดงาน ถึงจะต้องดูแลคนรับใช้ประมาณ 30 คน แต่ก็มีเวลาว่างค่อนข้างเยอะ แม้บ้านจะใหญ่โต แต่แทบจะไม่ค่อยมีงานบ้านให้ทำถึงขนาดนั้น ขนาดพ่อบ้านที่มีงานค่อนข้างเยอะยังมีเวลาว่างเยอะเหมือนกัน
ก่อนอื่นไปช่วยคนรับใช้หญิงล้างจานจนกว่าเซซิลจะเรียกก็แล้วกัน
(วันหยุด ใน 6 วันจะมี 2 วันสินะ)
คนรับใช้เองก็มีวันหยุด ใน 1 สัปดาห์ของ 6 วันจะให้หยุดพักตอนบ่ายครึ่งวัน 2 ครั้ง
อนึ่ง นอกเหนือจากวันนั้นคนรับใช้จะเสร็จงานตอน5โมงเย็น เนื่องจากอเลนต้องคอยเสิร์ฟอาหารเย็นให้กับครอบครัวของบารอน ทำให้งานในหนึ่งวันเสร็จช่วง 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม
หากมีแขกหรือคนสำคัญมาหาจะมีงานเลี้ยงกลางคืนที่หรูหรา ทำให้งานเสิร์ฟเลิกดึกกว่านั้นไปอีก
พอตกเย็น ครอบครัวบารอนจะทำการรับประทานอาหารที่ชั้น 2 เลยไปทำการเสิร์ฟ
อาหารของต่างโลกนี้จะเป็นอาหารชุด และค่อยๆยกออกมาทีละจาน ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เนื่องจากจะทำการยกอาหารจานถัดไปมาไว้ข้างนอกห้อง เลยต้องเดินเข้าๆออกๆเพื่อยกอาหาร อนึ่งหน้าที่คนเสิร์ฟรวมอเลนแล้วก็มีทั้งหมด 3 คน ทำให้มันไม่ได้ยุ่งถึงขนาดนั้น
“ดูเหมือนอเลนจะคุ้นกับงานแล้วสินะ”
ภรรยาของบารอนส่งเสียงมาหา
“ขอบพระคุณมากครับ เพราะได้เหล่ารุ่นพี่คอยชี้แนะสั่งสอนครับ”
ทำการกล่าวขอบคุณพร้อมกับโค้งศีรษะลงเล็กน้อย เอาเถอะ! ภรรยาของบารอนนี่
“ไม่เหมือนกับคนที่เกิดจากทาสติดที่ดินเลยนะ”
“อืม แต่ก็ไม่มีพรสวรรค์นี่”
(หือ? ตรวจสอบพรสวรรค์ของฉันด้วยเหรอ? แต่รับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาในตระกูลอย่างนี้คงต้องตรวจสอบประวัติอยู่แล้ว หมายความว่าน่าจะรู้เรื่องที่ค่าความสามารถทุกอย่างเป็น E ด้วยสินะ)
เดาเรื่องราวได้จากคำพูดของบารอนแกรนเวล
ตอนที่อเลนยังเป็นเคนอิจิ เป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่หลาย 10 ปี และเคยทำงานบริการอยู่ แต่ไม่เคยทำงานด้านอาหารมาก่อน เลยทำให้มีประสบการณ์ในการบริการอยู่หลายปี ส่วนงานเสิร์ฟใช้จากจินตนาการเอา
เลยเอาพวกภาพลักษณ์ของพนักงานเสิร์ฟที่เห็นตามโทรทัศน์, การ์ตูนแล้วก็หนังมาลองทำดู
“อ้าว ไม่มีพรสวรรค์เหรอ?”
เซซิลเข้าร่วมวงสนทนาระหว่างอเลนกับบารอนและภรรยา
“ครับ บาทหลวงกล่าวเอาไว้เช่นนั้นในพิธีประเมินครับ”
ไม่บอกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ ที่บอกว่าไม่มีพรสวรรค์คือบาทหลวงต่างหาก ถ้าตอนนี้เข้ารับการประเมินพรสวรรค์คงถูกแสดงออกมา
“อย่างนั้นเหรอ? ฉันเป็นนักเวทเลยนะ”
พูดราวกับเป็นผู้มีชัย เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังภูมิใจอยู่
“โอ้คุณหนูเซซิล ช่างเป็นพรสวรรค์ที่สุดยอดไปเลยนะครับเนี่ย นักเวทเนี่ยถือว่ายอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่หรือครับ”
คงอยากโดนชมเลยชมออกไป คงดีใจอยู่ ทำให้เซซิลยิ้มเล็กยิ้มน้อย อเลนคงไม่รู้ตัวว่าเพราะท่าทางอย่างนี้ทำให้ต้องมาเกี่ยวพันธ์กับเซซิล
(นักเวทเหรอ มีอะไรอย่างนั้นด้วยเหรอ? ผู้ใช้เวทมนตร์คือ 1 ดาว ส่วนยอดนักเวทคือ 3 ดาวไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นนักเวทก็น่าจะอยู่ตรงกลางที่ 2 ดาวเหรอ? ถือเป็นพรสวรรค์ที่พอตัวเลยนะเนี่ย)
ตอนที่อเลนยังเป็นเคนอิจิ ได้นึกถึงช่วงที่ทำการเลือกอาชีพและตรวจสอบแต่ละอาชีพก่อนจะมายังต่างโลก ทันใดนั้น
“เซซิล! บอกไปกี่ครั้งแล้ว!! ว่าอย่าพูดเรื่องพรสวรรค์มากเกินไป”
“ขะ ขอโทษค่ะ ท่านพ่อ……”
บารอนแกรนเวลเริ่มโกรธต่อท่าทีของเซซิล
“แล้วโทมัสเอ๋ย ไม่ต้องร้องไห้อย่างนั้นหรอก”
“ขะ ขอโทษครับ ท่านพ่อ มะ มีแค่ผมเท่านั้นที่ไม่มีพรสวรรค์ ทั้งที่ท่านพี่กับน้องสาวเองก็มีแท้ๆ……”
โทมัส พี่ชายของเซซิลที่นั่งอยู่ข้างๆร้องไห้อยู่
“มันไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์หรอก บอกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าเจ้าจะต้องเข้าไปศึกษาที่โรงเรียนขุนนางที่เมืองหลวงนี่?”
“อยากจะไปเมืองแห่งการศึกษาเหมือนอย่างท่านพี่ครับ”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก โรงเรียนขุนนางเองก็เป็นสถานที่ที่ดี พ่อเองก็ไปที่นั่นเพราะไม่มีพรสวรรค์ไง แล้วคืนหนึ่งที่งานเลี้ยงเต้นรำพ่อก็ได้พบกับคุณแม่”
ภรรยาของบารอนพูดว่าแหมก่อนจะเอาสองมือแตะแก้ม ราวกับนึกถึงสมัยที่อยู่โรงเรียนขุนนางออก
(โอ้วๆ ต่อให้เป็นขุนนางแต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ไปเมืองแห่งการศึกษาไม่ได้งั้นเหรอ ขุนนางที่ไม่มีพรสวรรค์จะต้องไปที่โรงเรียนขุนนางแทน เอาเถอะ เป็นโลกที่พรสวรรค์ออกได้ยากในขุนนางนี่)
โลกที่พรสวรรค์จะออกได้ง่ายในคนที่มีฐานะต่ำอย่างประชาชนหรือทาสติดที่ดิน พี่ชายกับน้องสาวมีพรสวรรค์ แต่ลูกชายคนรองอย่างโทมัสกลับไม่มีทำให้รู้สึกท้อแท้
ชิ!
(เหวอ! เซซิลจ้องเขม็งเลย)
พอคิดถึงเรื่องขุนนางกับพรสวรรค์ทำให้รู้สึกถึงสายตาที่แรงกล้า เป็นการจ้องที่ราวกับอยากจะบอกว่าเพราะนายทำให้โดนท่านพ่อดุ เลยทำการเสิร์ฟต่อไปโดยพยายามไม่สบตา
ด้วยเหตุนี้ งานของอเลนในวันนี้ก็จบลง