พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” - ตอนที่ 57
Ch.57 – บทที่ 5 ตอนที่ 4
Provider : รินคะน้า
บทที่5ตอนที่4
「……อาาาา」
ในมุมมองอันแสนมืดมิด ฉันได้สติและกำลังคร่ำครวญ
「ที่นี่มันห้องพยาบาล?」
เมื่อฉันลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆมันคือห้องพยาบาลที่สถาบันโซลมินาติ ฉันนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ผมยาวสีดำคลุมทั่วที่นอน
บางทีมันอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบในบางครั้งฉันก็มักจะรวบมันไว้ยามที่สอบปฏิบัติ
「ตื่นแล้วงั้นเหรอ?ไอริสดิน่าคุง」
「อาจารย์นอร์น……」
นอร์น อัลตินา เจ้าของห้องพยาบาลแห่งนี้เรียกเธอที่ตื่นขึ้น
「เธอสู้กับลิซ่าในคาบเรียนปฏิบัติและเธอก็สลบจนถูกพามาที่นี่น่ะ」
ในที่สุดก็เข้าใจสถานการณ์ที่ฉันมาอยู่ที่นี่
(ใช่แล้วฉันสู้กับลิซ่า คุยกับเธอแล้วฉันก็ถูกเธอซัดจนกระเด็นไป……)
เมื่อฉันเอามือลูบลำตัวเบาๆก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
「เธอโดนฟันไปที่ท้อง แต่กระดูกไม่หัก แต่มันบวมนิดหน่อย แต่ฉันคิดว่าคงจะหายดีในไม่ช้า แต่ถ้ายังเจ็บอยู่ก็ให้มาฉันนะ」
「……ค่ะ」
นอร์นบอกเช่นนั้น แต่ว่าในหัวตอนนี้ฉันคิดแต่เรื่องของเขาเต็มไปหมดเลย
ฉันก็เลยบุกเข้าหาลิซ่าเพราะอยากจะรู้จักเขา แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
「…………」
ฉันรู้สึกเศร้าเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นยังไงฉันก็ทำอะไรระหว่างเรื่องของเธอกับโนโซมุไม่ได้เลย
「……อืมยังไงก็ตาม อย่างที่อันริพูดเลย โนโซมุคุงเปลี่ยนไปมากเลยละนะ」
「เอ๊ะ?」
「ดูเหมือนเขาจะไม่พยายามพูดคุยกับใครเลยจนกระทั่งปีที่ผ่านมา ตามที่อันริบอก เขามักจะโดดเดี่ยวและกลับทันทีที่เลิกเรียน เขากลับเข้าไปในป่าและฝึกฝน」
ฉันไม่รู้เลย ฉันคิดว่าเขาเป็นแค่คนที่ไม่ชอบสถาบันนัก แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนไร้เพื่อนเลย
「อันริกังวลมากเพราะเขาชอบเข้าป่าไปคนเดียวบ่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่ยอมเลิกเสียที เธอเองก็กังวลมาก แต่ว่าท่าทางของโนโซมุก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว」
(แน่นอนเพราะว่าครั้งนั้น……)
มันเป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถปลด “พันธนาการ”ออกมาได้นั่นเอง
ฉันสงสัยว่าอาจารย์นอร์นเองน่าจะรู้อะไรบางอย่างและฟังเธอเล่าต่อไป
「โดยเฉพาะต้นปีนี้ เขาเริ่มที่จะหัวเราะมากขึ้นเลยล่ะ」
(……หัวเราะยังงั้นเหรอ……)
คำพูดนั่นทำให้หัวใจฉันอบอุ่นเล็กน้อย ฉันมีความสุขมากแม้ว่าจะช่วยเธอได้เพียงเล็กน้อยก็ตามที
「หืมมม?แล้วเรื่องข่าวลือ」
「เอ๊ะ?」
ฉันส่ายหัวให้กับอาจารย์นอร์น ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกและมีคนเข้ามา
「「ขออนุญาตครับ」」「ขออนุญาติค่า」
「โนโซมุ ทิม่า มาร์ และแม้กระทั่งโซเฟียด้วยเหรอ……」
คนที่เข้ามาเป็นคนที่ฉันรู้จักดี แถมยังมีโซเมียมาร่วมด้วย
「……ไม่เป็นไรนะ?ไอ」
「ได้รับบาดเจ็บเหรอคะ เป็นอะไรไหมคะเนี่ย?พี่สาว」
「ระหว่างทางไปซื้ออาหารกลางวัน ก็เจอกับทิม่าซังและได้ยินว่าไอริสได้รับบาดเจ็บ ผมก็เลยไปเรียกโซเมียจังที่มากินข้าวเที่ยงกับผม แต่….ไม่เป็นไรสินะครับ?」
ทุกคนต่างมาหาเพราะเป็นห่วงฉัน
ทิม่าและโซเมียมองหน้าฉันด้วยความกังวล โนโซมุเองก็อธิบายว่าทำไมโซเมียถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น แต่เขาก็เป็นห่วงฉันเช่นกัน
「อาาา ไม่เป็นไรหรอกค่ะ」
การที่เขามาเป็นห่วงฉันเช่นนี้ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นมากเลยล่ะและโล่งใจมาก แต่เมื่อพยายามจะบอกว่าไม่ต้องกังวล ปากฉันก็สั่นและพูดอะไรไม่ออก
「อีกอย่าง ดูเหมือนทุกคนจะมาเยี่ยมฉันสินะคะ และคนเจ็บก็ไม่เป็นไรแล้วถ้างั้นก็มาทานข้าวกลางวันกันเถอะ」
「ไอ นี่น่ะ」
ทิม่าหยิบอะไรบางอย่างออกมาแล้วยื่นให้ฉัน ดูเหมือนจะเป็นอาหารกลางวันที่ฉันทิ้งไว้ในห้องเรียน
「อ่าขอบคุณนะทิม่า」
เมื่อได้รับข้าวกล่างมาประตูห้องพยาบาลก็เปิดอีกครั้ง และอาจารย์อันริก็เข้ามาด้วยรอยยิ้มแป้นบนหน้าเธอ เธอถืออาหารกลางวันและเดินเข้ามา
「นอร์นน~~กินข้าวเที่ยงกานนนน~~。อะโนโซมุและเพื่อนๆก็อยู่นี่ด้วยเหรอเนี่ย~」
「สวัสดีค่ะ」
หลังจากยืนยันว่าพวกโนโซมุอยู่ในห้องพยาบาล เธอก็มาที่นี่พร้อมกับอาหารกลางวัน
รอยยิ้มเปล่งประกายเจิดจ้าเสียเหลือเกิน
「อาเระ?เด็กคนนี้คือ?」
อันริเอียงศีรษะทันทีที่เห็นโซเมียที่อยู่ข้างๆฉัน อย่างไรก็ตามโซเมียไม่เคยเจออาจารย์อันริมาก่อน
「อา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ! หนูมีชื่อว่าโซมิเลียน่า・ฟรานซิสค่ะ。ต้องขอบคุณด้วยนะคะที่คอยดูแลพี่สาวหนูมาโดยตลอด!」
โซเมียทักทายอาจารย์อันริและอาจารย์นอร์น
อืม อืม ในฐานะพี่สาวแล้วภูมิใจนำเสนอเลย เธอน่ะเข้ากับคนอื่นได้เก่งมาก และยังเป็นน้องสาวแสนน่ารัก
「อาาา น่ารักจังเลยยยยยยย~~~!」
「โมกิ้วววววววววววว!」
อาจารย์อันริเข้าไปกอดน้องสาวของฉัน อาจเป็นเพราะประทับใจกับเธอมากๆเพราะโซเมียน่ะน่ารักจะตาย
อืม อาจารย์อันริฉันเข้าใจความรู้สึเลยล่ะ แต่บางครั้งฉันเองก็อยากโดนกอดบ้างนะคะ สนใจฉันบ้างสิคะ
「เอ่ออาจารย์อันริก็เข้าใจความรู้สึกอยู่หรอกนะ ดูโซเมียสิทำท่าทางลำบากใจอยู่นะ ปล่อยเธอเถอะ ยังไงก็ตาม……งั้นเหรอ เธอเองเหรอเนี่ยโซเมียจัง。」
「เอโตะ……รู้จักหนูด้วยงั้นเหรอคะ?」
「อืม ที่ประดับแขนนั่น เป็นที่โนโซมุคุงมอบให้ใช่ไหมล่ะ? ตอนนั้นฉันเองก็ดูเขาที่กำลังทำของขวัญให้เธออยู่นะ แต่ว่าไม่ได้เห็นตอนมันเสร็จสมบูรณ์ดีขอดูหน่อยได้ไหมจ้ะ?」
「เอ๋! เดี๋ยวก่อนสิอาจารย์นอร์นครับ!?」
「อะค่า! นี่ค่ะ!」
โนโซมุพยายามจะห้ามแต่ว่า โซเมียยิ้มและโชว์เครื่องประดับแขนให้อาจารย์นอร์นดู
「เหหหห ทำออกมาได้ดีเลยนี่หน่า นี่คือระฆังของโทวโฮวสินะ ใช้สำหรับเป็นเครื่องรางใช่ม้า」
「เอ่อ คือว่าผมทำออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไร……」
「ไม่จริงเลยค่ะ คุณโนโซมุ!หนูชอบมันมากเลยนะคะ!」
「นั่นสิ โนโซมุคุง ความรู้สึกที่เธอใส่ใจและทำมันออกมาคือสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด การที่เธอทำมันออกมาด้วยความรู้สึกเหล่านั้นให้เป็นของขวัญกับโซเมียจัง โซเมียเองก็ดีใจที่ได้รับของขวัญที่ทำมาจากใจ การให้ของขวัญทำมือนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนสำคัญใช่ไหมล่ะ แน่นอนมันอาจจะไม่ดีเท่ากับของช่างฝีมือทำขึ้นมา แต่ในแง่ของความรู้สึกแล้วสำหรับโซเมียจังน่ะ เธอมีความสุขมากๆเลยเพราะความรู้สึกที่เธอทำด้วยใจนั่นล่ะนะ。」
โซเมียพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอาจารย์นอร์น แน่นอนโนโซมุทำเองซึ่งมันคล้ายกับอันที่โซเมียเคยใส่
ที่ประดับแขนอันเก่ามันเป็นของต้องสาปที่ดึงดูดวิญญาณของเธอและหลอมวิญญาณเธอเข้ากับมัน แต่สำหรับโซเมียการไม่มีสิ่งนั้นก็เหมือนเธอขาดสิ่งของแทนใจที่แม่ให้มา เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่แทนความสัมพันธ์ในครอบครัวนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้โนโซมุตัดสินใจทำของเลียนแบบขึ้นมาเพื่อให้โซเมียมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
ตอนนี้โซเมียเองก็ได้เครื่องประดับแขนอันใหม่แล้ว เธอใส่มันตลอดเวลาเลย
ในแง่นั้น ความรู้สึกที่เขาถ่ายทอดไปมันเหมาะสมมากๆ
ในขณะที่กำลังมองโซเมียที่กำลังยิ้มอยู่ฉันก็มองเครื่องประดับแขนของเธอ แต่ในใจก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
◇◆◇
「……นี่มาร์คุงเป็นอะไรไปน่ะท่าทางดูแปลกๆนะ?……」
「เอ๊ะ มีอะไรงั้นเหรอ?」
เมื่อฉันเรียกมาร์ ท่าทางของเขาดูเหม่อลอยไม่เหมือนปกติ
「เอ่อ ไม่มีอะไร……」
มาร์พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับทิม่าแต่ทิม่าก็ได้แต่ทำหน้าฉงน ฉันเองก็ยังลังเลย
「เอิ่ม วันนี้มาร์ดูแปลกๆไปจริงๆนั่นแหละ」
「……เอ๊ะ! มาร์คุงไม่เป็นไรนะ?」
ทิม่าจ้องมาร์คุงด้วยความเป็นห่วงกับคำพูดของโนโซมุ
「อ่า ไม่มีอะไรหรอก」
「พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว~~ตอนเช้าอะน่ะ มาร์พยายามทำสิ่งที่ไม่สมกับเป็นตัวเองด้วยล่ะ~。พยายายามใช้ทั้งคิและเวทย์พร้อมกันแต่ก็ไม่ได้ผลละน้า~」
「เห้ย! หุบปากไปเลย!!」
「โมว~~! โมว~~!」
มาร์ที่ได้ยินคำพูดของอันริก็โกรธจัด บางทีเขาเองก็ไม่อยากให้ทิม่าได้ยินเรื่องน่าอับอายนี่
「ใช้คิและเวทย์พร้อมกันงั้นเหรอคะ? มาร์คุงนั่นมันยากมากเลยนะ เนื่องจากคิและพลังเวทย์ที่ใช้มันแตกต่างกันนะ ระดับความยากมันเลยสูงมากเลยที่จะควบคุมสองอย่าง……」
◇◆◇
นั่นคือความจริง
เนื่องจากมันต้องใช้ทักษะสูงมากต้องฝึกมาอย่างดีในการใช้เพื่อต่อสู้
ก่อนที่ทิม่าจะเข้าเรียนทิม่าเองก็หวั่นใจเรื่องพลังเวทย์อันล้นหลามนี่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เธอลังเลจะใช้เวทย์ที่ทรงพลังหรือเทคนิคใหม่ๆเพราะกลัวควบคุมมันไม่ได้
อย่างไรก็ตามพลังเวทย์ของเธอมันมากเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป และยังยากที่จะควบคุมด้วย
「……บางทีมาร์คุงพยายามจะใช้เทคนิคนั่นในการต่อสู้จำลอง? ทั้งๆที่ยังไม่คล่องเลยแท้ๆ……」
ทิม่าพูดด้วยใบหน้าเศร้าๆ ท้ายที่สุดแล้วมาร์เองก็หยิบเอามาใช้ทั้งๆที่ยังใช้ได้ไม่คล่องเลย
「น่าน่า……เดิมทีสำหรับข้าแล้วการเรียนรู้ด้วยร่างกายมันไวกว่าท่องจำ การลองใช้จริงก็อาจจะได้เรียนรู้บ้างก็ได้」
「……แต่มันอันตรายนะคะถ้ามันหลุดการควบคุมจะเป็นยังไง…มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มากๆเลยนะ!?」
ทิม่าจ้องมองไปที่มาร์ด้วยความโกรธ สำหรับเธอแล้วเรื่องที่เวทย์หลุดการควบคุมน่ะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นยังน่าโมโหมากด้วยที่เขาเอาเทคนิคนี้ไปใช้โดยไม่ปรึกษาฉันสักคำ
「แต่…อันที่จริงการเปิดใช้งานมันก็เป็นไปได้ด้วยดี……」
「แล้วไงละคะ!เปิดใช้งานได้ก็จริงแต่ถ้าควบคุมไม่ได้มาร์คุงจะบาดเจ็บเอานะ……หัดเป็นห่วงตัวเองบ้างสิคะ……」
เสียงของฉันที่เต็มไปด้วยความเศร้าและน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมา
「เอ่อ……」
「…………」
มาร์ที่เห็นท่าทางของทิม่า เขาคิดว่าทำเรื่องแย่ๆลงไปซะได้
「……ขอโทษนะ……」
「……อย่าทำตัวบ้าๆอีกนะคะ?」
「ไม่รู้หรอกน่า」
「……ก็ได้ค่ะ」
ทิม่ามองช้อนไปทางมาร์ด้วยน้ำตา
มาร์ที่เห็นทิม่าทำท่าทางเช่นนี้ เขาก็หยุดและเลิกที่จะต่อต้าน เขาเกาหัวและมองไปทางอื่นและขอโทษเธอ
◇◆◇
「ยังไงก็เถอะน้า! มาทานข้าวเที่ยงกันเถอะ~~! ฉันหิวแล้วง่า~~」
「……เห็นด้วย ถ้างั้นมากินข้าวเที่ยงกันเถอะ」
เสียงอันแผ่วเบาของอันริดังขึ้นทำให้สถานการณ์ตรงหน้าผ่อนคลาย โนโซมุเองก็เห็นด้วยและแต่ละคนก็เริ่มหยิบอาหารกลางวันออกมา
「พี่ค่ะ! มากินข้าวด้วยกันเถอะนะคะ!!」
「อืม ได้สิจ้ะ โซเมีย」
โซเมียเดินมาข้างฉันและจัดเตรียมอาหารกลางวัน บาทีอาจเป็นเพราะได้ทานข้าวพร้อมกับทุกคน ฉันเลยดูมีความสุขมากกว่าปกติ
「……มาร์คุง ข้าวกล่องนั่นคุณฮันนะทำให้งั้นเหรอคะ?」
「ไม่ใช่หรอก พ่อข้าทำให้น่ะ เรื่องอาหารพ่อเป็นคนจัดการให้ แล้วเธอล่ะ?」
「……นี่น่ะคุณแม่ทำให้ค่ะ บางทีฉันก็ทำเองบ้าง……」
「อืม อืม ทำออกมาได้ดีเลยนี่น่า」
มาร์และทิม่าเองต่างโชว์ข้าวกล่องให้กันและกัน ทั้งสองทำท่าทางเคอะเขิน
「โนโซมุคุงงงง~~。ก็ทานขนมปังที่ซื้อมาตามเคยเหรอ~~?」
「อ่าครับ ก็มันหาซื้อง่ายและราคาถูกดีนี่น่า……」
「แต่ว่าน้า~。แค่นั้นจะอิ่มเหรอ~~。เดี๋ยวอาจารย์แบ่งให้ด้วยนะ~~!」
「ขะขอบคุณ……ละแล้วทำไมถึงทำท่าจะป้อนผมแบบนั้นละครับ!?」
「เอาล่ะ อ้า~~~~ม」
โนโซมุและอันริต่างโชว์อาหารกลางวันด้วยกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจารย์อันริพยายามจะป้อนโนโซมุ
……ฉันที่เห็นภาพนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดมาก มือที่ถือส้อมนั้นกำแน่น
「นี่มันมากเกินไปแล้วนะครับ! ผมทานด้วยตัวเองได้ครับ!!」
「อืม~~。แล้ว?เข้าใจแล้วล่ะนะ~~~」
เธอวางส้อมลง
ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย!!แล้วทำไมถึงไม่ทานด้วยตัวเองละ! นี่ตั้งใจจะให้โนโซมุป้อนรึไงกัน!!
「ทำอะไรกันเนี่ย! แทนที่อาจารย์จะกินมันด้วยตัวเองแต่กลับให้ผมป้อนเนี่ยนะ! อาจารย์อันริแค่จะแบ่งข้าวกล่องให้ไม่ใช่เหรอไง!!」
โนโซมุรีบหยิบข้าวกล่องของเธอมาและกินมันลงไป
「บู~~。ก็อยากจะให้ป้อนอ่ะ~~」
อันริทำแก้มป่องเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
สรุปจงใจใช่ไหมเนี่ย!
ในเวลาแบบนี้ฉันที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน ฉันลืมไปเลยว่าฉันไม่ได้ตัวคนเดียวที่ต่อสู้เรื่องนี้เพื่อเขา
และสายตาของอาจารย์นอร์นก็จ้องมองมาทางที่ฉันกำลังนอนอยู่
◇◆◇
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จและกลับไปที่ห้องเรียน นอร์น อัลทิน่า ก็นึกถึงลิซ่า เฮาวนด์ผู้ที่เคยนอนข้างๆเตียงของไอริส
「อืมมม……」
「ได้สติแล้วงั้นเหรอ?」
ประมาณ 10 นาทีก่อนที่ไอริสจะตื่น ลิซ่าเองก็ตื่นขึ้นมาก่อน
「……ห้องพยาบาล?」
「อืม รู้ใช่ไหมว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?」
「……ค่ะ」
สติของลิซ่าดูท่าทางจะชัดเจน และเธอก็ตอบคำถามของนอร์นได้ตามปกติ
「อืม เท่าที่ดู มีรอยฟกช้ำจากกระสุนเวทย์ที่ถูกยิงตรงท้อง บาดเจ็บเล็กน้อยแต่คาดว่า 2-3วันก็น่าจะหายแล้วล่ะ ถ้ายังปวดอยู่ก็ให้มาหาฉันนะ」
นอร์นพูดถึงผลการตรวจ และเหลือบมองผู้ป่วยข้างเคียงเธอ
「เป็นห่วงเธอยังงั้นเหรอ? เธอเองก็ไม่เป็นไรหรอกเช่นเดียวกับ เธอนั่นละ แผลแค่นี้สองสามวันก็หายเหมือนกัน」
「อะ……ขอบคุณคะ……」
หลังจากเห็นท่าทางไม่สบายใจของเธอนอร์นก็บอกว่าไอริสเองก็สบายดี
「……หรือว่าเธอจะไม่ได้ห่วงไอริสแต่ห่วงผู้ชายคนนั้นเหรอที่อยู่ข้างไอริส?」
「……หมายความว่ายังไงคะ?」
ลิซ่าดูโกรธทันที สายตาเธอจ้องมาทางนี้ ด้วยสายตาแข็งกระด้าง
「ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้นแหละ อย่างไรก็ตาม เธอเองก็กังวลเกี่ยวกับโนโซมุคุงใช่ไหมล่ะ ก็เหมือนกับผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าเธอเนี่ยล่ะ」
นอร์นพูดถึงเรื่องข่าวลือที่ถูกแพร่สะบัด
「……พวกเราเลิกกันแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าขุดคุ้ยจะได้ไหมคะ ผู้ชายแบบหมอนั่นฉันไม่อยากจะนึกถึงอีกต่อไปแล้ว。……ผู้ชายแสนเลวร้ายคนนั้นน่ะ」
「……งั้นเหรอ」
ลิซ่าตอบคำถามของนอร์นด้วยความโกรธและบอกว่าไม่อยากจะยุ่งกับโนโซมุอีกต่อไปแล้ว เธอมองไปข้างนอกและลุกออกจากเตียง
ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากจะพูดอีกต่อไป นอร์นเองก็ไม่ได้ตื้อ
อากาศแสนหนักอึ้งไหลเวียนอยู่ทั่วห้องพยาบาลชั่วครู่และก็มีนักเรียนสองคนเข้ามา
คนแรกคือ เคน โนทิส ซึ่งเป็นคนรักของเธอในปัจจุบันและอีกคนคือคามิลล่า เพื่อนสนิทของลิซ่า
「อาจารย์นอร์น ลิซ่าเป็นยังไงบ้างครับ?」
เคนถามนอร์นด้วยน้ำเสียงสุภาพ นอร์นเองก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร
นอร์นอธิบายผลตรวจอย่างชัดเจน
「มีรอยฟกช้ำที่หน้าท้อง แต่ไม่มีปัญหา อีกสองสามวันก็หาย」
「ขอบคุณมากครับ ลิซ่า ไปกันเถอะ」
「อ่า อาจารย์นอร์น ขอบคุณนะคะ」
เคนและลิซ่าขอบคุณนอร์น และพวกเธอก็ออกจากห้องพยาบาลไปด้วยท่าทางหงุดหงิด
นอร์นที่ยืนยันว่าทั้งสามหายไปแล้ว ก็ถอนหายใจเสียงดัง
「……ไม่ไหวไม่ไหว นี่มันดูเลวร้ายกว่าที่คิดเลยนะ」
นอร์นเองก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสาม พวกอาจารย์อย่างเธอทำได้แค่เฝ้าดู
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นนักเรียนแสนสำคัญ ฉันค่อนข้างกังวล
ฉันอยากรู้ใจจริงของลิซ่า ก็เลยถามเรื่องโนโซมุไป แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นบาดแผลที่เธอไม่อยากจะนึกถึงมันอีกต่อไป
「ว่าแต่ว่า นี่เธอรู้ตัวรึเปล่าเนี่ย?」
ถึงอย่างนั้นฉันก็พอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ
นอร์นเปิดหน้าต่างแหงนมองท้องฟ้า แสงแดดอันแสนอบอุ่นสาดส่องเข้ามาและลมเย็นๆของฤดูใบไม้ผลิพัดพาเอาอากาศอันแสนหนักอึ้งออกไปจากห้อง
「ลิซ่าเอ๋ย สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรักน่ะหาใช่ความเกลียดหรือความโกรธหรอกนะ……」
เจ้าหญิงที่ยังคงหลับใหลก็ยังหลับใหลอยู่ต่อไปคำพูดของนอร์นที่ไม่มีใครได้ยินถูกลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านไป