Hell mode - ตอนที่ 56
บทที่ 56 อัตตา 1
ในที่สุดกมาถึงวันหยุดครั้งแรกหลังจากสารภาพเรื่องออกไปล่านอกเมืองกับพ่อบ้าน วันนี้ก็ออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และวิ่งไปจนถึงประตูที่มีทหารเฝ้าประตูยืนอยู่เหมือนทุกที ทำให้รู้สึกขอบคุณเขาในความเหนื่อยยากของเช้าที่แสนหนาวอย่างนี้
“ไงเจ้าหนู วันนี้เองก็ออกไปเหรอ?”
“ครับ”
ทำการคุยเล่นไปเรื่อยเพื่อรอระฆังบอกเวลา 6 โมงเช้า เพราะเห็นอยู่ทุกครั้ง ทำให้ครั้งก่อนบอกว่าไม่ต้องแสดงตราให้ดูแล้วก็ได้ เนื่องจากไม่ต้องแสดงตราแล้วเลยทำการเก็บอยู่ในที่เก็บทั้งอย่างนั้น มันไม่ได้เข้มงวดเหมือนอย่างสถานีรถไฟหรือสนามบินในโลกแห่งความเป็นจริงสักเท่าไร
ออกวิ่งจากเมืองไป ตอนนี้เข้าสู่ฤดูที่หิมะแรกมาเยือน ช่วงเลยกลางเดือนธันวาคมไปแล้ว ถึงชุดลำลองที่ได้มาเนื้อผ้าจะไม่ได้หนามาก แต่สำหรับอเลนที่วิ่งนอกเมืองเป็นประจำ ทำให้ไม่ค่อยหนาวเท่าไร
ค่อยๆออกห่างจากเมืองไปเรื่อยๆ
(ไกลขนาดนี้น่าจะพอแล้ว ออกมาได้แล้วพวกฮอค)
สัตว์อัญเชิญนก E 6 ตัวปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน แน่นอนว่าปลายทางที่อัญเชิญคือบนท้องฟ้าเหนือขึ้นไปหลายสิบเมตร และออกคำสั่งให้ไปตามหาฝูงก็อบลิน ทำให้มันบินกระจัดกระจายออกไป
ทำการปราบมอนสเตอร์ระดับ D มาหลายชนิดอยู่ แต่ที่ให้ค่าประสบการณ์ดีที่สุดคือก็อบลิน สู้หนึ่งครั้งแล้วได้ค่าประสบการณ์มากกว่า 1000 มีแค่ก็อบลินเท่านั้น ถึงจะมีมอนสเตอร์ระดับ D ที่ค่าประสบการณ์ต่อตัวสูงกว่าก็อบลิน แต่จำนวนที่ปรากฏตัวต่อหนึ่งครั้งค่อนข้างน้อย
ไม่รู้ว่าก็อบลินมันเยอะ หรือมอนสเตอร์อื่นมันน้อย แต่อีกหนึ่งเหตุผลคือก็อบลินพบได้เร็วที่สุดด้วย
กลายเป็นนักฆ่าก็อบลินเต็มตัวซะแล้ว
(ก่อนอื่นก็ก็อบลิน 100 ตัว หลังจากนั้นค่อยกำจัดกระต่ายมีเขาเพื่อสะสมเงินค่าขนมและหินเวท เอาสัก 5 ตัวก็น่าจะพอ)
ทำการรอสัตว์อัญเชิญกลับมา พร้อมกับกำหนดโควตาของการล่าครั้งนี้
อัตราการพบมอนสเตอร์ไม่ได้สูงถึงขนาดนั้น ถ้าหากไม่มีสัตว์อัญเชิญแล้วละก็ ใน 1 วันน่าจะล่าได้แค่ประมาณ 3 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากการค้นหาศัตรูเป็นเลิศ ทำให้ประสิทธิภาพการล่าของอเลนเข้าขั้นดีเยี่ยม
ตอนที่กำลังคิดถึงโควตา สัตว์อัญเชิญนก E 1 ตัวก็กลับมา เริ่มการล่าแล้ว
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง
อเลนกินมั่นฝรั่งตากแห้งและผลโมลโม่ เพราะต้องวิ่งวนไปมารอบๆ ทำให้การเติมพลังเป็นสิ่งสำคัญ ผลโมลโม่มีทั้งน้ำและพลังงาน ถือว่าให้ประสิทธิ์ภาพได้เป็นอย่างดี แถมยังอร่อยด้วย
ทันใดนั้นฮอค 1 ตัวก็มาหยุดอยู่ตรงกิ่งไม้ใกล้ๆอเลน
“โอ๊ะ รอก่อนนะ กินใกล้จะเสร็จแล้ว”
‘ปี้!’
(หือ? อะไรกัน?)
สภาพของสัตว์อัญเชิญนก E แปลกไปกว่าทุกที เลยเงยหน้ามองดูท้องฟ้า สัตว์อัญเชิญนก E 3 ตัวที่พบเหยื่อกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า และไม่ลงมาที่ต้นไม้
(เอ๊ะ?)
‘ปี้!!!’
สัตว์อัญเชิญนก E ร้องดังขึ้น ราวกับกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่างอยู่
“หือ? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”
การกระทำที่แปลกไปกว่าปกติของนก E เลยทำการเก็บมันฝรั่งตากแห้งที่กินอยู่ พอสัตว์อัญเชิญนก E เห็นอย่างนั้นก็ทำการกระพือปีกจากกิ่งไม้ค่อยๆมุ่งไปข้างหน้า พร้อมกับดูอเลน พอยินยันว่าเขาตามมาแล้ว ก็ทำการเร่งความเร็วขึ้น
(โอ้ เร็วมากเลยนะเนี่ย)
สัตว์อัญเชิญสายนกจะมีความเร็วกับความฉลาดที่สูง ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งยิ่งเร็วขึ้นไปอีก ทำให้อเลนเร่งความเร็วของตัวเอง เขาเองก็เร็วขึ้นจากเลเวลที่เพิ่มขึ้น
(จริงดิ ค่อนข้างไกลนะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกันแน่?)
วิ่งไปได้ประมาณ 15 นาที ก็ได้ยินเสียงมาจากที่ห่างไกล เหมือนเสียงตะโกนเลย
“มิลซี่หนีไป!!”
“ตะ แต่จะให้ปล่อยริต้ากับเรเวนไว้เหรอ”
“รีบไปซะ!!!”
(หือ? สู้อยู่เหรอ? เรเวน?)
ที่อยู่ตรงนั้นคือผู้หญิงที่ใช้ดาบสั้นกับฝูงก็อบลิน ส่วนด้านหลังมีชายที่บาดเจ็บล้มอยู่กับหญิงสาวที่ถือคทา ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วน่าจะเป็นนักผจญภัย
ริต้าผู้ใช้ดาบสั้นต่อสู้กับก็อบลิน 4 ตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้านหลังของก็อบลินมีตัวที่ตายไปแล้ว 2 ตัว ริต้าโดนเล่นงานแขนไปข้างหนึ่งทำให้ยกไม่ขึ้นแถมมีเลือดไหลหยดลงบนพื้น กำลังต่อสู้อย่างเต็มที่ด้วยแขนข้างเดียวพร้อมพูดอย่างดังว่าไม่ยอมให้ผ่านตรงนี้ไปหรอก เหล่าก็อบลินแสยะยิ้มและไล่ล้อมเข้ามา
ระยะห่างอีกหลายสิบเมตร อเลนหยิบลูกเหล็กออกมา พร้อมกับปาสุดแรงเกิด
(อย่างนี้ถือเป็นการปาบอลครั้งแรกเลยสินะ)
กร็อบ
‘ก’’กี้?’’’
ใบหน้าของก็อบลินตัวหนึ่งโดนบดขยี้ ก็อบลินที่โดนลูกเหล็กตรงหน้าทรุดลงไปกับพื้น
“มาช่วยแล้วครับ!!”
“เอ๊ะ? ใครกัน?”
(นี่ ข้างหน้าสู้อยู่ไม่ใช่เหรอ)
และทำการปาลูกเหล็กไปอีก ก็อบลินตัวที่ 2 ก็โดนที่ใบหน้า จนโงนเงนไปมา
(ไม่ตายด้วยลูกเหล็กเหรอ)
“ลูกเหล็กของผมไม่สามารถจัดการมันได้ ระวังตัวด้วย!”
“ขะ เข้าใจแล้ว……”
ถึงจะยังสับสนที่จู่ๆมีกองหนุนมา แต่อเลนไม่สนใจเรื่องนั้นและปาลูกเหล็กลูกสุดท้ายไป แต่เพราะก็อบลินโดนจัดการไปแล้ว 2 ตัว ทำให้การระวังหันมาที่อเลน ก็อบลินใช้มือป้องกันลูกเหล็กที่ลอยมาจนแขนข้างนั้นหัก
ดูเหมือนจะยังเหลือแรงมากกว่าก็อบลิน 2 ตัวที่โดนตรงหน้า เลยใช้มือข้างที่ยังใช้ได้กำตะบองไว้แน่น
(ก็อบลินที่ยังขยับได้มี 2 ตัว ช่วยไม่ได้)
ทำการชักดาบสั้นแล้วกระโดดเข้าใส่ ต่อหน้าคนอื่นจะเอาสัตว์อัญเชิญออกมาไม่ได้ สัตว์อัญเชิญนก E เองก็ทำการเปลี่ยนเป็นการ์ดหมดแล้ว
“ตัวที่ยังไม่บาดเจ็บผมจะจัดการเอง! ฝากตัวที่เหลือแขนข้างเดียวด้วย!!”
“เข้าใจแล้ว……”
พุ่งเข้าใส่ก็อบลินที่มีดาบยาวเก่าๆสนิมเขรอะ ช่วงที่ทำการกำจัดอัลบาเฮรอน ใช้ทักษะพิเศษเกาะดูดของสัตว์อัญเชิญแมลง F เพื่อแย่งชิงพลังจนเอาชนะมาได้
ครั้งนี้เอาสัตว์อัญเชิญออกมาไม่ได้ เริ่มการต่อสู้โดยไม่มีทักษะพิเศษ
หลบการฟันของก็อบลินทั้งหมด จะใช้ดาบสั้นรับการโจมตีไม่ได้ เพราะถ้าใช้ดาบสั้นรับอาจจะทำให้คมดาบบิ่นได้ ไม่อยากจะเปลืองอาวุธโดยใช่เหตุ
จากการที่เพิ่มเลเวลจนถึง 12 กับผลของพรคุ้มครองทำให้พลังโจมตีและความเร็วอยู่ที่ประมาณ 300 เข้าประชิด และฟันใส่จุดตายอย่างคอทันที พร้อมกับกระโดดถอยหลังก่อนที่เลือดจะพุ่ง ชนะอย่างท่วมท้น
การที่ตามปกติใช้สัตว์อัญเชิญในการกำจัด เพราะไม่อยากให้ชุดอันล้ำค่าที่ได้รับมาต้องสกปรก จนถึงตอนนี้ต่อสู้โดยที่เสื้อผ้าไม่เลอะเลย
ก็อบลินทรุดลงไป ทำให้หันไปมองริต้านักผจญภัยสาวที่ใช้ดาบสั้น ดูเหมือนทางนู้นเองก็จัดการก็อบลินได้แล้ว คงไม่แพ้กับแค่ก็อบลินที่บาดเจ็บหรอก และลงดาบจัดการก็อบลินที่โดนลูกเหล็กตรงหน้า 2 ตัว
“เรเวน!”
“อึ้กก”
นักผจญภัยที่บาดเจ็บหนักเจียนตายมีชื่อว่าเรเวน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นักผจญภัยที่ช่วยบอกเกี่ยวกับมอนสเตอร์ให้อเลนนั่นเอง ถึงพวกพ้องจะพยายามส่งเสียงอย่างเอาเป็นเอาตาย กลับทำได้แค่ส่งเสียงครางแหบๆออกมา ดูเหมือนใกล้ตายเลย
อเลนเข้าไปใกล้ เด็กชายผมดำที่จู่ๆปรากฏตัวขึ้นมา อายุน่าจะยังไม่ถึง 10 ขวบด้วยซ้ำ ถึงจะได้รับความช่วยเหลือแต่ทั้งคู่ยังคงระแวงอยู่เล็กน้อย
(อืม ดูเหมือนคนที่ชื่อมิลซี่จะมีหน้าที่รักษา แต่เท่าที่เห็นพลังเวทหมดงั้นเหรอ? รักษาไม่ได้หรือเปล่านะ ช่วยไม่ได้ใช้สมุนไพรแห่งชีวิตก็แล้วกัน)
“ขอโทษครับ มีสมุนไพรอยู่ จะให้ใช้ไหมครับ?”
““จะ จริงเหรอ!!””
สีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนไปในทันที
“เท่าไรก็จะจ่าย ช่วยเรเวนที!!”
ถึงจะไม่ได้ใช้คำสุภาพ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ทำการหยิบสมุนไพรแห่งชีวิตที่สร้างขึ้นมาจากทักษะพิเศษของสัตว์อัญเชิญพืช E ออกมา โดยแกล้งทำเป็นเหมือนเอาออกมาจากด้านหลัง
(แย่แล้ว ทดลองผลครั้งแรก ต้องมาใช้กับคนบาดเจ็บหนักขนาดนี้เลยเหรอ)
ถึงจะยังทำการสำรวจไม่เสร็จ แต่จากชื่อคิดว่าน่าจะใช้ฟื้นฟูค่าพลังกายอยู่ ทำการกำใบไม้ที่เหมือนใบชิโซะเข้าไปใกล้เรเวน เนื่องจากไม่รู้วิธีใช้ เลยลองเอาไปโดนตรงส่วนท้องที่บาดเจ็บสาหัส
พวกพ้องทั้งสองคนที่ดูเป็นห่วง มองการกระทำของอเลนที่กำใบไม้เข้าไปใกล้เรเวนที่ใบหน้าเหม่อลอย
(ไม่อยากให้มองด้วยสายตาที่คาดหวังอย่างนั้นเลย มันจะฟื้นฟูได้ขนาดไหนก็ไม่รู้ เดิมทีจะใช่ยารักษาหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน)
สมุนไพรแห่งชีวิตโดนตัวของนักผจญภัย
ใบไม้ที่โดนแผลส่องแสง และหายไปราวกับฟองอากาศ ทันใดนั้นท้องของเรเวนที่เห็นไปถึงเครื่องในก็สมานกันอย่างรุนแรง เลือดอาจจะยังติดอยู่ตรงท้องก็ได้ แต่ดูเหมือนจะหายสนิทแล้ว
เรเวนได้สติและค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนจะทำการลูบบาดแผลตรงท้องเพื่อตรวจสอบ
“โอ้ว!”
เรเวนประหลาดใจที่แผลถูกรักษาหาย ส่วนพวกพ้องของเรเวนอย่างริต้ากับมิลซี่ก็ส่งเสียงที่ประหลาดใจขึ้นมา
““เรเวน!””
“ฉะ ฉัน?”
ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองยังปลอดภัยอยู่ เลยทำการถามมิลซี่ที่ถือคทาว่าทำการรักษาให้หรือ ซึ่งเธอส่ายหน้าไปมา
“ดีจังเลย ดูเหมือนเหมือนจะปลอดภัยแล้ว คุณริต้าใช่ไหมครับ จะรักษาแขนของคุณริต้าให้ด้วยนะครับ”
ทำการหยิบสมุนไพรแห่งชีวิตออกมาจากตรงหลังอีกครั้ง และเอาไปแตะแขนที่บาดเจ็บจนเลือดไหล ซึ่งทำการกำเอาไว้ราวกับไม่อยากให้เห็นสมุนไพรแห่งชีวิต
นักผจญภัยทั้ง 3 จ้องมองดูความเป็นไป แล้วแผลก็หายเป็นปลิดทิ้ง ราวกับว่าเวลาได้หวนย้อนกลับ เท่าที่เห็นก็หายสมบูรณ์แบบ ทำการยกแขนที่กระดูกหักจนยกขึ้นไม่ได้มาตรงแถวหน้าอก และกำมือเข้าออกหลายต่อหลายครั้งด้วยความประหลาดใจ
“““ดอกมูราเสะ!!!”””
ทั้ง 3 คนพูดชื่อของสมุนไพรที่ช่วยชีวิตของโรดันออกมาพร้อมกัน