Hell mode - ตอนที่ 57
บทที่ 57 อัตตา 2
เรเวนกับริต้าฟื้นฟูสมบูรณ์ด้วยสมุนไพรแห่งชีวิต ดูเหมือนจะประหลาดใจกันมากที่ทำไมถึงใช้ยาฟื้นฟูที่ล้ำค่าอย่างนั้น
“เท่านี้น่าจะไม่เป็นไรแล้วนะครับ คุณมิลซี่ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนนะครับ?”
ถึงจะดูไม่เป็นไรแต่ลองยืนยันดูอีกครั้ง เพราะสมุนไพรแห่งชีวิตยังเหลืออีก 1 อัน
“ฉะ ฉันสบายดี”
เธอยื่นมือทั้งสองข้างออกมาข้างหน้า ราวกับจะแสดงให้เห็นว่าสบายดี
“อย่างนั้นเหรอครับ น่าจะกลับเมืองกันได้ใช่ไหมครับ? เมืองอยู่ทางนี้นะครับ”
รู้ทิศทางของเมืองจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ เนื่องจากอยากจะล่าจนถึงเวลาที่ฉิวเฉียด เลยจำทิศทางของเมืองจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์
“เอ๊ะ อ้อ ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้บาดเจ็บคงไม่แพ้ก็อบลินหรอก”
เรเวนพูดอย่างนั้นพร้อมกับยืนขึ้น แต่ตอนนี้มือเปล่าไม่รู้วางอาวุธไว้ที่ไหน ดูเหมือนจะบาดเจ็บห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกลอยู่
เรเวนที่รู้ตัวว่ามือเปล่า ไปเก็บดาบขึ้นสนิมมาจากศพของก็อบลิน ดูท่าอาวุธคงถูกทิ้งเอาไว้ตอนได้รับบาดเจ็บ
“ดูท่าคงจะไม่เป็นไรแล้วสินะครับ ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะครับ”
พอพูดอย่างนั้นและกำลังจะจากไป
“เอ๊ะ? หา! รอก่อน หือ? จะว่าไป เธอเด็กที่อยู่ตรงกิลด์นักผจญภัยก่อนหน้านี้นี่”
อาจจะเพราะสบายขึ้นจากสภาพใกล้ตายแล้ว ทำให้จำอเลนได้
“ใช่อยู่หรอก ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ”
ตอบกลับไปด้วยสีหน้าลำบากใจ ราวกับจะบอกว่ามีอะไรอีก
(ถ้าให้พูดตามตรง ถ้ากลับได้ด้วยตัวเองก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ อยากจะกลับไปล่าต่อแล้วด้วย)
เพราะอย่างนี้ทำให้เสียเวลาไปชั่วโมงนิดๆ วันหยุดที่แสนสำคัญ อยากจะกลับไปล่าต่อแล้ว
“ยะ อยากจะขอบคุณน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ความรู้สึกอย่างเดียวก็พอแล้ว”
แล้วก็โดนหยุดอีกครั้ง
(เดี๋ยวสิ รู้หรือเปล่ากว่าจะถึงโควตาต้องกำจัดก็อบลินอีกตั้ง 60 ตัวเนี่ย?)
แต่เรเวนไม่มีทางรู้อยู่แล้ว
“จะให้ขอบคุณยังไงได้บ้างเหรอ?”
ถึงจะบอกไปหลายครั้ง แต่ดูเหมือนอยากจะขอบคุณทำให้ไม่ยอมถอย เลยใช้ความคิด
“ถ้าอย่างนั้น เอ่อ คุณเรเวนใช่ไหมครับ คุณเรเวนเป็นนักผจญภัยใช่ไหมครับ”
“กะ ก็ใช่อยู่หรอก”
อย่างที่เห็นนั่นแหละ
“วันนี้ค่อนข้างยุ่ง ไว้คราวหน้าช่วยบอกเรื่องเกี่ยวกับนักผจญภัยให้ทีด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้ว”
เรเวนยังรอคอยคำพูดต่อ
(มีแค่นี้แหละ ยังต้องการอะไรอีกกัน?)
“แล้วก็ อย่าพูดเรื่องของผมกับคนอื่นด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้ว จะไม่พูดกับคนอื่นแน่นอน”
อีกสองคนที่เหลือเองก็พยักหน้า เรเวนยังต้องการอีก สำหรับเรเวนแล้ว อเลนเป็นคนที่ช่วยเหลือยามคับขัน แถมยังใช้ดอกมูราเสะ 2 อันที่มีราคาหลายเหรียญทอง
“มีแค่นี้แหละครับ อ้อใช่แล้ว ขอหินเวทของก็อบลินพวกโน้นทั้งหมดด้วยครับ อ้า!”
(อ้า หินเวทไง!)
“หือ?”
พอพูดถึงเรื่องที่อยากได้หินเวทของก็อบลิน 5 ตัวที่ทำการกำจัดไป เลยนึกเรื่องสำคัญออก
“มีอะไรเหรอ?”
“ผมไม่สามารถใช้งานกิลด์นักผจญภัยได้ครับ”
“หือ? นั่นสินะ”
“ผมตามหาหินเวทระดับ E อยู่ครับ”
ไม่สามารถใช้งานกิลด์นักผจญภัยได้ เลยไปที่ร้านขายอุปกรณ์เวทมนตร์ พอบอกว่าอยากได้หินเวทระดับ E เพื่อใช้กับอุปกรณ์เวทมนตร์สำหรับการเดินทาง ทำให้รู้ว่าถึงจะทำการรับซื้อแต่ไม่ได้ขาย
“หือ”
“ถ้าอย่างนั้น ขอแลกหินเวททั้งหมดของก็อบลินที่นี่ กับหินเวทระดับ E 100 ก้อนได้ไหมครับ ถือว่านี่เป็นการขอบคุณก็ได้ครับ?”
ทำการบอกว่าอยากให้ทำการรวบรวมหินเวทระดับ E 100 ก้อนให้หน่อย จะจ้างกิลด์นักผจญภัยก็ได้
“คะ แค่นั้นมันจะดีเหรอ?”
“แน่นอนครับ พวกคุณอาศัยอยู่ที่เมืองแกรนเวลใช่ไหมครับ?”
“อือ พักอยู่ที่โรงแรมของเมืองแกรนเวล”
“อย่างนี้นี่เอง ไว้พอถึงวันที่ระบุแล้วจะไปหาถึงที่พักนะครับ จะฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์แล้วบอกว่าคนที่ชื่ออเลนมาเอาก็ได้ไม่เป็นไรครับ”
แค่ 1 สัปดาห์น่าจะรวบรวมได้อยู่ เรเวนคิดว่าแค่นี้มันพอจริงเหรอ แต่ก็ยอมถอย และไปทำการเก็บหินเวทของก็อบลิน
“ถ้าอย่างนั้น ขอให้กลับถึงเมืองโดยปลอดภัยนะครับ”
“อือ ช่วยได้มากเลย”
““ขอบคุณนะ””
หลังจากพูดอย่างนั้นก็ออกวิ่งจากตรงนั้นสุดแรงโดยไม่หันกลับไป และวิ่งกลับไปทางเดิมที่มา
หลังจากวิ่งออกมาค่อนข้างไกลก็หยุดลง
(ทำให้เสียเวลาซะเยอะเลย แต่เอาเถอะ สามารถหาหินเวทระดับ E ได้ 100 ก้อนถือว่าดีไป เอาละ ยังไงดีนะ อยากกลับไปล่าอยู่ แต่ก็อยากสะสางเรื่องที่เกิดเมื่อครู่)
อยากจะตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักผจญภัย
(ก่อนอื่นก็สมุนไพรแห่งชีวิต สิ่งนี้เป็นยาฟื้นฟูพลังกายไม่ผิดแน่ๆ แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้มาตรวจสอบในสภาพอย่างนี้)
ทำการมองดูสมุนไพรแห่งชีวิตใบสุดท้าย ดูยังไงก็เหมือนกับใบขิโซะที่โลกก่อน แต่ทำให้รู้แล้วว่าถ้าเอาไปสัมผัสบาดแผลถึงจะได้ผล
(ยาฟื้นฟูมีอยู่ 2 ประเภท บางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นยาฟื้นฟูแบบค่าคงที่ก็ได้)
อเลนสมัยที่ยังเป็นเคนอิจิ ได้เล่นเกมมามากมาย ค่าที่ใช้แสดงพลังชีวิตของตัวละ แต่ละเกมเรียกแตกต่างกันไป HP บ้าง ไลฟ์พ้อย แต่ถ้ามันกลายเป็น 0 จะทำให้ตาย สิ่งที่จะใช้ฟื้นฟูค่าพลังชีวิตนี้คือยาฟื้นฟู
ซึ่งยาฟื้นฟูนั้นมี 2 ชนิด
・ฟื้นฟูเป็น % ตามค่าพลังกายสูงสุด
・ฟื้นฟูแบบค่าคงที่
ถ้าคิดตาม % ของค่าพลังกายสูงสุดแล้วละก็ ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีพลังกาย 1000 แล้วยาฟื้นฟูได้ 30% เท่ากับจะฟื้นฟูพลังกายได้ 300
ส่วนถ้าเป็นยาฟื้นฟูแบบค่าคงที่ 500 แล้วละก็ จะทำการฟื้นฟูให้ 500 โดยไม่เกี่ยงค่าพลังกายสูงสุด
คิดถึงความแตกต่างของโรดันกับเรเวน ถึงโรดันจะใช้ดอกมูราเสะ แต่กว่าจะเดินได้ต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือน ส่วนคุณเรเวนพอใช้แล้วก็ได้สติและลุกขึ้นยืนไปหยิบดาบได้เลย
(ถ้าคิดตามปกติแล้ว ดอกมูราเสะน่าจะฟื้นฟูเป็น % ส่วนสมุนไพรแห่งชีวิตจะฟื้นฟูแบบค่าคงที่)
ถ้าสมุนไพรแห่งชีวิตฟื้นฟูเป็น % แล้วละก็คงมีผลฟื้นฟูพลังกาย 100% สิ่งนั้นมันค่อนข้างมีประสิทธิภาพมากเกินไป เป็นแค่ยาฟื้นฟูระดับ E ด้วย ทำให้คิดว่าค่าพลังกายสูงสุดของของเรเวนคงต่ำทำให้มันฟื้นฟูจนเต็มก็ได้
ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับยาฟื้นฟู
(เอาไว้แค่นี้ก่อน ต่อไปก็สมุดเวทมนตร์)
‘กำจัดก็อบลิน 1 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 160’
‘กำจัดก็อบลิน 1 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 160’
‘กำจัดก็อบลิน 1 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 160’
หน้าปกของสมุดเวทมนตร์ แสดงข้อความค่าประสบการณ์ที่กำจัดก็อบลิน 3 ตัว
(ค่าประสบการณ์ ได้เป็น 80% ของตอนล่าคนเดียวเหรอ)
(ที่ตรงนั้นมีแค่ฉันกับนักผจญภัย 3 คน ที่เข้าต่อสู้มีแค่ฉันกับคุณริต้า ก็ยัง 80 % เหรอ)
ตรวจสอบการเฉลี่ยค่าประสบการณ์
(อย่างนี้นี่เอง ยืนยันได้แล้วว่าแบ่งตามจำนวนคน ถ้าจัดการด้วยจำนวนคนเท่านี้จะคำนวณที่ 80% งั้นเหรอ)
ขึ้นอยู่กับเกม บางครั้งการล่าต้องใช้คนจำนวนมาก โดยค่าประสบการณ์จะได้น้อยลงตามจำนวนนั้น มีบ้างที่เฉลี่ยค่าประสบการณ์แค่ 60-80%
(ค่าประสบการณ์ของหมูป่าคือ 400 สินะ ถ้าคิดจาก 80% แล้วละก็ ค่าประสบการณ์จริงๆน่าจะแค่ 500 เหรอ คงไม่ใช่หรอกหมูป่าระดับ C จะมีค่าประสบการณ์แค่ 2.5 เท่าของก็อบลินได้ยังไง แล้วถ้าค่าประสบการณ์จริงคือ 1000 ล่ะ?)
อเลนทำการคาดเดาการเฉลี่ยค่าประสบการณ์
・ถ้า 2 – 4 คน จะได้ 80%
・ถ้าหาก 20 – 40 คน จะได้ 40%
(น่าจะประมาณนี้สินะ)
ทำการบันทึกผลของสมุนไพรแห่งชีวิตและการเฉลี่ยค่าประสบการณ์ไว้ในสมุดเวทมนตร์
(เอาละ เรื่องนั้นเอาไว้แค่นี้ก่อน ปัญหาคือสัตว์อัญเชิญ ฮอคออกมา)
ร่างของสัตว์อัญเชิญนก E 1 ตัวปรากฏออกมา ที่นี่ไม่ใช่ป่าและทัศนวิสัยไม่ได้แย่ เพราะอย่างนั้นเลยทำการเรียกสัตว์อัญเชิญนก E ไว้บนท้องฟ้า สัตว์อัญเชิญสัตว์ E จะเรียกออกมาแค่ตอนต่อสู้กับตอนเก็บหินเวทเท่านั้น ตอนเคลื่อนที่จะพยายามไม่เรียกสัตว์อัญเชิญออกมาเพื่อป้องกันการโดนพบเห็นโดยนักผจญภัย
ทำการเรียกสัตว์อัญเชิญนก E ออกมาตรงพื้นข้างหน้า ไม่ใช่บนท้องฟ้า
“ทำไมถึงได้ไม่สนใจคำสั่ง?”
พออเลนพูดออกมา ทำให้สัตว์อัญเชิญนก E ถึงกับทำคอตก
“ฉันสั่งอะไรไป? ก็อบลิน 5 ตัวที่ไม่มีนักผจญภัย แล้วอยู่ในระยะ 3 กิโลเมตรไม่ใช่เหรอ?”
สัตว์อัญเชิญคอตกมากยิ่งขึ้น
“คิดว่าน่าสงสารเหรอ? เลยอยากให้ไปช่วยนักผจญภัยพวกโน้นเหรอ?”
ทันใดนั้นสัตว์อัญเชิญก็พยักหน้า
พอเห็นดังนั้น ก็พูดไม่ออกขึ้นมาแวบหนึ่ง
“งั้นเหรอ เจ้าเองก็มีสินะ? สิ่งที่เรียกว่าอัตตา?”
ทันใดนั้น สัตว์อัญเชิญก็ทำการเอียงคอราวกับสงสัยว่าพูดเรื่องอะไร
“ไม่รู้ถึงขนาดนั้นเหรอ แต่ว่า งั้นเหรอ สัตว์อัญเชิญที่มีอัตตาสินะ”
อเลนคิดมาตลอดว่าสัตว์อัญเชิญจะเคลื่อนไหวที่สั่งตามกลไกของระบบ ทำได้แค่ตามสิ่งที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้น การคงอยู่ที่เคลื่อนไหวตามคำสั่ง การคงอยู่ที่ใช้ทักษะพิเศษกับค่าสเตตัสตามความฉลาดของนักอัญเชิญเท่านั้น
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น สัตว์อัญเชิญสายนกที่มีค่าความฉลาดสูง จะให้ความสำคัญกับอัตตาของตัวเองมากกว่าคำสั่งของนักอัญเชิญ เลยนำทางอเลนมาหาเหล่านักผจญภัยที่บาดเจ็บเจียนตาย
สัตว์อัญเชิญมีอัตตาและความคิดเป็นของตัวเอง
(นี่เหรอสัตว์อัญเชิญที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา)
สัตว์อัญเชิญที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเทพแห่งผู้สร้าง ถ้าหากมีพลังพอที่จะสร้างมนุษย์และโลกได้แล้วละก็ แค่การสร้างสัตว์อัญเชิญที่มีอัตตาของตัวเองคงเป็นเรื่องง่ายๆ
“ฮอค ไม่ได้จะดุอะไรหรอกนะ”
ทำการลูบสัตว์อัญเชิญนก E ทันใดนั้น สีหน้าที่หดหู่ก็เปลี่ยนไปเป็นดีใจในทันที
“ใช่แล้ว คราวหน้าจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ดังนั้นทำตามคำสั่งด้วยนะ”
ปี้’
ฮอคสัตว์อัญเชิญนก E กางปีกออก และส่งเสียงร้องอันดังออกมา อเลนได้ยินราวกับตอบว่าเข้าใจสิ่งนั้นแล้ว