Hell mode - ตอนที่ 84
พอเข้าเดือนตุลาคม อเลนก็อายุ 11 ปี
ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่เริ่มกวาดล้างหมู่บ้านออร์ค ได้ทำลายหมู่บ้านออร์คไปแล้วประมาณ 20 แห่ง ถึงจะยังเหลือหมู่บ้านอยู่บ้าง แต่ตั้งใจจะทำลายหมู่บ้านออร์คทั้งหมด แน่นอนว่าทำการกวาดล้างไล่ตั้งแต่ทางทิศเหนือของเทือกเขามังกรขาวที่มุ่งเน้นกับการเปิดเหมืองขุดแร่มิธริลอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ทำให้การเตรียมเหมืองตรงทิศเหนือของเทือกเขามังกรขาวคืบหน้าไปอย่างมาก จากเดิมที่ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 ปีเพื่อที่จะเริ่มการขุด ลดเวลาเหลือแค่ 2 ปี
การหาคนงานไปยังสถานที่ขุดเองก็คืบหน้า ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะเริ่มเตรียมตัวสร้างเมืองเพื่อทำการถลุงแร่มิธริลที่ขุดมาได้ ซึ่งเริ่มเปิดรับสมัครคนแล้วด้วย
(ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นนะเนี่ย ถ้าเป็นไปได้พอทำลายหมู่บ้านออร์คหมดแล้ว ก็อยากจะทำลายรังมดเกราะทั้งหมดต่อ แล้วปีหน้าไปเป็นนักผจญภัย)
ตอนอายุ 8 ขวบ คิดไว้ว่าพออายุ 12 ปีจะเลิกเป็นคนรับใช้ฝึกหัดแล้วออกจากคฤหาสน์ ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาแล้ว 3 ปี ทำให้คิดว่าอยู่คฤหาสน์มาค่อนข้างนานอยู่
อเลน ฝากปกป้องเซซิลด้วยนะ
พอคิดเรื่องจะออกจากคฤหาสน์ก็นึกถึงคำพูดของมิไฮเมื่อเร็วๆนี้ขึ้นมา อยากจะให้ปกป้องจากอะไรกันแน่นะ ถ้าคำพูดนั้นอยากจะให้รับใช้เซซิลไปตลอดชีวิตคงเป็นไปไม่ได้ คิดว่าน่าจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่แต่ยังไม่รู้ถึงสิ่งนั้น
“วันนี้ราชทูตจะมาสินะ”
“เหมือนจะอย่างนั้นครับ”
ตอนที่กินอาหารเช้า หัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกลก็เข้ามาคุย การพูดคุยตอนเช้ากับริกเกิลเองก็ผ่านมาแล้ว 3 ปี
อย่างที่ริกเกลพูดวันนี้ราชทูตจะมา เมื่อวานมีแจ้งมาว่าวันนี้หลังเที่ยงจะมีแขกมาหา ทำให้คนรับใช้และคนรับใช้ฝึกหัดของตระกูลบารอนไปรวมตัวที่ห้องอาหารชั้น 2
(เอาเถอะ คงเป็นเรื่องเพิ่มภาษีรายหัวสินะ)
ไม่ได้บอกว่ามาด้วยเรื่องอะไร ทำให้ไม่รู้เหตุผลที่มา แต่ว่าคนรับใช้ของราชวงศ์มีหลายคนที่ชอบทำท่าทียโส ถ้ามีคนอยู่ด้วยจะรู้สึกไม่ชอบใจ
พอเลยเที่ยงไปราชทูตก็มาถึง ถึงจะไม่ได้เลี้ยงอาหารกลางวันแต่ก็ไปที่ห้องอาหาร
พ่อบ้านที่อยู่ตรงทางเข้านำทางไปยังห้องอาหารชั้น 2 แล้วทั้ง 3 คนก็มาถึงห้องอาหาร
คนที่เข้ามาคนแรกแต่งกายดีกว่าอีก 2 คนที่เหลือ ดูเหมือน 2 คนด้านหลังน่าจะเป็นคนใกล้ชิด
ราชทูตที่แต่งตัวดีที่สุดนั่งตรงหัวโต๊ะ ส่วนคนใกล้ชิด 2 คนยืนอยู่ด้านหลัง ดูเหมือนในมือของคนใกล้ชิดจะถืออะไรอยู่ด้วย
พ่อบ้านที่นำทางมา ไปยืนอยู่ด้านหลังบารอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม อเลนยืนอยู่ตรงกำแพงด้านหลังที่นั่งของเซซิล คนรับใช้และคนรับใช้ฝึกหัดคนอื่นๆ ก็ยืนอยู่ด้านหลังครอบครัวของตระกูลบารอนที่ตนเองรับใช้อยู่เหมือนกัน
“ยินดีต้อนรับ วันนี้มาด้วยธุระอะไรหรือครับ?”
“อืม บารอนแกรนเวลทำงานเพื่อราชวงศ์เป็นอย่างดี ท่านพระราชายังบอกด้วยว่าการอุทิศตนของบารอนแกรนเวลถือเป็นแบบอย่างแก่ขุนนางทั้งหลาย”
“ระ เรื่องนั้น สำหรับผู้ที่ดูแลแคว้นแกรนเวล ถือเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่มากเลยครับ”
ราชทูตนั้นค่อนข้างทำตัวใหญ่โต อย่างน้อยก็วางตัวใหญ่โตกว่าบารอน การที่ถ่ายทอดคำพูดของพระราชาได้เป็นสิทธิพิเศษของราชทูต บารอนไม่เคยโดนราชทูตพูดอย่างนี้มาก่อน ทำให้แสดงความหวั่นไหวออกมาทางสีหน้า
แล้วก็เว้นช่วงไปสักพัก บารอนยังรอคอยคำพูดต่อไปของราชทูต ซึ่งโทมัสก็มองไปยังราชทูต
“อืม มันช่างเจ็บปวดอย่างมากที่ต้องมอบสิ่งนี้ให้กับบารอนแกรนเวล”
หลังจากเว้นช่วงสักพักราชทูตก็พูดออกมา ทันใดนั้นคนใกล้ชิด 1 คนก็เดินไปยังกลางโต๊ะยาว พ่อบ้านที่เห็นอย่างนั้นก็เดินมากลางโต๊ะยาวเช่นกัน
พ่อบ้านได้รับอะไรสี่เหลี่ยมมาจากคนใกล้ชิด พ่อบ้านวางซองจดหมายนั้นไว้บนโต๊ะของบารอน
“จดหมาย?”
“ครับ จดหมายจากคุณลูกชายครับ”
ราชทูตตอบคำถามของบารอน
“จะ จากมิไฮ?”
“……”
ดูเหมือนราชทูตจะไม่ตอบอะไรไปมากกว่านี้ เนื่องจากเป็นจดหมายของมิไฮ ทำให้เซซิลจดจ่อไปยังจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ
พอเห็นว่าราชทูตไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ บารอนเลยทำการแกะขี้ผึ้งที่ปิดผนึกซองจดหมายออก แล้วดึงกระดาษ 1 แผ่นออกมา
ตอนที่ดึงกระดาษออกมาจากซอง ก็มีสิ่งอะไรที่คล้ายด้ายสีม่วงอ่อนหลายเส้นร่วงลงมาที่โต๊ะ
พอเห็นอย่างนั้นสีหน้าของบารอนก็แสดงความกังวลออกมาในทันที แล้วเริ่มอ่านกระดาษที่อยู่ในมือ
“หา! อะ อะไรกัน!!”
ทันทีที่เริ่มอ่านบารอนก็ ส่งเสียงที่เศร้าโศกออกมา
“ทะ ท่านพ่อ ท่านพี่มิไฮเขียนว่าอะไรหรือคะ?”
ตามปกติถ้ามีแขกอยู่ด้วย จะไม่ให้คนอื่นนอกจากบารอนเป็นคนพูด จะพูดได้ก็ต่อเมื่อแขกเป็นฝ่ายพูดด้วย แต่เซซิลพูดกับบารอนโดยไม่สนใจเรื่องนั้น ทว่าเขาก็ไม่สนใจคำพูดของเซซิลพร้อมกับอ่านต่อทั้งที่ไหล่ยังคงสั่น
“นะ นี่มันตั้งแต่เมื่อไรหรือครับ?”
“สิ่งนี้เขียนขึ้นเมื่อ 3 เดือนที่แล้วครับ”
“หา! เรื่องนั้น มะ มันคนละอย่างกับที่พูดไว้ไม่ใช่หรือ!! ทะ ทำไมแค่ครึ่งปีถึงกลายเป็นอย่างนี้!!!”
บารอนใช้คำพูดที่รุนแรงกับราชทูต เพราะไม่พอใจท่าทีของราชทูตที่นิ่งเกินไป อารมณ์ที่แสดงออกมาห่างจากสภาพของบารอนยามปกติไปมาก
“คุณลูกชายได้ทำหน้าที่ลุล่วงไปแล้วครับ”
“อะไรกัน ยะ ยังไง พะ เพราะพวกเราเป็นแค่ขุนนางชั้นผู้น้อย เลยส่งไปยังสถานที่อันตรายใช่ไหม!! มิไฮเพิ่งจบการศึกษาไม่ใช่เหรอ!!”
บารอนลุกขึ้นยืน พร้อมกับพูดขึ้นเสียงกับราชทูต
“จะให้เอาคำพูดนั้นไปพูดกับราชวงศ์ไหมครับ?”
“!”
ท่าทีของราชทูตไม่ต่างอะไรกับตอนที่เข้ามาในห้องอาหาร ใช้ถ้อยคำแบบเดียวกล่าวกับบารอน เนื่องจากพูดด้วยท่าทีที่สงบ ทำให้บารอนต้องหยุดคำพูดที่บอกว่าไม่สมเหตุสมผลเอาไว้
“ขะ ขอฉันอ่านด้วยสิคะ!!”
ภรรยาของบารอนลุกขึ้นยืน และแย่งจดหมายจากมือบารอนไปอ่าน
“หา เรื่องนั้น มะ มิไฮ……”
พอภรรยาของบารอนอ่านจดหมายก็ช็อกจนหมดสติ คนรับใช้ของภรรยาบารอนรีบร้อนเข้าไปรับ ก่อนจะพาเธอที่หมดสติออกจากห้องอาหาร
“ถ้าอย่างนั้น เนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อของผู้เสียชีวิตและเงินช่วยเหลือในครั้งนี้อยู่ ไว้หลังจากนี้จะส่งมาให้นะครับ”
“……”
บารอนตามสิ่งที่ราชทูตพูดออกมาไม่ทัน
“ได้ส่งมอบของให้แล้ว เนื่องจากต้องไปที่อาณาจักรถัดไป ขอตัวก่อนนะครับบารอนแกรนเวล”
“คะ ครับ?”
ราชทูตบอกกับบารอนที่ลุกขึ้นยืน
“ต่อจากนี้ก็ขอฝากเรื่องหน้าที่ของบารอนผู้ดูแลแคว้นแกรนเวลนี้ด้วยนะครับ”
“……”
ตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบออกไปได้ เขาไม่สนใจบารอนที่ไม่ตอบกลับมาก่อนจะออกจากห้องอาหารไป พ่อบ้านว่าจะพาไปส่ง แต่เขาบอกออกมาว่า “ไม่จำเป็นต้องส่งก็ได้”
พอราชทูตกลับไป ในห้องอาหารที่ไม่มีภรรยาของบารอนก็เกิดความเงียบขึ้น
“ท่านพ่อ กะ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
เซซิลที่นิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ถามกับบารอน บทสนทนามีเพียงแค่นี้ แต่จากการโต้ตอบกับราชทูตทำให้รู้ว่ามิไฮเสียชีวิตไปแล้ว ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ต้องถามบารอน
“นั่นสินะ……ทุกคนออกไปทีได้ไหม? รวมถึงโทมัสด้วย”
บารอนบอกให้ทุกคนออกไป ดูเหมือนไม่อยากให้โทมัสได้ยิน เหลือเพียงแค่บารอน เซซิลแล้วก็พ่อบ้าน 3 คน อเลนเองก็ต้องออกไปด้วย
เนื่องจากเลยเที่ยงไปแล้วเลยไปทำความสะอาดภายในคฤหาสน์พร้อมกับเหล่าหญิงรับใช้ฝึกหัด ในระหว่างที่ทำความสะอาดก็คิดเกี่ยวกับมิไฮ
(หรือคุณมิไฮอยากจะบอก อาจจะเป็นการฝากฝังสินะ)
อเลนเองก็รู้เรื่องที่มิไฮเสียชีวิตจากบทสทนาของราชทูต บางทีจดหมายนั้นอาจจะเป็นจดหมายสั่งเสียหรืออะไรสักอย่างก็ได้ แล้วก็นึกถึงเรื่องที่มิไฮอยากจะบอกอะไรสักอย่างกับอเลนตอนออกจากคฤหาสน์น์
ตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงที่ดังมากจากห้องอาหารตรงชั้น 2 มาถึงตรงชั้น 1
“ถะ ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าท่านพ่อปล่อยให้ท่านพี่มิไฮไปตายหรือคะ!! รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องตายแต่ก็ยังส่งไปอย่างนั้นหรือคะ!!!”**
“หา!? มะ ไม่ได้บอกอย่างนั้น ตะ แต่เป็นหน้าที่ของขุนนาง”
“นะ หน้าที่นั้นก็บอกให้หนูไปตายด้วยหรือคะ!! ที่ให้หนูมีชีวิตอยู่ก็เพื่อที่จะให้ไปโดนฆ่าหรือคะ!!!”
“หา!? ไม่ใช่อย่างนั้น ระ รอก่อน ซะ เซซิล!!”
เสียงปิดประตูห้องอาหารที่ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ ดูเหมือนเซซิลจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง เหล่าหญิงรับใช้ฝึกหัดเองก็ได้ยินเสียงนั้น ทำให้ซุบซิบกันว่าเกิดอะไรขึ้น
วันนั้นไม่เห็นเซซิลมากินอาหารเย็น ดูเหมือนจะเก็บตัวอยู่ในห้อง
แล้วก็มาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น
“อเลน ได้ยินเสียงเมื่อวานไหม?”
“ครับ เสียงค่อนข้างดังอยู่”
ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์ ได้ยินสิ่งที่บารอนกับเซซิลคุยกัน
“ถึงอย่างนั้น มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย”
“เรื่องจริง?”
“อือ” ริกเกลพูดแค่นั้น ก่อนจะโน้มตัวมาหาอเลนแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ
“ฉันเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว เขาลือกันว่าตระกูลแกรนเวลจะมีชีวิตที่สั้น จะว่าไปทั้งพ่อแม่ของท่านเจ้าบ้าน แล้วก็พี่ชายเองก็ด่วนจากไปอยู่”
เขาบอกออกมาว่าเรื่องนี้อย่าไปพูดให้ใครฟัง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล่าสมัยก่อน ก่อนที่ริกเกลจะมาเป็นเด็กซื้อของเสียอีก
ในระหว่างที่ทำอย่างนั้น ก็ถึงเวลาที่ต้องไปรับใช้เซซิลแล้ว เลยไปที่ห้องของเซซิลพที่เมื่อวานไม่มากินอาหารเย็นพร้อมกับหญิงรับใช้ฝึกหัด
หญิงรับใช้ฝึกหัดทำการเคาะประตูห้องแล้วเข้าไปเพื่อทำการเปลี่ยนชุดให้กับเซซิลเหมือนอย่างทุกที ซึ่งอเลนก็รออยู่หน้าประตู
“ทะ ท่านเซซิล!!!”
หญิงรับใช้ฝึกหัดที่เข้าไปในห้องส่งเสียงตะโกนออกมา อเลนเลยแอบมองว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เห็นหญิงรับใช้ฝึกหัดเอามือทั้งสองข้างปิดปาก
เซซิลไม่อยู่ในห้อง