I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 46
“ทำไมล่ะ?!” การแสดงออกของชั้นเรียนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เหอหยวนยิ้มให้พวกเขาและพูดว่า “มีหลักฐานอะไรไหมล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้ เราไม่ได้รับอนุญาตให้พกโทรศัพท์ระหว่างการฝึกการต่อสู้ แล้วเราจะมีหลักฐานบันทึกได้อย่างไร?!” จู้ชางตงคร่ำครวญอย่างหงุดหงิด
“หากไม่มีหลักฐาน มันก็เป็นเพียงคำพูดของทุกคนที่พยายามต่อต้านเขา” เหอหยวนส่ายหัวอย่างไม่พอใจ “นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกของสมาคมนักรบ พวกคุณคาดหวังให้สภานักศึกษามีอำนาจแทรกแซงได้อย่างไร”
“คำพูดที่พยายามต่อต้านเขาเนี่ยนะ?” เซียงโกรธมาก “เรามีพยานจำนวนมากขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่เพียงพออีก พวกเราจะโทรหาสาว ๆ ในชั้นเรียนของเราให้มาร่วมเป็นพยาน วันนี้ผู้หญิงคนหนึ่งถูกรังแกจนน้ำตาไหล ไม่มีเหตุผลเลยที่พวกเราทั้งชั้นเรียนจะมานั่งโกหกอะไรแบบนี้”
“นั่นเป็นเรื่องยากที่จะพูด บางคนอาจร่วมมือกับทั้งชั้นเรียนเพื่อหลบหนีการฝึกการต่อสู้ก็ได้” เหอหยวนทำสีหน้าทำอะไรไม่ถูกจากนั้นสั่งว่า “พาพวกเขาออกไปด้วย!”
“บ้าชิบ! นี่คุณเป็นประธานนักศึกษาแบบไหนกัน? พวกเราทุกคนกำลังทุกข์ทรมาน แต่คุณก็ไม่กังวลและทำอะไรเลยเนี่ยนะ? สภานักศึกษาไร้ความสามารถ!” เกิ้งตะโกนใส่พวกเขา
ใบหน้าของเหอหยวนจมลง “ถ้าพวกคุณปฏิเสธที่จะออกไป ฉันจะถือว่าพวกคุณเป็นฝูงชนที่ก่อความวุ่นวาย ถึงตอนนั้นฉันจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกคุณทุกคนจะถูกลงโทษ! ไปได้แล้ว!”
“หน็อย! สภาขยะ! สักวันที่นี่จะถูกยุบ!” ทั้งชั้นเรียนเพิ่งได้รับความอยุติธรรมจากการฝึกการต่อสู้และตอนนี้ต้องเผชิญกับพฤติกรรมของสภานักศึกษาของพวกเขาเอง
ในขณะนั้นเองที่เหย่หลิงเฉินก้าวไปข้างหน้าและมองตรงไปที่เหอหยวน
“ดูเหมือนคุณจะมีปัญหาแล้วแหละ คุณจะช่วยชั้นเรียนของเราได้อย่างไร”
“หึหึ” เหอหยวนเดินเข้ามาหาเหย่หลิงเฉินอย่างช้า ๆ พร้อมจ้องมองเขาอย่างอ่อนน้อมจากนั้นกระซิบข้างหูของเขา “ฉันบอกแล้วว่าพวกคุณจะต้องเสียใจ! นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมากมายรอเราอยู่ข้างหน้า!”
เมื่อพูดอย่างนั้นเขาตบเหย่หลิงเฉินที่ไหล่และหัวเราะเยาะ “ตราบใดที่คุณเต็มใจที่จะคุกเข่ากราบขอความช่วยเหลือฉันสามครั้งฉันอาจจะพิจารณาใหม่”
โปเตโต้กระโจนเข้าไปด้วยความโกรธแค้น “คุกเข่าแม่แกสิ! คุณคิดว่าคุณดีมากเพียงเพราะคุณเป็นประธานเหรอ? ขยะชัด ๆ! นี่มันปัญญาอ่อน!”
“ฉันคิดมาตลอดว่าสภานักศึกษาศักดิ์สิทธิ์ ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะผลิตขยะแบบนี้!” ใบหน้าของเกิ้งมืดมน
“แ*งเอ้ย! ถือว่าเป็นความผิดของเราที่เชื่อคนผิด! ฉันจะไม่ก้าวเข้าไปในสภานักศึกษาอีก แม้ว่ามันจะหมายถึงความตาย! เหย่ เราไปกันเถอะ”
“ฉันเคยคิดที่จะเข้าร่วมสภานักศึกษาด้วย แต่ด้วยการคอร์รัปชั่นที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ฉันไม่คิดจะเข้าร่วมอีกต่อไป!”
ชั้นเรียนระบายความรู้สึกผิดหวังด้วยคำสาปขณะที่พวกเขามองไปที่เหอหยวนที่เต็มไปด้วยความรังเกียจในขณะที่จากกัน
พวกเขาเพิ่งเริ่มต้นชีวิตในมหาวิทยาลัย เลือดร้อนและมีอุดมการณ์ พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าสังคมจะสกปรกขนาดนี้
“หรือเราจะลองเข้าหาอาจารย์ผู้สอนคนอื่นดีล่ะ ฉันเชื่อว่านักศิลปะการต่อสู้ทุกคนไม่ได้เลวร้ายแบบนั้น!” เซียงเปล่งคำแนะนำของเขา
พวกเขาทั้งหมดคิดว่าความคิดนี้เป็นไปได้ ข้างหน้าไม่ไกลมีอาจารย์ผู้สอนเดินเข้ามาหาพวกเขา
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดรู้สึกอึดอัด
“พวกเธอเป็นลูกศิษย์ทีมของซุนเฉาใช่ไหม” ผู้สอนถาม
“ครับ” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า
“เมื่อเช้านี้ฉันเห็นพฤติกรรมของซุนเฉาแล้วล่ะ ฉันคงเตือนพวกเธอได้แค่ให้อดทนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น เดี๋ยวเวลาก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว” อาจารย์ถอนหายใจ
“ทำไมล่ะ?” โปเตโต้ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เกิ้งผิดหวัง “เขาเคยกระทำความผิดเมื่อสามปีก่อน ทำไมสมาคมนักรบถึงไม่ไล่เขาออก?”
ผู้สอนมองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบว่า “สมาคมนักรบค่อนข้างใหม่ พูดตรง ๆ นะ สมาคมนี้ยังไม่ถือว่าเป็นองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศ การบริหารจัดการดีกว่าบริษัทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเทียบไม่ได้เลยกับความเข้มงวดของกองทัพ ด้วยเหตุนี้ที่ซุนเฉาเป็นคนหัวขโมยมาก่อน นิสัยของเขาจึงไม่ถูกขัดเกลา อย่างไรก็ตามเขามีพี่ชายที่เป็นนักรบชั้นล่างที่มีพลังอำนาจบางอย่างทำให้เขาสามารถกระทำการโดยไม่ต้องรับโทษได้”
“ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว แต่เหตุการณ์นี้ยังคงถูกทำให้เงียบเอาไว้โดยพี่ชายของเขา ทำให้ซุนเฉายังคงอยู่ในสมาคมนักรบต่อไปด้วย แม้แต่ในสมาคมพวกเราเองก็ไม่กล้าที่จะไปมีเรื่องกับเขา ไม่เช่นนั้นจะไม่จบลงด้วยดีแน่”
เมื่ออาจารย์พูดจบเขาก็ออกไปทันทีโดยไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไปอีกต่อไป
การแสดงออกของชั้นเรียนน่าเกลียดเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้ ทุกคนเก็บความผิดหวังไว้ในตัวแม้กระทั่งการหายใจก็ยังทำได้ยาก
ถึงแม้ว่านักรบที่อยู่ระดับชั้นล่างจะเป็นตำแหน่งผู้จัดการที่ต่ำที่สุดในสมาคม แต่มันก็ยังคงถือว่าเป็นตำแหน่งผู้จัดการอยู่ดี!
“บ้าจริง! ผู้ชายคนนั้นมีพี่ชายนักรบระดับล่างด้วยเหรอ? ไม่น่าแปลกใจที่เขากล้าบ้าบิ่นขนาดนี้!”
“ความชั่วร้ายจะไม่มีวันอยู่เหนือความดี! ยังไงเราก็ต้องสามารถต่อสู้กับอาจารย์ผู้สอนได้!”
…
**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **
อ่านเรื่องนี้ที่ www.thai-novel.com หรือ mynovel.co ด้วยนะคะ ผู้แปลจะได้มีกำลังใจแปลต่อ ขอบคุณค่ะ
FB : June6 Translate นิยายแปลไทย
13:30 น. บนสนาม เสียงตะโกนที่ชัดเจนเล็ดลอดออกมา การฝึกการต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ภายใต้แสงแดดที่แผดจ้าสนามเป็นเหมือนเตาย่างทำให้การฝึกการต่อสู้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ซุนเฉาเดินช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่มืดมน
สายตาของเขาราวกับงูพิษที่กำลังเลือกเหยื่อเพื่อกลืนกิน
ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอันตราย “เมื่อตอนบ่ายวันนี้ ใครคนไหนเอาเรื่องฉันไปรายงานต่อสภานักศึกษา ออกมาข้างหน้าเดี๋ยวนี้!”
“ไอ้พวกเลว! ไอ้พวกนั้นที่สภานักศึกษา! มันแย่มากพอแล้วที่พวกเขาจะไม่ช่วยเรา หนำซ้ำยังขายเราอีกด้วย!” เกิ้งกัดฟันขณะที่เขาพึมพำ
ทุกคนมองหน้ากันแล้วค่อย ๆ เดินออกจากแถว
“หึ ดีมาก!” ซุนเฉาเยาะเย้ย “เจ้าหัวซุกหัวซุนตัวน้อยกล้าไปรายงานฉันเหรอ!”
ด้วยความโมโห เขาเตะออกไปทางนักศึกษาชายที่อยู่ใกล้ที่สุดส่งเขาลงไปที่พื้นทันที!
นักเรียนคร่ำครวญ เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
“แกไม่กลัวตายกันเหรอถึงได้กล้ารายงานฉัน!?”
ทุกคนกระวนกระวายรู้สึกไม่สบายใจ
“พวกแกทุกคนไม่ต้องฝึกอีกต่อไปแล้ว! ยืนอยู่แบบนี้นี่แหละ ถ้าใครขยับตัวแม้แต่นิดเดียวฉันจะหักขาซะ!” ซุนเฉากล่าวต่อ
การยืนเข้าระเบียบภายใต้แสงแดดที่แผดจ้าโดยไม่หยุดพักถือเป็นการทรมานนักศึกษาอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นซุนเฉาก็เดินไปเข้าแถวสาว ๆ
เด็กหญิงตัวสั่นด้วยความกลัวขณะยืนอยู่ในท่ากัดริมฝีปากเพื่อปิดปาก
“พวกเธอได้เรียนรู้การเดินขบวนอย่างรวดเร็วแล้วเมื่อเช้านี้ ตอนนี้เรากำลังก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป!” ซุนเฉาให้การสาธิตอย่างง่ายจากนั้นขอให้เด็กผู้หญิงเริ่มต้น
“ทำตามคำสั่งของฉัน ยกขา!”
สาว ๆ ยกขาขึ้น ซุนเฉาเดินไปดูพวกเขาทีละคน
เขาจับที่น่องของหญิงสาว “ยกให้สูงกว่านี้!”
หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่เคียงข้างหญิงสาวอีกคนจับเธอไว้ที่ไหล่แล้วคลำเธอ “ผ่อนคลายไหล่ของเธอ ฉันจะช่วยจัดท่าให้เอง”
ในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เปล่งประกายและเดินไปอีกด้าน “เธอต้องออกแรงที่ต้นขาให้มากขึ้น แยกขาให้มากขึ้นกว่านี้”
ต้องบอกว่าเขาเอื้อมมือไปจับที่ต้นขาด้านในของหญิงสาว
อย่างไรก็ตามหญิงสาวก็แกว่งร่างกายของเธอและขยับไปข้างหลังสองก้าวโดยตอบสนองด้วยความกลัว “อาจารย์คะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะปรับท่าทางของฉันเอง”
ซุนเฉาไม่ยอมแพ้ “เธอจะจัดเองได้อย่างไรกัน? อยู่นิ่ง ๆ ฉันจะจัดท่าทางให้เธอเอง!”
หญิงสาวคนนั้นถอยออกไปอีกสองก้าวอย่างหวาดกลัว ดวงตาของเธอเป็นสีแดง
“เร็วเข้า ไม่ต้องเสียเวลา! ถ้าไม่ให้ความร่วมมือฉันจะหักคะแนนของเธอ!” ซุนเฉาขู่
ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจและไม่รู้จะทำอย่างไร
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้น
“ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับการสัมผัสทางกายระหว่างชายและหญิงนะครับ โปรดคำนึงถึงการกระทำของคุณด้วย!”
“เ*ย! ไอ้เหย่ แกบ้าไปแล้วเหรอ” โปเตโต้พูดด้วยน้ำเสียงกังวล
เกิ้งร้องด้วยความประหลาดใจ “เหย่ แกนี่มันแมนจริง ๆ!”
“หืม??” ซุนเฉาจ้องตาเหมือนเสือพร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “นั่นใคร?!”
เหย่หลิงฉินก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างช้า ๆ และยอมรับอย่างใจเย็น “ผมเอง”
เมื่อเห็นเหย่หลิงเฉินเจตนาร้ายของซุนเฉาก็แสดงออกมาอย่างแข็งแกร่งขึ้น “แกนี่เอง ชอบทำตัวเป็นฮีโร่นักเหรอ?”
ทั้งชั้นเรียนมองไปที่เหย่หลิงเฉิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“ในฐานะนักศิลปะการต่อสู้คุณเป็นตัวแทนของสมาคมนักรบ! คุณควรปฏิบัติตามกฎของศิลปะการต่อสู้อย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ชื่อของสมาคมนักรบเสื่อมเสีย!” เหย่หลิงเฉินจ้องมองกับซุนเฉาโดยไม่แสดงอาการหวาดกลัว
“นี่แกสอนฉันเหรอ? กล้ามากนะที่ทำแบบนี้!”
ซุนเฉาเดินมาหาเหย่หลิงเฉินอย่างช้า ๆ ดวงตาของเขาราวกับมองไปที่ของเล่นบางอย่าง
ขณะที่เขาอยู่ห่างจากเหย่หลิงเฉินเพียงสามฟุตสายตาของซุนเฉาก็ระเบิดออกมาด้วยเจตนาฆ่า เขาชูกำปั้นขึ้นและพุ่งเข้าใส่เหย่หลิงเฉินด้วยความเร็วเต็มที่!
“แกกล้าอ้างกฎของศิลปะการต่อสู้กับฉันใช่ไหม? คงเบื่อกับการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ!”
…