I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 43
เข้าร่วมสมาคมนักรบ?
“ไม่เลย” เหย่หลิงเฉินตอบอย่างหนักแน่นพลางส่ายหัว
“ทำไมจะไม่ล่ะ?” หลิงอ่าวถามเสียงดัง“ คุณยังเด็กและนี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมสมาคมนักรบ ยิ่งไปกว่านั้นการเป็นนักสู้ที่ดีจะทำให้คุณจะสามารถสร้างอาชีพของคุณด้วยอนาคตที่สดใส!”
“ผมแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว” เหย่หลิงเฉินตอบอย่างสุภาพ
“เฮ้!” หลินอ่าวยิ้มเยาะไม่พอใจกับคำตอบอย่างเห็นได้ชัด
เขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ คำพูดที่ดัดจริตไม่ใช่ทางของเขา “ถ้าประเทศไม่มั่นคงแล้วคุณจะอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร”
“คุณคิดว่าตอนนี้โลกสงบสุขมากแล้วใช่ไหม” หลิงอ่าวพูดจากประสบการณ์ “พรมแดนประเทศของเรายืดออกไปกว้างไกลและเต็มไปด้วยทรัพยากร ใครจะไม่อิจฉาความอุดมสมบูรณ์แบบนี้? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Rice Country ได้แสดงประเด็นด้านอาหาร เทคโนโลยี และภาษีอย่างต่อเนื่อง หลายคนอ้างว่าพวกนั้นดี!”
เหย่หลิงเฉินยังคงเงียบ เขาไม่ได้โง่ ที่นี่ยังมีปัญหามากมาย แต่เขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว
“หลังจากที่ผมเข้าร่วมสมาคมนักรบตอนอายุ 17 ปี ผมไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลาสามปี ตอนนี้ผมอายุ 25 ปีแล้ว และนี่เป็นการเดินทางกลับบ้านครั้งที่ 5 ของผม!” หลิงอ่าวตอบด้วยน้ำเสียงสงบ “เมื่อใดก็ตามที่คุณปู่ขอองผมอาการดีขึ้น ผมจะกลับไปที่สมาคมนักรบ”
เหย่หลิงเฉินจ้องมองไปที่หลิงอ่าว เดิมทีเขาคิดว่าหลิงอ่าวเป็นถึงนักรบชั้นสูงได้เนื่องจากอิทธิพลของครอบครัวของเขา แต่ตอนนี้ข้อสันนิษฐานนั้นถูกระงับไปอย่างสมบูรณ์
ผู้ที่เกิดในตระกูลหลิงถูกลิขิตให้แบกรับภาระที่หนักกว่าเมื่อเทียบกับคนทั่วไป
“ปู่ของผมเคยบอกผมว่าถ้ากิริยามารยาทของคุณสูงเกินกว่าคนทั่วไป คุณจะอยู่เหนือฝูงชน” หลิงอ่าวเล่าว่า “ปู่ยังสอนผมด้วยว่าคนที่มีอำนาจมากจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ผมหวังว่าคุณจะพิจารณาสิ่งที่ผมพูดไปอีกครั้งนะครับ”
เหย่หลิงเฉินลูบจมูกของเขาและยิ้มอย่างขมขื่น “พี่ชาย นี่ยังเร็วเกินไปที่คุณจะพูดคุยเรื่องดังกล่าวกับผม ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือตั้งใจเรียนก่อน อีกทั้งผมยังต้องผ่านการฝึกการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ด้วย”
“ฮะ? การฝึกการต่อสู้?”
หลิงอ่าวกระแทกเบรกราวกับว่าเขาเพิ่งได้ยินสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ เขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะออกมาดัง ๆ ด้วยท่าทางอึกทึก
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! น้องชาย นี่ล้อกันเล่นเหรอ? อย่างเหย่หลิงเฉินเนี่ยนะกำลังจะฝึกการต่อสู้? นี่มันไม่เหมือนกับการขอให้อุลตร้าแมนถือปืนของเล่นหรือ?”
ต้องบอกว่าเขาหัวเราะต่อไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ตัวเขาโยกไปมาจากการหัวเราะ เขาหัวเราะอย่างหนักจนน้ำตาไหล
วิธีที่พวกเขาพูดถึงกันและกันเปลี่ยนไป สรรพนามในการเรียกมีตั้งแต่ปรมาจารย์เหย่จนถึงน้องเหย่ การวางตัวของพี่ใหญ่หลิงดูใกล้ชิดกว่าเมื่อก่อนมาก
“ผมต้องเข้ารับการฝึกการต่อสู้จริง ๆ” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างไร้เดียงสา
“นายต้องผ่านการฝึกการต่อสู้ใช่ไหม”
หลิงอ่าวหยุดการปะทุของเขาจากนั้นหายใจเข้าลึก ๆ “น้องเหย่ นี่มันเสียความสามารถของนายที่ต้องผ่านการฝึกฝนการต่อสู้ ถ้านายจำเป็นต้องทำมัน อย่างน้อยนายควรมาที่ทีมของพวกเรานี่!”
“พี่ใหญ่หลิง ผมโอเคกับทีมที่ต้องฝึกด้วยจริง ๆ” การฝึกการต่อสู้จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยและนี่ก็เป็นการเก็บหน่วยกิตในการเรียนของพวกเขาด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอเค!” หลิงอ่าวหัวเราะอย่างมีความสุข “การฝึกการต่อสู้ของมหาวิทยาลัยอยู่ภายใต้เขตอำนาจของสมาคมนักรบสาขาที่สาม ไว้ฉันจะลองพูดกับพวกเขาเอง!”
“น้องเหย่ ฉันจะรอจนกว่านายจะเข้าร่วมทีมของฉันแล้วเราจะเป็นเพื่อนกัน! ปัจจุบันเด็ก ๆ ที่มาฝึกนั้นต่างก็เป็นคนขี้อาย พวกเขาอ่อนแอกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำโดยเฉพาะประเภท “หนักไม่เอาเบาไม่สู้” ที่กำลังมาแรง ฉันรู้สึกไม่ประทับใจเป็นอย่างมาก คนเหล่านี้พูดถึงการปกป้องประเทศของเราได้อย่างไร? นายเป็นคนเดียวที่ฉันเคารพด้วยซ้ำ!”
นักศิลปะการต่อสู้เป็นคนที่กล้าหาญ ถ้าพวกเขาไม่ชอบคุณก็นั่นแหละ เตรียมตัวเจอดีได้เลย แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาถูกใจคุณแล้วคุณก็จะเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดชีวิต
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิง
ปรมาจารย์เจียงออกมาทักทายเหย่หลิงเฉินทันที
เหย่หลิงเฉินพยักหน้ารับทราบจากนั้นก็เข้าไปในคฤหาสน์ หลิงเทียนหัวกำลังรออยู่ในห้องนั่งเล่น หลังจากได้รับการรักษาของเหย่หลิงเฉินเขาก็สามารถเดินได้แล้ว
**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **
อ่านเรื่องนี้ที่ www.thai-novel.com หรือ mynovel.co ด้วยนะคะ ผู้แปลจะได้มีกำลังใจแปลต่อ ขอบคุณค่ะ
FB : June6 Translate นิยายแปลไทย
“ฮ่ะ ๆ พ่อหนุ่มน้อย เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว” หลินเทียนหัวยิ้มให้เหย่หลิงเฉิน
“ปู่หลิง ผมขอโทษสำหรับความล่าช้าของผมด้วยครับ”
“ ฮ่า ๆๆ เธอกำลังพูดถึงอะไรเจ้าเพื่อนตัวเล็ก? ควรจะเป็นชายชราคนนี้ที่ต้องขอบคุณที่เธอมาที่นี่แทน”
“หลังจากการรักษาครั้งแรกอาการของคุณมีอาการดีขึ้นมาก ตอนนี้คุณรู้สึกตัวแล้วความเจ็บปวดจะรุนแรงมากขึ้นกว่าครั้งก่อนแน่ ผมขอแนะนำให้เราใช้ยาชา” เหย่หลิงเฉินแนะนำ
“เพื่อนตัวน้อย โปรดสบายใจ ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ฉันกังวลน้อยที่สุดในอาชีพการเป็นทหาร” หลิงเทียนหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ดวงตาทั้งสองของเขาสงบนิ่งเหมือนน้ำนิ่ง “เราสามารถละทิ้งยาชาได้ ดำเนินการรักษาต่อได้เลย”
เหย่หลิงเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า
หลังจากนั้นคนรับใช้ได้นำเข็มเงินแอลกอฮอล์และไฟที่พวกเขาเตรียมไว้ล่วงหน้า
เข็มเงินเหล่านี้แตกต่างจากเข็มก่อนหน้านี้ เข็มทั้งแปดมีความยาวต่างกันและเมื่อถือแล้วจะมีน้ำหนักมากด้วย วัสดุที่มีลักษณะคล้ายโลหะ แต่มีความอ่อนโยนเหมือนหยก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำอย่างพิถีพิถันและมีลักษณะพิเศษในธรรมชาติ
“น้องเหย่ เข็มเงินเหล่านี้เป็นของขวัญจากปรมาจารย์เจียง มีข่าวลือว่าเป็นของจากราชวงศ์หมิง” หลิงอ่าวอธิบาย
“ช่างเป็นเข็มที่ยอดเยี่ยมมาก!” เหย่หลิงเฉินกล่าวชื่นชม
ปรมาจารย์เจียงกล่าวเสริมทันทีว่า “ปรมาจารย์เหย่ เข็มเงินเหล่านี้ถูกวางไว้ในโรงพยาบาลของเราโดยไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ ด้วยทักษะของคุณแล้วผมมั่นใจว่าเข็มเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และมันจะไม่ต้องถูกจัดเก็บไว้เพื่อโชว์ให้ฝุ่นเกาะในตู้อีกต่อไป”
เหย่หลิงเฉินเหลือบไปที่ปรมาจารย์เจียงพร้อมกับยิ้มให้เขา
เข็มเงินที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
ใบหน้าของปรมาจารย์เจียงแดงระเรื่อทันทีขณะที่เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ตลอดการรักษาหลิงเทียนหัวไม่เคยแม้แต่จะขมวดคิ้วเลยสักครั้ง เขายังสามารถพูดคุยกับเหย่หลิงเฉินได้ด้วยสีหน้าที่สงบ
ไม่น่าแปลกใจที่ชายชราคนนี้สามารถเลี้ยงดูหลานได้ดีอย่างหลิงอ่าว
อย่างไรก็ตามปรมาจารย์เจียงยังคงกลอกตาโดยไม่กะพริบตาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างหิวกระหายขณะที่เขาใช้เข็มดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อการรักษาสิ้นสุดลงพวกเขาก็พูดคุยกันไม่กี่คำจากนั้นตระกูลหลิงก็จัดให้คนรับใช้ส่งเขากลับมหาวิทยาลัย
ในเวลานั้นภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิง ผิวของหลิงเทียนหัวดูดีขึ้นมาก ใบหน้าที่สูงวัยของเขาแสดงความมีอำนาจขณะที่เขาถามว่า “ก่อนมาที่นี่ปรมาจารย์เหย่เจอปัญหาอะไรบ้าง?”
“มันคือคู่พ่อลูกของ Lu Group ครับ” หลิงอ่าวกล่าวย้ำถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“ปรมาจารย์เหย่รั้งไว้เพื่อที่เขาจะได้ไม่เป็นหนี้บุญคุณตระกูลหลิงของเรา!” หลิงเทียนหัวถอนหายใจ “ตระกูลหลิงของเราจะต้องไม่ปล่อยพวกมันไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ส่งคนไปเตือน Lu Group ด้วย!”
…
เมื่อเหย่หลิงเฉินกลับมาที่หอพักก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เพื่อนร่วมห้องทั้งสามยังไม่ยอมเข้านอน แต่กลับออกไปต่อสู้หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตื่นเต้นแทน
เมื่อเห็นเหย่หลิงเฉินกลับหอมาในเวลาดังกล่าวใบหน้าของพวกเขาก็แสดงความสับสนราวกับว่าพวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
Potato ยิ้มอย่างน่าขนลุก “เหย่ นายควรจะรอจนถึง 22.30 น. นั่นคือตอนที่พวกเขาล็อคประตูหอพัก ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วนายจะจองห้องพักได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
เหย่หลิงเฉินหัวเราะออกมา ถ้าพวกเขารู้ว่าเขาทานอาหารเย็นกับเสี่ยวเฟยเฟยในคืนนั้นพวกเขาอาจจะบ้าคลั่งไปเลยก็ได้
เสี่ยวเฟยเฟยเป็นเทพธิดาแห่งหน้าจอและทั้งสามคนนี้เป็นแฟนตัวยงของเธอ
เช้าวันรุ่งขึ้นเวลา 7.00 น. แสงแดดที่สาดส่องมาที่พวกเขาบ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการฝึกการต่อสู้ของพวกเขา
พวกเขาหลายคนเพิ่งลุกจากเตียงในเวลานั้น แต่เหย่หลิงเฉินก็ออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อรับประทานอาหารเช้าที่โรงอาหารเสร็จแล้วเขาก็เดินไปที่สนาม
ในเวลานั้นมีฝูงชนจำนวนมากที่สนาม ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเพศล้วนสวมเครื่องแบบลายพรางที่มอบให้สำหรับการฝึกการต่อสู้โดยเฉพาะ
วัยรุ่นเหล่านี้อยู่ด้วยกันในหอพักเดียวกันเท่านั้น แต่เป็นคนแปลกหน้ากัน ทุกคนทักทายซึ่งกันและกัน รวมถึงแลกเปลี่ยนคำพูดกันเป็นครั้งคราวเพื่อทำความคุ้นเคยกันอย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ตามทุกสายตาของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความกังวลใจต่อการฝึกการต่อสู้และชีวิตในมหาวิทยาลัยที่กำลังจะมาถึง
…