Hell mode - ตอนที่ 58
บทที่ 58 รบเร้า
เข้าสู่ช่วงปลายเดือนธันวาคม หลังจากที่ช่วยเรเวน ก็ออกไปล่าอีกครั้ง และได้รับหินเวทระดับ E 100 ก้อนมาแล้ว ถึงจะบอกว่าฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม แต่เรเวนกลับจงใจมารออเลนเองเลย
การที่มอนสเตอร์ที่ทำการอัญเชิญออกมามีอัตตาหรือไม่มีนั้นมันแตกต่างกันมาก เพราะอย่างนั้นทำให้ครุ่นคิดถึงการใช้ชีวิตและการเติบโตของนักอัญเชิญว่าจะต้องไปในแนวทางไหน ในระหว่างที่ทำงานในฐานะคนรับใช้ฝึกหัดต่อไปเรื่อยๆ
(เอาแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไปก็แล้วกัน ถ้าให้บอกว่ามีอัตต่หรือไม่มีดีกว่า ก็คงต้องบอกว่ามีมันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะทำสิ่งอื่นได้เพิ่มขึ้น)
“หวัดดี”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อะไรกัน? มีเรื่องให้คิดเหรอ?”
หัวหน้าพ่อครัวที่อยู่ตรงโรงอาหารสำหรับคนรับใช้ส่งเสียงมาหา ช่วงนี้เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น ระหว่างรอคิวทำการก้มหน้าใช้ความคิด ทำให้รู้สึกสนใจสภาพอย่างนั้นก็ได้
“เปล่าครับ”
“เอ้า แถมให้ กินเยอะๆซะ”
หัวหน้าพ่อครัวที่อายุไล่เลี่ยกับพ่อบ้าน ตักเนื้อชิ้นใหญ่ใส่ชามซุปของอเลน
“ขะ ขอบคุณมากครับ”
“หา!? ทำไมแค่อเลนล่ะครับ? ฉันเองก็อยากได้เนื้อบ้าง”
“นี่ริกเกล แกไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ อเลนไปจับกระต่ายมีเขามาให้ตั้ง 10 ตัวเลยนะ”
อะไรกัน~ หัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกลพึมพำออกมา
จากการล่า 2 ครั้งทำให้จับกระต่ายมีเขามาได้ 10 ตัว กำหนดไว้ว่าจะล่ากระต่ายมีเขาครั้งละ 5 ตัว เนื่องจากไปล่าตั้งแต่เช้ายันเย็น ทำให้คิดว่าจับมาสัก 5 ตัวก็คงพอ ถึงจะได้รับหินเวทระดับ E จากพวกเรเวนมาแล้ว 100 ก้อนแต่ก็ยังต้องการเพิ่มอีก
พอจับกลับมา 5 ตัว ดูเหมือนพ่อบ้านไม่คิดว่าจะจับมาได้ถึงขนาดนี้ โลกนี้ไม่ได้มีฝูงมอนสเตอร์เยอะขนาดนั้น กระต่ายมีเขาอยู่แบบโดดๆ เพราะอย่างนั้นถึงหาทั้งวันอย่างมากก็เจอ 3 ตัว จับได้ 2 ตัวก็เก่งแล้ว
หัวหน้าพ่อครัวที่ทำการชำแหละกระต่ายมีเขา 10 ตัวซึ่งมีขนาดพอๆกับสุนัขด้วยความดีใจ เพราะอย่างนั้นทำให้พูดคุยหัวหน้าพ่อครัวได้ แถมได้เนื้อเพิ่มด้วย ทำให้อาหารที่มีแค่ขนมปังกับซุปผักที่มีเศษเนื้อใส่อยู่เล็กน้อย ปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“ฤดูใบไม้ผลิปีหน้า คุณหนูมิไฮจะกลับมาสินะ”
(หือ? คุณหนูมิไฮ? จะว่าไปลูกชายคนโตที่ไปเมืองแห่งการศึกษาเหรอครับ?)
・ลูกชายคนโตมิไฮ
・ลูกชายคนรองโทมัส
・ลูกสาวคนโตเซซิล
ฟังเรื่องเล่าจากหัวหน้าพ่อครัวในระหว่างที่รอเสิร์ฟ
“ครับ”
“แล้วทำการฝากซื้อน้ำผึ้งที่เมืองหลวงมาเป็นของฝากด้วย เคยกินไหม? หวานมากเลยนะ”
“ไม่เคยเลยครับ อยากลองกินสิ่งนั้นดูจังเลยครับ”
“ใช่ไหมล่ะ พอถึงฤดูใบไม้ผลิบิ๊กโท้ดจะเริ่มออกมา ถ้าหากจับสิ่งนั้นได้แล้วละก็จะแบ่งน้ำผึ้งให้”
“โอ้ว! จริงเหรอครับ! ถ้างั้นจะพยายามจับมันให้ได้ครับ”
(อยากกินน้ำผึ้งด้วยสิ ถึงอย่างนั้น บิ๊กโท้ดเหรอ ถ้ายังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิจะไม่ออกมา จำศีลเหมือนกับงั้นเหรอ)
“เดี๋ยวสิ! อเลนพูดอะไรออกมา! มอนสเตอร์ระดับ D เลยนะ!! อเลนเองก็อย่าจริงจังไปด้วยสิ”
ริกเกลที่อยู่ข้างๆตอบสนองออกมา เพราะพูดออกมาเสียงดังอย่างไม่ปิดบัง ทำให้คนรับใช้รอบๆมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
กินอาหารเสร็จ ก็เริ่มยามเช้าตามปกติด้วยการไปช่วยเก็บกวาดห้องของเซซิล เนื่องจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว เลยไปซักผ้าต่อ ตามปกติไม่จำเป็นต้องประกบติดเซซิลแจก็ได้ เลยทำความสะอาดกับงานทั่วไปในคฤหาสน์เงียบๆ
ตอนที่ทำความสะอาด หัวหน้ากลุ่มอัศวินก็เข้ามาในคฤหาสน์
“ยินดีต้อนรับครับ”
“อืม”
ทำการทักทายหัวหน้ากลุ่มอัศวิน เขาไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ เนื่องจากเป็นระดับท็อปของกลุ่มอัศวิน ทำให้มาที่คฤหาสน์ของบารอนแกรนเวลอยู่บ่อยๆ
พอถามงานของหัวหน้ากลุ่มอัศวินกับริกเกล ได้ยินมาว่ากลุ่มอัศวินทำการสู้รบกับประเทศข้างเคียงอะไรอย่างนั้น
ครั้งแรกเลยที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับประเทศอื่นที่อยู่ติดกับอาณาจักรแกรนเวล
งานหลักของกลุ่มอัศวิน คือการกำจัดมอนสเตอร์และกลุ่มโจร ถึงทั้งสองอย่างจะมีการจ้างวานนักผจญภัย แต่เพื่อรักษากฎระเบียบของอาณาจักร หรือไม่ก็รองรับเผื่อกรณีที่นักผจญภัยไม่ยอมรับเงื่อนไขคำร้องขอ ริกเกลนี่บอกได้ทุกเรื่องจริงๆ
หัวหน้าอัศวินมาคฤหาสน์เพื่อรับคำไหว้วานจากบารอนบ้าง หรือรับรางวัลการกำจัดบ้าง
งานช่วงบ่ายเสร็จแล้ว เลยไปดูแลเรื่องงานเลี้ยงอาหารเย็น วันนี้หัวหน้ากลุ่มอัศวินเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นด้วย มีบ้างที่หัวหน้าและรองหัวหน้ากลุ่มอัศวินจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น
“ดูเหมือนจะชินกับงานของคนรับใช้แล้วสินะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ได้รับคำชมจากหัวหน้ากลุ่มอัศวิน
“สมกับที่เป็นบุตรของโรดัน คิดว่าคงได้ยินแล้ว หมู่บ้านคุเรนะสามารถล่าเกรซบอร์ 20 ตัวได้สำเร็จแล้ว”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นครับ”
เป้าหมายในการล่าหมู่ป่า 20 ตัวของหมู่บ้านคุเรนะในปีนี้ สำเร็จก่อนสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่เจ้าเมืองจะมาได้ทำการฝืนล่าไป 3 ครั้ง ทำให้นึกถึงคำพูดของโรดันออกว่า ให้ไปทำการล่าทุกๆ 10 วัน ดูเหมือนจะล่าได้ถึงเป้าอย่างสบายๆเลย
“ทั้งที่ล่าหมูป่าไปตั้งขนาดนั้นแล้ว ทำไมไม่เห็นเอาออกมาเสิร์ฟเลย?”
ทันใดนั้นพี่ชายของเซซิล โทมันก็บ่นออกมา ก่อนหน้านี้พอถึงฤดูหนาวจะมีเนื้อหมูป่ามาเสิร์ฟอยู่
(หือ? จะว่าไปก็ไม่มีเลยแฮะ คิดว่าหมูป่าที่จับได้ตอนเดือนตุลาคมน่าจะขนมาถึงเมืองแล้วแท้ๆ)
เดือนธันวาคมน่าจะทำการขนเนื้อหมูป่าที่ล่าได้แล้วเอาไปแปรรูปตอนเดือนตุลาคมมาแล้วแท้ๆ จำนวนน่าจะหลายตันด้วย แต่งานเลี้ยงตอนเย็นกับแทบไม่มีเสิร์ฟออกมาเลย
บารอนบอกว่าอย่าพูดเอาแต่ใจตัวเองกับโทมัสที่พูดบ่น ดูเหมือนจะค่อนข้างเข้มงวดกับลูก
(ถ้าราชาต้องการก็หมายความว่าขนเนื้อหมูป่าไปที่เมืองหลวงเหรอ? บนเรือเหาะเวทมนตร์ลำใหญ่โน้น)
พอคิดถึงปลายทางที่เนื้อหมูป่าไป โทมัสก็พูดกับหัวหน้ากลุ่มอัศวิน
“เซนอฟ ปีนี้ไปจับกวางให้ทีได้หรือเปล่า?”
โทมัสที่พูดออกมาด้วยความคาดหวัง เซนอฟหัวหน้ากลุ่มอัศวินโทมัสมองไปที่บารอนแกรนเวล ซึ่งบารอนส่ายหน้าไปมา
“ต้องขอประทานอภัยด้วยครับคุณหนูโทมัส”
“เอ๋ ~”
ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“โทมัส ทำตัวดีๆได้แล้ว! กลุ่มอัศวินไม่ได้มีไว้ใช้อะไรอย่างนั้น!”
บารอนแกรนเวลแสดงความโกรธต่อการเอาแต่ใจของโทมัส เนื่องจากโทมัสดูหวาดกลัวอย่างมากภรรยาของบารอนเลยพูดแทรกขึ้นมา
“นี่โทมัส ลูกเองก็น่าจะรู้แล้วนี่ ว่างานปีใหม่นี้คงไม่มีทั้งหมูป่าและกวางมันคงเป็นแค่การทักทายเรียบง่ายจากทุกคนน่ะ”
ดูเหมือนจะจัดงานเลี้ยงปีใหม่ที่คฤหาสน์
“เอาเถอะ นั่นสินะ ช่วยไม่ได้ที่ปีนี้เนื้อหลักจะใช้ของอะไรเรียบง่ายเนี่ย”
ดูเหมือนงานเลี้ยงปีใหม่ทุกปีจะค่อยข้างยิ่งใหญ่ ทั้งบารอนและพ่อบ้านเองรู้สึกเสียดายเลยถอนหายใจออกมา
ภรรยาของบารอนแกรนเวลเองก็คงเสียดาย โทมัสที่เห็นแม่เศร้าเลยพูดกับอเลนที่กำลังเสิร์ฟอาหาร
“นี่อเลน”
“ครับ คุณหนูโทมัส มีอะไรหรือครับ?”
“ฝีมือการล่าเก่งใช่ไหม? ช่วยไปจับกวางให้หน่อยสิ”
“กวาง? หรือว่าจะเป็นไวท์เดียร์หรือเปล่าครับ?”
อเลนสามารถจับกระต่ายมีเขาได้ ต่างโลกที่ไม่ค่อยมีสิ่งบันเทิงมากนัก การกินอาหารจึงถึงเป็นความสนุกอย่างหนึ่งที่สำคัญ
ถึงจะเป็นตระกูลบารอน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น หลายวันมานี้เพราะอเลน ทำให้อาหารเย็นของตระกูลบารอนดูหรูหราขึ้น
เด็กชายผมดำที่ดูแปลกประหลาด ทั้งที่อายุยังไม่ถึง 8 ขวบแต่ก็เป็นคนรับใช้ฝึกหัดที่ค่อนข้างสะดุดตาแล้ว แถมอเลนคนนั้นช่วงนี้ยังจับกระต่ายมีเขาจำนวนมากมาให้ ทำให้มีพูดคุยกันว่าเป็นใครกันแน่ จากผลสรุปนั้น ทำให้คนรับใช้ในคฤหาสน์ทุกคนรู้แล้วว่าโรดัน พ่อของอเลนถูกเรียกว่านักล่าหมูป่าและจากฝีมือที่ยอดเยี่ยมนั้นทำให้ถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน
ทำให้ยอมรับพรสวรรค์ในฐานะลูกของวีรบุรุษนักล่า มีบ้างที่หัวหน้าพ่อครัวรบเร้าขอให้ช่วยจับมอนสเตอร์ให้ แล้วคราวนี้ก็โทมัส
“ใช่แล้ว ไปจับให้หน่อยสิ!”
รบเร้าราวกับเป็นเรื่องปกติ
ไวท์เดียร์เป็นมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในฤดูหนาว ตามปกติแล้วเนื้อหมูป่าจะมีเยอะกว่า เลยทำการล่าหมูป่าในช่วงที่ยังมีให้ล่า ทำให้นึกถึงสิ่งที่ทาสติดที่ดินของหมู่บ้านคุเรนะทำหลังจากจบการล่าหมูป่า
(ไวท์เดียร์เหรอ จะว่าไปเป็นมอนสเตอร์ระดับ C เท่ากับเกรซบอร์ เลเวลเองก็เพิ่มขึ้นแล้วด้วย ไปลองล่าเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งสักครั้งดูดีกว่า)
โทมัสพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ไร้กังวล ดูเหมือนจะไม่สงสัยเลย
“รับทราบแล้วครับ จะไปจับไวท์เดียร์มาให้เองครับ”
ทุกคนได้ยินบทสนทนานี้ แต่ไม่มีใครสักคนที่จะหยุดการพูดที่ดูไม่น่าเป็นไปได้นี้เลย