I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 12 – อาซานางิเท่สุดๆ
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 12 – อาซานางิเท่สุดๆ
ตอนที่ 12 – อาซานางิเท่สุดๆ
เนื่องจากใกล้จะถึงเวลาที่จองไว้แล้ว ผมกับอาซานางิจึงรีบออกจากสถานี แล้วพากันไปที่ย่านใจกลางเมือง
“มาเอฮาระ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้านายจะมาเดินข้างๆฉัน แล้วอีกอย่างนะ ถ้านายเดินตามหลังฉันแบบนั้น คนอื่นอาจจะคิดว่านายเป็นคนน่าสงสัยก็ได้นะ”
“อ่า…จริงด้วย โทษทีนะ”
“นายนี่นะ…”
อาซานางิเป็นคนเดียวที่รู้ว่าร้านอยู่ที่ไหน ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะเดินตามเธอไป โดยทิ้งระยะห่างจากเธอประมาณ 3 ก้าว แต่ที่อาซานางิพูดก็ถูกของเธอ ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา
ผมเดินเข้าไปใกล้เธอจนเหลือระยะประมาณครึ่งก้าว แต่เธอก็หันมาบอกกับผมอีกครั้ง
“นี่…ก็บอกให้มาเดินข้างๆไง มานี่เลยนะ!”
“หว๋า~~~”
ในท้ายที่สุด อาซานางิก็ดึงแขนของผมให้เข้าไปใกล้ๆเธอ และในท้ายที่สุดผมก็กำลังเดินอยู่ข้างๆเธอจนได้
ไหล่ของเราสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ร้านเป้าหมายที่เราจะไปนั้นตั้งอยู่ในซอยแคบๆ เป็นร้านที่หาได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพียงแค่เราเดินไปตามถนนหลักไปจนถึงร้านขายยาแห่งหนึ่งแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างๆ เราก็จะเจอร้านทันที
“นี่ ตอนแรกฉันคิดว่า…นายจะดูแลฉันดีกว่านี้นะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นา…ก็ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนนี่…”
ฉันมองไปที่กลุ่มนักเรียนข้างหน้าเรา คงจะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนอื่น ในกลุ่มพวกเขามีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปตามทางเดิน พวกเขาก็กำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข ราวกับพวกเขาอาศัยอยู่คนละโลกกับผม
…คนที่อยู่ถัดจากผมคืออาซานางิ เธอเดินอยู่ข้างๆผมในขณะที่เอามือของเธอใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อฮู้ด
“อาซานางิ เวลาเธอกับอามามิซังมาเที่ยวที่นี่ พวกเธอทำอะไรกันบ้างเหรอ?”
“ไม่มีเป้าหมายหรอก…พวกเราแค่เดินเที่ยวไปเรื่อยน่ะ…แบบว่า…อยากไปไหนก็ไป เช่น ถ้าเราอยากไปร้องคาราโอเกะ เราก็ไป หรือถ้าเราหิว…เราก็จะแวะไปที่ร้านกาแฟ…อะไรทำนองนี้”
“อืม…รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แฮะ”
ในบางครั้งผมก็จะออกมาที่นี่ แต่ผมก็จะมีเป้าหมายอยู่เสมอ เช่น มาซื้อเกม มาซื้อหนังสือ หรือมาทำธุระอื่นๆ หรือแม้แต่ตอนนี้ที่ตั้งใจมาหาอะไรกิน ผมไม่ค่อยออกมาที่นี่หากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ถ้าไม่มีเป้าหมาย ผมก็อยากอยู่บ้านมากกว่า
“ถ้านายอยู่คนเดี่ยวบ่อยๆมันก็ไม่แปลกหรอกที่นายจะรู้สึกแบบนั้น แต่ฉันคิดว่า…มาเอะฮาระแค่คิดมากเกินไปน่ะ”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอาซานางิจะมีความเห็นต่างจากผม
“หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“ฉันหมายความว่า…ถึงเราไม่มีเป้าหมายก็ไม่เป็นไรน่ะ ยกตัวอย่างนะ เช่นสมมติว่าถ้าเราออกไปเที่ยวกับยูกันสามคน แต่อยู่ดีๆยูก็บอกว่าอยากไปร้องคาราโอเกะ…แต่มาเอะฮาระบอกว่าอยากไปกินขนมที่พึ่งออกรสใหม่ ดังนั้นพวกเราก็แค่ไป「ร้องคาราโอเกะ」แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็「ไปกินขนม」…นายพอจะเห็นภาพไหม?”
“อ่า…คือ…อืม”
ที่ผมเข้าใจ ก็ประมาณว่า…ทั้งอามามิซังและอาซานางิต่างก็คุยกันตอนอยู่ที่โรงเรียนเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เพราะต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น จึงชวนกันออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันตอนหลังเลิกเรียน
ส่วนการร้องคาราโอเกะหรือกิจกรรมอื่นๆนั่นเป็นเพียงสิ่งที่ตามมาทีหลัง
“ดังนั้น เมื่อมองแวบแรก…พวกเราอาจจะดูเหมือนไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ความเป็นจริง…เราได้บรรลุเป้าหมายของเราไปเรียบร้อยแล้วต่างหาก…นั่นก็คือการที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนยังไงล่ะ…ถ้าคิดแบบนี้…ถึงแม้เราจะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนจริงๆ แต่การทำแบบนั้น มันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ใช่ไหมล่ะ”
“…ก็จริงนะ”
“ดังนั้น ไม่ว่าพวกเรา หรือกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าพวกเรา…ก็ไม่ได้ต่างกันหรอก ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือที่บ้านของนาย พวกเราต่างก็กำลังเที่ยวเล่นอยู่กับเพื่อนเหมือนกันนั่นแหละ”
เหตุผลที่ผมกับอาซานางิอยู่ด้วยกันไม่ใช่เพื่อ「เล่นเกม」หรือ「กินข้าวเย็นด้วยกัน」แต่เป็นเพราะ…พวกเราต้องการใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ร่วมกันต่างหาก นั่นคือเหตุผลที่ผมและอาซานางิอยู่ด้วยกัน
สุดท้ายแล้ว การกินข้าวด้วยกัน ก็เป็นเพียงเหตุผลที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลังเช่นเดียวกัน
“มาเอะฮาระ ถึงฉันจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับนายมากเท่ากับยู หรือกับเพื่อนคนอื่นๆ…แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดการที่ได้ใช้เวลาด้วยกันกับนายหรอกนะ…ถึงจะเบื่อนิดหน่อยตอนที่นายยิงตัวละครในเกมของฉันจนพรุน แต่นายก็ไม่โกรธเวลาโดนฉันล้อเรื่องความเวอร์จิ้นของนาย….”
“ไม่!…เรื่องนั้นฉันโกรธจริงๆนะ”
บอกตามตรง ผมโกรธทุกครั้งที่เธอทำอะไรแบบนั้น แต่ผมก็คิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะรู้ว่าอาซานางิเพียงแค่พูดเล่น และไม่ได้จริงจังอะไรกับมัน ผมก็เลยยกโทษให้เธอเสมอ
“จะว่าไป อาซานางิ ในกลุ่มของอามามิซังเธอเองก็โดดเด่นมากเลยนะ บางทีผมก็เหมือนเห็นเธอกำลังใส่ชุดสูททำท่าทางเหมือนเป็นผู้จัดการอะไรซักอย่าง…”
“พูดมากน่า…แต่รู้ไหมว่ายิ่งคนเยอะเท่าไหร่ เรื่องก็ยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้น ฉันเองก็ต้องการช่วงเวลาพักผ่อนโดยไม่ต้องกังวลอะไรแบบนี้บ้างเหมือนกันนะ”
“เวลาที่ต้องการพักผ่อนโดยไม่ต้องกังวลอะไร…กับคนแบบผมเนี่ยนะ?”
“อืม ใช่…นายช่วยได้มากเลยล่ะ ขอบใจนะ”
“เอ่อ…”
“อะไรน่ะ ทำเสียงเหมือนอีกัวน่าโดนรถ4WDทับ”
(TL: รถขับเคลื่อน4ล้อ ในบริบทนี้น่าจะหมายถึงรถคันใหญ่ๆมากกว่าครับ)
“ไม่ ก็…เดี๋ยวก่อนนะ เธอเคยได้ยินเสียงแบบนั้นด้วยเรอะ?”
‘ขอบคุณที่จริงใจกับผมนะ’ –ผมไม่สามารถพูดแบบนั้นต่อหน้าเธอได้…มันน่าอายเกินไป
—คนๆนี้น่ะ เท่สุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ?
ผมรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่เคยคิดแบบนั้นไปแว็บนึง…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ในส่วนสุดท้ายของตอนนี้ หลายท่านอาจจะงงๆ ผมจะอธิบายเพิ่มเติมไว้ในส่วน ปล. แล้วกันนะครับ
คือประมาณว่า ตอนที่คุยกันช่วงแรก-กลางของตอนมาเอะฮาระคิดว่าอาซานางินะเท่มาก จนมาเสียที่ประโยคสุดท้ายที่เธอเปรียบเทียบเสียงของมาเอะฮาระกับเสียงอีกัวหน้าโดนรถทับ
ปล2. บทนี้แปลยากอยู่ครับ หมายถึงแปลออกมาให้เป็นไทยแล้วอ่านเข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายนี่งงจัดๆเลยครับ บริบทก็เลยปรับๆไปตามสถานการณ์ หากมีอันไหนขัดๆก็แจ้งได้เลยครับ
ปล3. วันนี้ถ้าบทต่อไปไหลๆ อาจจะได้อีก 3 ตอน แต่ตีไว้ 2 ตอนก่อนแล้วกันครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ Durimtok Channel