I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 22
วันรุ่งขึ้นเหย่หลิงเฉินก็ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าของเขา
โรงแรมแห่งนี้สร้างขึ้นภายในสวนสาธารณะซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับเหย่หลิงเฉินมากเพราะเขาสามารถวิ่งออกกำลังกายยามเช้าไปตามทางในสวนได้
ขณะที่เขาวิ่งจ็อกกิงเบา ๆ พลางมองดูสำรวจสถานที่แห่งนี้ไปด้วยนั้นทำให้เขาพบว่าสวนสาธารณะแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก นอกจากโรงแรมแล้วยังมีคฤหาสน์อีกสองสามหลังอยู่ด้วย สถานที่แห่งนี้ตกแต่งอย่างสวยงามและร่มรื่น ช่างเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการอยู่อาศัย
ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าคนที่สามารถอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ได้จะต้องเป็นคนที่มีฐานะชั้นสูงเลยทีเดียว
หลังจากที่เขาวิ่งจ็อกกิงอยู่ก็เห็นพื้นที่ว่างริมแม่น้ำที่ร่มรื่น เขาจึงเดินไปเพื่อฝึกฝนหมัดอรหันต์
หลังจากฝึกหมัดอรหันต์ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบเขาก็เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าผู้คน เป็นผู้เฒ่าหลายคนกำลังเดินผ่านไป พวกเขามากันเป็นกลุ่มและเริ่มออกกำลังกายไทชิอย่างช้า ๆ การเคลื่อนไหวของพวกเขาประสานกันอย่างเรียบร้อยสวยงาม
เขาสังเกตอยู่สักพักจากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวตาม
ขณะที่เขาเดินผ่านพื้นที่ว่างเปล่าอีกแห่งหนึ่งเขาก็หยุดเดิน
ใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ มีหญิงสาวในชุดกีฬาสีขาวกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่
ข้างเธอมีชายชรายืนอยู่ เขามีอาการไออยู่เป็นระยะ แต่ถึงกระนั้นแล้วเขาก็ยังให้คำชี้แนะแก่หญิงสาวในบางครั้ง ชายชราคนนี้มาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคนในชุดดำอยู่ข้างหลังเขา
นี่มัน.. ชายชราและหญิงสาวคนเดียวกันกับที่ฉันเคยเจอในโรงพยาบาลนี่?
คิ้วของเหย่หลิงเฉินกระตุก เขาไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะมาจากปักกิ่ง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาบ่งบอกถึงความมีเกียรติ
ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เพราะการรักษาของเขา ชายชราคนนั้นน่าจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว อย่างไรก็ตามใบหน้าของชายชรายังคงซีดมากและมีอาการไออย่างหนัก
ความสนใจของเหย่หลิงเฉินอยู่ที่หญิงสาวเป็นหลัก การจ้องมองของเขาแสดงให้เห็นถึงความสนใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ
การเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้น…มันคือ…ศิลปะการต่อสู้หรือเปล่า?
ถ้าเขาไม่ได้เรียนรู้หมัดอรหันต์เหย่หลิงเฉินก็คงไม่รู้สึกสนุกกับความคิดนี้
“ ในยุคนี้ยังมีผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อยู่อีกหรือครับ?” เหย่หลิงเฉินกล่าวด้วยท่าทีประหลาดใจและเข้าหาพวกเขาอย่างช้าๆ
หญิงสาวให้ความสำคัญกับศิลปะการต่อสู้ของเธอเป็นอย่างมาก การชกแต่ละครั้งมีเสียงออกมา ด้วยรูปร่างที่สูงเพรียวและคุณสมบัติที่สง่างามของเธอจึงทำให้มีออร่าของความงามที่กล้าหาญ
“ใช้ความแข็งแรงจากเอวของหลาน! จัดท่าทางให้แน่น! อย่าลังเลที่จะปล่อยหมัดออกมา!”
ชายชราจากด้านหลังสอนหญิงสาวอย่างเข้มงวดพลางไอไปด้วย
‘การสังเกตหลิงกู่ซื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ ความสามารถหมัด 8 ปรมัตถ์ +1‘
‘การสังเกตหลิงกู่ซื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ ความสามารถหมัด 8 ปรมัตถ์+1‘
‘การสังเกตหลิงกู่ซื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ ความสามารถหมัด 8 ปรมัตถ์+1‘
…
เมื่อเขาเข้ามาใกล้เธอ ข้อความแสดงความสามารถก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาทำให้เหย่หลิงเฉินประหลาดใจ
ศิลปะการต่อสู้ที่พวกเขาฝึกฝนคือ หมัด 8 ปรมัตถ์!
เนื่องจากเขาเรียนรู้เรื่องการฝึกฝนหมัดอรหันต์ เหย่หลิงเฉินจึงตั้งใจค้นหาหนังสือเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถฝึกฝนได้ แต่เขาก็ยังสามารถเรียนรู้ความลับมากมายของศิลปะการต่อสู้ได้
หมัด 8 ปรมัตถ์จะมุ่งเน้นไปที่พลังระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการต่อสู้จริง ศิลปะการป้องกันตัวนี้เป็นหนึ่งในศิลปะที่ใช้การฝึกฝนและการต่อสู้ผสมผสานกัน
เนื่องจากมีประโยชน์ในการต่อสู้จริงแผนกฝึกอบรมของสมาคมนักรบและตำรวจติดอาวุธจึงรวมเอาองค์ประกอบของหมัดแปดเข้าไว้ในการฝึกเทคนิคการต่อสู้การขว้างปาและการต่อสู้
ผู้คุ้มกันของนักการเมืองหลายคนก็เป็นผู้ฝึกฝนหมัด 8 ปรมัตถ์!
เพื่อให้ตนเองสามารถฝึกฝนหมัด 8 ปรมัตถ์ได้นั้น ชายชราและหญิงสาวคนนี้คุ้มค่าแก่การจับตามองเลยทีเดียว
ร่างของหญิงสาวค่อย ๆ หยดไปด้วยเหงื่อ เอวเรียวของเธอบิดไปมาด้วยความแข็งแรงเสื้อผ้าเกาะแนบตัว เผยให้เห็นเส้นสายที่ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ หน้าอกของเธอ
เมื่อเห็นว่าในบางครั้งระดับความสามารถของเขาก็อยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์
ตามที่คาดไว้ว่าหมัด 8 ปรมัตถ์ของหญิงสาวคนนี้ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ เธอมีท่าทาง แต่ขาดแก่นแท้
จากการประเมินของระบบความสามารถของเธอน่าจะอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นั่นหมายความว่าเหย่หลิงเฉินไม่สามารถเรียนรู้เกินระดับนั้นได้เช่นกัน
โชคดีที่เหย่หลิงเฉินเข้าใจรูปแบบของหมัด 8 ปรมัตถ์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเขาได้ทำการศึกษามาตอนที่หาข้อมูลของหมัดอรหันต์ ทำให้เขาสามารถเพิ่มพูนความสามารถได้ด้วยตัวเองแน่นอน
ชายชราไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมีคนคอยมองดูพวกเขาขณะฝึกฝนอยู่ มิฉะนั้นแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้หลานสาวของเขาฝึกที่นี่เป็นแน่
เส้นทางของนักศิลปะการต่อสู้ไม่สามารถขาดคำแนะนำจากครูผู้ยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่าใครจะเรียนรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมด แต่ก็ยากที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ดี น่าเสียดายที่เหย่หลิงเฉินเป็นข้อยกเว้น
การเฝ้าดูต่อไปนั้นไม่มีจุดหมาย ดังนั้นเหย่หลิงเฉินจึงส่ายหัวและจากไป
วิธีที่เขาส่ายหัวและถอนหายใจกระตุ้นหลิงกู่ซื่อที่กำลังฝึกศิลปะของเธออยู่ข้าง ๆ
เธอเป็นคนหยิ่งผยองอยู่แล้ว เธอหยุดกำปั้นจ้องมองไปที่ด้านหลังของเหย่หลิงเฉินเธอขยับและพุ่งไปข้างหน้าด้วยหมัด
เมื่อได้ยินเสียงลมวิ่งด้านหลังเขาเหย่หลิงเฉินก็ขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อยหลบหมัด จากนั้นเขาก็เอนตัวจากด้านข้างพร้อมกับร่างของเขาผลักหลิงกู่ซื่อ
เขาผลักหลิงกู่ซื่อออกจากตัวของเขาทันที
“ฉันรู้แล้วคุณเป็นนักศิลปะการต่อสู้!” หลิงกู่ซื่อถอยออกมาใบหน้าของเธอเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอตะคอกอย่างเย็นชา “ทำไมถึงส่ายหัวแบบนั้น? ดูถูกฉันหรือเปล่า”
ความเชี่ยวชาญของเธอนั้นต่ำกว่ามาตรฐานอย่างแท้จริง
ความเข้าใจของเหย่หลิงเฉินอยู่ไกลเกินเอื้อม เพียงแค่เรียกใช้เทคนิคหมัด 8 ปรมัตถ์ผ่านความคิดของเขาเพียงครั้งเดียวเขาก็เข้าใจแล้วไม่มากก็น้อย หมัดแปดสุดยอดของหลิงกู่ซื่อสำหรับเขาเต็มไปด้วยจุดอ่อนที่หาประโยชน์ได้
เขาต้องฝึกฝนอีกสองสามรอบและในเวลาไม่นานระดับความสามารถของหมัด 8 ปรมัตถ์ของเขาก็จะอยู่ในระดับความสามารถของเดียวกันกับทักษะหมัดอรหันต์ของเขา นั่นก็คือใกล้จะครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว!
“ฉันแค่เดินผ่านไปและมองไปรอบ ๆ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด” เหย่หลิงเฉินส่ายหัวและตอบอย่างสบาย ๆ
“ในเมื่อเธอก็เป็นวิชาศิลปะการต่อสู้ งั้นมาลองแข่งกันหน่อยไหมล่ะ!”
จิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของหลิงกู่ซื่อถูกปลุกปั่นเมื่อเธอเห็นว่าเหย่หลิงเฉินอายุใกล้เคียงกับเธอ
“ฉันแค่ฝึกแบบสนุก ๆ คงแข่งกันเธอไม่ได้หรอก” เหย่หลิงเฉินไม่ต้องการสร้างปัญหาใด ๆ และเริ่มเดินจากไป
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!” หลิงกู่ซื่อตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันรู้ว่าการกระทำของเธอเมื่อกี้มันเป็นการดูถูกฉัน ถ้าเธอไม่แข่งล่ะก็ ฉะนไม่ปล่อยเธอไปแน่!”
ชายชราร้องเรียกจากนั้นก็ไอสองสามครั้ง เขาเดินไปหาเหย่หลิงเฉินพร้อมแนะนำตัวว่า “ฉันชื่อหลินเทียนหัว เธอชื่ออะไร”
“ผมเหย่หลิงเฉินครับ”
“ปัจจุบันศิลปะการต่อสู้กำลังเสื่อมถอย เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ได้พบเธอที่นี่ ฉันขอถามได้ไหมว่าอาจารย์ของเธออยู่ที่ไหน” ชายชราถามยิ้ม ๆ
“ผมแค่ฝึกสนุก ๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้อยู่สำนักใดครับ” เหย่หลิงเฉินตอบ
สำหรับชายชราเขาเข้าใจว่าเหย่หลิงเฉินคงอยากจะให้เป็นเรื่องส่วนตัว “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ถามไปแบบนั้น”
เหย่หลิงเฉินไม่ต้องการอยู่ตรงนี้ต่อ เขาอำลาและรีบเดินจากไปทันที
แต่ทันใดนั้นเองก็มีร่างพุ่งเข้ามาพร้อมเสียงครวญคราง กำหมัดแน่น ร่งากายโค้งงอราวกับพระจันทร์เสี้ยว เขาพุ่งเข้าหาเหย่หลิงเฉินจากนั้นก็พุ่งออกไป
ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินมืดลง เขาตวัดตัวไปรอบ ๆ เหมือนเสือดุร้ายมองย้อนกลับไป
หลิงกู่ซื่อสามารถมองเห็นได้เพียงแค่ภาพเบลอจากนั้นมือของเธอก็ถูกจับโดยเหย่หลิงเฉินอย่างแน่นหนา
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเพียงเพื่อดูลูกตากลมที่น่ารำคาญคู่หนึ่ง หัวใจของเธอเต้นรัว
ในทันใดนั้นเหย่หลิงเฉินก็ก้มตัวลง ร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศและหลังจากหมุนไปเธอก็กระแทกกับพื้นอย่างแรง
ปึ้ก!
เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ สิ่งที่เธอเห็นคือเหย่หลิงเฉินเดินกลับมา
“เธอ…”
หลิงกู่ซื่อลุกขึ้นด้วยความยากลำบากและจ้องมองไปที่ด้านหลังของเหย่หลิงเฉินอย่างตกใจ ร่างกายของเธอเจ็บระบมไปหมด
“เป็นการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมมาก!”
ชายชรามองไปที่ภาพเงาที่ซีดจางของเหย่หลิงเฉินดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสรรเสริญ “ช่างฟาดฟันเหมือนสายลม การประหารด้วยลมหายใจเพียงครั้งเดียว บุคคลนี้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ถึงระดับปรมาจารย์แล้ว!”
“เขาเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไม่รู้ว่าจะแสดงความกรุณาต่อผู้หญิงอย่างไร!” หลิงกู่ซื่อตะโกนด้วยความเจ็บปวด “เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดตอนนี้หลานก็เข้าใจแล้วว่ามีใครบางคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเราเสมอ” ชายชราหัวเราะ “นานแล้วที่ฉันไม่ได้พบกับชายหนุ่มที่น่าสนใจแบบนี้”
“ฮึ่ม! อย่าให้หนูเจอเขาอีก!” หลิงกู่ซื่อปัดฝุ่นออกจากร่างกายของเธอ ในขณะที่เธอนึกถึงดวงตาของเหย่หลิงเฉินก่อนหน้านี้ก็มีความคุ้นเคยปรากฏขึ้นภายในหัวของเธอ
“ฉันว่า ฉันต้องเคยเห็นดวงตาคู่นี้ที่ไหนมาก่อน!”
…
หลังจากกลับมาที่โรงแรมเขาอาบน้ำอย่างรวดเร็วและไปพบกับเสี่ยวเฟยเฟย
เซอวิสโรงแรมมาพร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า อาหารเอเชียและอาหารตะวันตกรองรับเหย่หลิงเฉิน เขาหยิบบะหมี่หนึ่งชาม ขนมปังสองชิ้น นมหนึ่งถ้วย ไข่ต้มหนึ่งใบ ไส้กรอกสองชิ้น และเบคอนหนึ่งแผ่น
ในอีกด้านหนึ่งเสี่ยวเฟยเฟยและหลินตรงหน้าของทั้งคู่มีเพียงนมถั่วเหลืองหนึ่งถ้วยขนมปังและไข่ต้มเท่านั้น
เมื่อเทียบกับเหย่หลิงเฉินแล้ว มันช่างแตกต่างอย่างมากในความอยากอาหารของพวกเขา
“นี่คุณคงไม่กินเยอะไปหรอกนะ ใช่ไหม?” เสี่ยวเฟยเฟยจ้องมองเหย่หลิงเฉินด้วยความประหลาดใจ ไม่เพียงแต่เขาจะกินอาหารหลายอย่าง แต่เขากินหมดภายในเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย ก๋วยเตี๋ยวชามนั้นถูกกลืนลงไปเพียงสองคำ…
“พวกคุณกินน้อยเกินไปต่างหากล่ะ” เหย่หลิงเฉินกล่าว จากนั้นเขาก็ยกจานขึ้นเพื่อโกยอาหารเข้าปาก “ที่นี่มีอาหารน้อยเกินไป”
“เธอนี่มันกระเพาะหลุมดำชัด ๆ!” หลินวิพากษ์วิจารณ์ขณะที่เธอจ้องมองไปที่ด้านหลังของเหย่หลิงเฉิน
หลังจากนั้นลังเลเล็กน้อยจากนั้นจึงพูดกับเสี่ยวเฟยเฟยว่า “เฟยเฟย ฉันเพิ่งได้รับข่าว ครั้งนี้ Lu Group เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน Legend of the Heroine”
“Lu Group?”
คิ้วของเสี่ยวเฟยเฟยถักเข้าด้วยกันเป็นพวง
“ใช่ Lu Group” หลินกล่าวด้วยท่าทีที่ช่วยไม่ได้ “เรื่องที่เธอเป็นนักแสดงนำหญิงของ Legend of the Heroine น่าจะเข้าไปถึงหูของลู่ห่าวแล้ว และเขาคงพอใจมาก”
เมื่อพูดถึงลู่ห่าว (Lu Group) ดวงตาของเสี่ยวเฟยเฟยก็เปล่งประกายด้วยความเกลียดชัง
“อิทธิพลของกลุ่ม Lu นั้นกว้างไกลเกินไป ตราบใดที่มันเป็นบทที่ดีพวกเขาก็จะต้องมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน” หลินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ลู่ห่าว ลูกชายคนเดียวของหัวหน้าใหญ่ของ Lu group เป็นทายาทคนเดียวของ Lu Group เจ้าชายแห่งปักกิ่งผู้โด่งดัง
ความหลงใหลของเขาในตัวเสี่ยวเฟยเฟยไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นมานานแล้ว เสี่ยวเฟยเฟยปฏิเสธคำเชิญไปเดตของเขาไปถึงสามครั้ง เธอพยายามซ่อนตัวจากเขา แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล
“ ถ้าครั้งนี้ลู่ห่าวชวนเธออีกครั้งล่ะ.. ฉันกลัว…” หลินรู้สึกกังวล
การปฏิเสธหากมันเกิดแค่ครั้งหรือสองครั้งก็เป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกินสามครั้งนั่นจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเป็นอย่างมาก ลู่ห่าวอาจโกรธที่ทำให้เขาอับอาย
“พอเถอะหลิน ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว” เสี่ยวเฟยเฟยถอนหายใจ ถ้ามันไม่มีวิธีอื่น.. ฉันก็คงแย่แน่
“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่”
จานของเหย่หลิงเฉินเรียงซ้อนกันเหมือนภูเขาที่เต็มไปด้วยอาหาร
เขานั่งลงพร้อมตักอาหารเข้าปากราวกับว่าเขากำลังต่อสู้อยู่กับอาหารอันโอชะพวกนี้
“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
เสี่ยวเฟยเฟยมองไปที่พฤติกรรมของเหย่หลิงเฉิน เธอไม่อาจระงับเสียงหัวเราะของเธอได้ อารมณ์หดหู่ของเธอเมื่อสักครู่นั้นดีขึ้นมาเล็กน้อย
“เหย่หลิงเฉิน” เสี่ยวเฟยเฟยจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินในขณะที่เชิดหน้าขึ้นด้วยคาง “การที่คุณไม่ชอบเป็นนักแสดง ไม่ชอบเปิดตัวต่อสาธารณะ นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องก็ได้นะ”
ภายใต้การจับตามองของประชาชน และเป็นคนสาธารณะ เราได้รับคำชมสรรเสริญต่าง ๆ มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจตกเป็นเป้าของความชั่วร้าย…
ในโลกใบนี้ใครกันนะที่จะมีอิสระอย่างแท้จริง….