I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 29
กว่า 90% ของเขตอนุรักษ์เสิ่นหนงเจี้ยถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ต้นไม้ปกคลุมสูงถึง 80% และเป็นป่าก่อนประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในประเทศจีนเมื่อเทียบกับป่าทั้งหมด
มาถึงจุดที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนบันทึกภาพของชายคนป่าที่มีผมปกคลุมไปทั่วในเขตอนุรักษ์เสิ่นหนงเจี้ย ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก
สัตว์ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นตามปกติหาไม่ยากในที่แห่งนี้
เนื่องจากชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักทำให้เสิ่นหนงเจี้ยดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากและสถานที่แห่งนี้ยังกลายเป็นสวรรค์ของผู้ลอบล่าสัตว์อีกด้วย
เพื่อป้องกันความเสียหายต่อธรรมชาติจึงมีการวางกฎระเบียบและควบคุมการเข้าถึงของบุคคลอย่างเข้มงวด
“ดูนั่นเร็ว! นั่นมัน…ลิง!”
เมื่อเข้ามาในป่าเสี่ยวเฟยเฟยก็เหมือนเด็กที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระและพบว่าทุกสิ่งที่นี่ช่างน่าตื่นเต้นและอัศจรรย์
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไม่เคยหายไปและในความเขียวขจีแห่งนี้ เธอดูเหมือนเทพดาในป่า
“ระวัง! นั่นลิงเสน”
เหย่หลิงเฉินเดินตามหลังเธอและบอกเธอว่า “ลิงสายพันธุ์นี้ซุกซนมากและไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ พวกเขาไม่เพียงแต่ชอบขโมยของเท่านั้นแต่ยังชอบดึงกระโปรงของสาวสวยด้วย”
“เธอทำให้ดูเหมือนว่ามันเป็นลิงที่ดุร้ายเลยนะ” เสี่ยวเฟยเฟยหัวเราะ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
ราวกับว่าสวรรค์จะนำคำพูดของเหย่หลิงเฉินมาพิสูจน์ ในช่วงเวลาถัดมาลิงที่ก่อนหน้านี้อยู่บนต้นไม้ก็รู้สึกกระวนกระวายใจและเริ่มกระโดดขึ้นลง หลังจากกระโดดไม่กี่ครั้งมันก็พยายามที่จะข่วนกรงเล็บของมันที่เสี่ยวเฟยเฟย
เสี่ยวเฟยเฟยอุทานด้วยความกลัวและกระโดดหนี
“ไปให้พ้น!”
เหย่หลิงเฉินเตรียมพร้อมมาอย่างดี เขาพุ่งไปข้างหน้าและเตะลิงออกไป
ลิงเสนร้องด้วยความไม่พอใจก่อนที่มันจะปีนขึ้นต้นไม้และหนีไป
“เราควรออกไปเดี๋ยวนี้ ลิงอาศัยอยู่เป็นกลุ่มและพวกมันไม่พอใจ หากมันไปเอาพวกกลับมาทั้งแก๊งล่ะก็ เราคงเดือดร้อนแน่” เหย่หลิงเฉินกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็จากไปด้วยความเร่งรีบ
ขณะเดินทางพวกเขาได้พบกับพืชและสัตว์จำนวนมากที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก เหย่หลิงเฉินสามารถบอกชื่อของพวกมันได้ทุกตัวและยังพูดถึงนิรุกติศาสตร์และวิวัฒนาการของพวกมันได้อีกด้วย สิ่งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เสี่ยวเฟยเฟยมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความสงสัย “ว้าววว นี่เธอรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไรกันเนี่ย?”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่น้องเหย่เป็นนักศึกษาเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขารู้อะไรมากมายจริง ๆ” หลี่กล่าวด้วยความชื่นชม
เหย่หลิงเฉินเพียงแค่ยิ้มตอบรับ
ด้วยระบบอัจฉริยะเขาสามารถหยิบหนังสือเล่มใดก็ได้และเรียนรู้ทุกอย่าง เขาน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าอัจฉริยะเสียอีก
เหย่หลิงเฉินมองขึ้นไปบนฟ้าพลางขมวดคิ้ว “คุณหลี่ ผมคิดว่าเราไปไกลพอแล้ว ถ้าเราไปต่ออีกมันง่ายมากที่จะหลงทาง นอกจากนี้อาจมีสัตว์ป่าอยู่ในป่าเหล่านี้”
เขาไม่ได้โกหกเลย และกลุ่มนี้มีผู้หญิงจำนวนมากความเสี่ยงก็มีมากขึ้น
“ไม่ต้องกังวลไปน้องเหย่ คนของฉันพบพื้นที่โล่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่และพวกเขาได้สำรวจพื้นที่แล้ว พวกเราทั้งหมดจะปลอดภัย” หลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหย่หลิงเฉินพยักหน้า ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการหลี่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
พวกเขาเดินทางต่อไปอีก 1 กิโลเมตรก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ ต้นไม้ในบริเวณนี้มีต้นไม้กระจัดกระจายและภูมิประเทศเป็นที่ราบ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์
“เราจะอยู่ที่นี่ 3 วัน” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าวขณะที่เธอสำรวจสภาพแวดล้อม
“ถูกต้อง เพราะเราต้องถ่ายตอนกลางคืนด้วยและแถวนี้ไม่มีโรงแรมอยู่ใกล้ ๆ ไม่มีทางเลือกอื่นเลย ลำบากหน่อยนะทุกคน” ผู้อำนวยการหลี่กล่าว
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อ “มันเริ่มสายแล้ว ทุกคนคงเหนื่อยหลังจากการเดินทาง วันนี้เราจะไม่ถ่ายทำฉากใด ๆ ทั้งสิ้นดังนั้นจงใช้เวลาว่างให้เต็มที่! อย่าหลงทางซะล่ะ!”
เหย่หลิงเฉินมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในป่าส่วนหนึ่ง
หลังจากกำหนดระยะทางจากค่ายแล้วเขาก็ดึงเชือกออกมาที่ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตรจากค่ายและติดกระดิ่งเข้ากับเชือก
ด้วยค่ายเป็นศูนย์กลางและเครื่องหมาย 1.5 กิโลเมตรเป็นจุดกึ่งกลางเขาจึงเริ่มวางเชือกอย่างใจเย็น เขาไม่ได้นำกระดิ่งมามากเกินไป ดังนั้นระยะห่างระหว่างกระดิ่งแต่ละใบจึงอยู่ที่ 3 เมตร
ระยะห่างระหว่างกระดิ่งมีค่อนข้างมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
เมื่อเตรียมกับดักกระดิ่งเสร็จก็เริ่มมืด ป่าตอนกลางคืนนั้นเงียบและมืดเป็นพิเศษ
“เหย่หลิงเฉิน เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
เสี่ยวเฟยเฟยเฝ้าสังเกตเขาและเดินไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หากมีสัตว์ป่าเดินมาเกี่ยวถูกกระดิ่งเหล่านี้ มันจะส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าให้เรารู้ เป็นการดีที่จะเตรียมเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย” เหย่หลิงเฉินตอบ
ที่ 1.5 กิโลเมตรเป็นระยะทางที่เหมาะสม ถ้ามีลมคนอื่นจะไม่ได้ยินเสียงมัน แต่ถ้าถูกกระแทรกด้วยแรง เสียงกระดิ่งนี้ก็จะดังไปถึงหูของคนในกลุ่มโดยธรรมชาติ
“นี่เธอคิดไปไกลเกินไปแล้ว” เสี่ยวเฟยเฟยพูดขณะที่เธอปิดปากพร้อมหัวเราะ
เหย่หลิงเฉินตอบอย่างเรียบง่าย “ฉันเพิ่งอ่านเอกสารบางอย่างเกี่ยวกับการตั้งแคมป์นอกบ้าน ถ้ารู้สักนิดก็ดีนะ”
“ฉันได้ยินมาตลอดว่ายิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าเธอได้พิสูจน์ประเด็นแล้วน้องเหย่”
ตากล้องจากกลุ่มเขาชื่อ จ้าวหาน เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันเบื่อ ๆ ก็เลยตัดสินใจตกแต่งสถานที่”
เหย่หลิงเฉินยิ้มก่อนที่จะเห็น เสี่ยวเฟยเฟยขมวดคิ้ว ร่างกายของเธอบิดไปมาและอยู่ไม่สุข
“เฟยเฟย รอเดี๋ยวนะ”
เขาถอนหญ้าออกมาหนึ่งกำมืออย่างรวดเร็วและส่งให้เสี่ยวเฟยเฟย
“นี่คือต้นไม้ไล่ยุงที่เรียกว่า มอสซี่ บัสเตอร์ เมื่อคุณจะนอนให้วางต้นพวกนี้ไว้รอบตัวคุณ แมลงและยุงจะไม่มารบกวนคุณแน่นอน”
“ข..ขอบคุณ” เสี่ยวเฟยเฟยพูดด้วยความประหลาดใจ
เช้าวันต่อมา…
วันรุ่งขึ้นการถ่ายทำผ่านไปด้วยดี
ถึงจะอยู่ในป่าเหย่หลิงเฉินก็ถ่ายทำละครตามปกติ เขาไม่จำเป็นต้องมีเชือกสองชั้นหรือเชือกแขวนเลย เขาสวมเสื้อคลุมกับหน้ากาก และกำลังกระโดดจากต้นไม้หนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง การเคลื่อนไหวทุกอย่างแม่นยำ มันดีเกินคาด!
วันที่สาม
เหย่หลิงเฉินและเสี่ยวเฟยเฟย อยู่ในฉากเดียวกันและเป็นส่วนที่ใกล้เคียงกับตอนจบ
ชุดสีขาวของเสี่ยวเฟยเฟยปลิวไสวไปตามสายลมราวกับภาพวาด เหย่หลิงเฉินยืนอยู่ตรงข้ามเธอด้านหลังหน้ากากของเขาเขาเปล่งออร่าที่น่าฉงน
ณ จุดนี้เป็นตอนที่เสี่ยวเฟยเฟยรู้ว่าใครเป็นผู้บงการเบื้องหลัง
“ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเจ้า ทำไมล่ะต้องเป็นเจ้าด้วย”
“มีหลายสิ่งในโลกนี้ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล” เหย่หลิงเฉินกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและทำอะไรไม่ถูก
“เจ้า…กลับไปซะ!” เสี่ยวเฟยเฟยกัดริมฝีปากและมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างขมขื่น
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าควรกลับไปที่ใด” เหย่หลิงเฉินกล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะพูดต่ออย่างแผ่วเบา “เจ้าควรไป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
“ แต่ข้า.. ข้าต้องฆ่าเจ้า!”
เสี่ยวเฟยเฟยชักดาบออกมา!
“คัตตตตตตตตตตตต!!!”
“ฉากนี้เป็นฉากจบ!”
ผู้อำนวยการหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกราวกับว่ามีการยกน้ำหนักออกจากไหล่ของเขา ในขณะที่ฉากนี้ดูง่าย แต่มีความสัมพันธ์แบบรัก – เกลียดที่ซับซ้อนระหว่างตัวละครทั้งสอง เดิมทีมันเป็นเรื่องยากมากที่จะแสดงออกมา แต่ใครจะคิดว่า เหย่หลิงเฉินและเสี่ยวเฟยเฟยจะสามารถทำได้ในครั้งเดียว
พวกเขาสองคนมีเคมีที่เข้ากันจริง ๆ
“ฉากต่อไปคือฉากแอ็คชั่น เหย่หลิงเฉิน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเธอ ท่าของเธอต้องถูกต้อง หลังจากถ่ายฉากนี้เสร็จแล้ว เราสามารถจัดกระเป๋าและกลับได้เลย” ลี่ต่าวยิ้มขณะที่เขาตบไหล่ของเหย่หลิงเฉิน
“กริ๊ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ทันใดนั้นเอง เสียงกระดิ่งก็ดังเข้ามา!
คนอื่นไม่รู้ตัว แต่ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง
“เมื่อกี้นี้คุณได้ยินเสียงกระดิ่งลมหรือเปล่า” เหย่หลิงเฉินถามอย่างจริงจัง
“กระดิ่งลมเหรอ?” ผู้กำกับหลี่หยุดชั่วคราว เขาไม่ได้ให้ความสนใจเลย “ไม่นะ…ฉันคิดว่าไม่ได้ยิน…”
“มันอาจจะเป็นลม เป็นได้ไหม” มีคนถาม
“ตอนนี้ลมยังไม่แรงเท่าไหร่ มันไม่เพียงพอที่จะทำให้กระดิ่งส่งเสียงดังได้” ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินดูจริงจัง และเขาพาเสี่ยวเฟยเฟยมายืนอยู่ข้างหลังเขา
ในช่วงเวลาต่อมาร่างสีทึบขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยวของกลุ่ม!
“กรี๊ดดดดดด มันคือหมาป่า!!”
เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวดังออกมาในฉากนั้น บางคนก็กลัวจนขาของพวกเขาหลุดออกไปแล้ว พวกเขาล้มลงบนพื้น
“หลิง…หลิงเฉิน เอายังไงดีล่ะตอนนี้” ใบหน้าของเสี่ยวเฟยเฟยซีดเผือด เธอไม่เคยกล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หมาป่ามีความสูงเกือบหนึ่งเมตร แขนขาของมันถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งแรงและมีประกายสีเขียวในดวงตาของมัน มันแยกฟันให้เห็นถึงความแหลมคม พร้อมกับน้ำลายที่หยดออกมาจากกระเพาะของมัน
มันค่อย ๆ เดินเข้าหากลุ่ม อุ้งเท้าของมันแตะพื้นโดยไม่มีเสียงใดราวกับว่ามันเป็นปีศาจ …