I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 13 – อิ่มแล้วครับ
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 13 – อิ่มแล้วครับ
ตอนที่ 13 – อิ่มแล้วครับ
เราเดินผ่านกลุ่มนักเรียนโรงเรียนอื่นที่หยุดอยู่ที่หน้าร้านขายยาไปแล้วเลี้ยวเข้าซอยเพื่อไปที่ร้านที่อาซานางิจองไว้
“นี่คือ…ร้านคุชิคัตสึใช่ไหม?”
(TL: ร้านที่ขายอาหารแบบเสียบไม้ทอด)
“ใช่สิ ฉันหมายถึง…ป้ายมันก็เขียนชัดอยู่นะ?”
ตามที่อาซานางิพูด ป้ายชื่อร้านเปิดไฟสว่างทำให้สามารถอ่านได้อย่างชัดเจน แต่ที่ผมพูดว่า ’ร้านคุชิคัตสึใช่ไหม?’ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น
“ที่นี่ดูเหมือนร้านอิซากายะมากกว่านะ…เราจะกินที่นี่จริงๆใช่ไหม?”
(TL: อิซากายะ เป็นบาร์สไตล์ญี่ปุ่น)
ภายในร้านดูเหมือนจะยังไม่ถึงจุดพีค ดังนั้นลูกค้าภายในร้านจึงยังน้อยอยู่ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศในชุดสูท แม้แต่คนที่ดูจะอายุน้อยที่สุดก็ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
ถ้านักเรียนม.ปลายสองคนเดินเข้าไปในร้านแบบนี้ บางทีมันอาจจะดูแปลกไปสักหน่อย
“ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่เป็นร้านแฟรนไชส์น่ะ แล้วพวกเขาก็พึ่งจะเพิ่มเมนูอาหารสำหรับครอบครัวเข้ามาด้วย แล้วพวกเราก็ไม่ได้จะมาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซะหน่อย ดังนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างนะที่นี่น่ะคนก็น้อยแถมราคาถูกด้วย…ยิ่งเป็นช่วงเวลานี้ด้วยร้านที่ไม่ค่อยมีคนยิ่งหายากนะ”
มีร้านอาหารสำหรับครอบครัวและร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดมากมายในบริเวณนี้ แต่เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แถมยังเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ร้านส่วนใหญ่ก็จะมีคนแน่นตลอดเวลา โดยเฉพาะพวกนักเรียนม.ปลายแบบพวกเรา
การที่ต้องไปรอต่อคิวที่ร้านอาหารครอบครัวเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับผม มันเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นหากเป้าหมายของเราคือการทำให้ท้องอิ่มแล้วล่ะก็…การเลือกร้านที่คนน้อยก็ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว
“อ๊ะ ได้เวลาแล้ว…เข้าไปกันเถอะ!”
“รู้แล้วๆ ว่าแต่ทำไมต้องผลักให้ผมเข้าไปในร้านก่อนด้วยล่ะ?”
“เพราะฉันพึ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกน่ะสิ”
“พึ่งเคยมาเป็นครั้งแรกเหรอ?”
ตอนแรกผมคิดว่าจะถูกปฏิเสธไม่ให้พวกเราเข้าร้าน แต่พออาซานางิบอกพนักงานว่าจองที่นั่งไว้แล้ว พนักงานก็พาเราไปที่ห้องส่วนตัวทันที เนื่องจากร้านคุชิคัตสึนั่นดูเหมือนร้านอิซากายะ ทำให้ผมกังวลว่าอาจจะมีกลิ่นแอลกอฮอล์ซึ่งจะทำให้พวกเราเมาได้ แต่ดูเหมือนพนักงานจะดูแลเรื่องนั้นเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาอะไร
ตอนแรกที่ผมดูจากป้ายร้าน ผมคิดว่าร้านนี้เป็นร้านที่ต้อนรับเฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง…ร้านนี้ดูจะเป็นร้านอาหารครอบครัวที่มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เสียมากกว่าที่จะเป็นร้านอิซากายะ
อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่า…ตัวเองจะได้มานั่งกินข้าวที่ร้านคุชิคัตสึที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองในตอนเย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์หลังจากที่ไม่ได้ออกจากบ้านมานานแบบนี้
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยสนใจสถานที่แบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆมันเหมือนผมได้ก้าวเข้ามาในโลกใบใหม่ ผมมองไปรอบๆอย่างกระสับกระส่าย
“ฟุฟุ…ฉันไม่ต้องกังวลว่าจะบังเอิญเจอเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นที่นี่แล้วล่ะ”
“ไม่มีทางเจออยู่แล้ว…ก็นี่มันห้องส่วนตัว…”
ถ้าพวกเรามาที่นี่ในชุดนักเรียนในช่วงเย็นแบบนี้ และถึงแม้ว่าร้านจะให้เราเข้ามา แต่สุดท้ายก็จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำผิดอะไรสักอย่างอยู่ดี
อาจเป็นเพราะผมกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รอบตัวมากเกินไป ทำให้ผมรู้สึกค่อนข้างอึดอัด และไม่สบายตัวเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรน่า…บางทีเราก็ต้องออกผจญภัยแบบนี้บ้างในบางครั้ง…มาเถอะ รีบสั่งอาหารกันดีกว่า นายเอาอะไรดีล่ะ?”
“ผมก็พึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน…เอ่อ ร้านนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์หรือเปล่านะ?”
“ใช่!”
ทานได้ไม่อั้นเป็นเวลา 1 ชม. (รวมน้ำอัดลม) ในราคา 1,500 เยน เปิดขายเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น…เหมือนจะยังอยู่ในงบประมาณ 2,000 เยนนะ
ถ้าจะสั่ง…เราต้องใช้… ทัชแพดตรงนี้เหรอ?
“งั้นเอาเป็น…หมูกับแฮมเสียบไม้…แล้วก็…เอาเป็นหัวหอมกับรากบัวดีไหม?”
“เลือกอันที่มันปลอดภัยสินะ”
“แล้วอาซานางิอยากกินอะไรไหม”
“ขิงดอง”
“เอาจริงดิ?”
อาซานางิเริ่มดูเหมือนผู้เยาว์น้อยลงเรื่อยๆ
แล้วเราก็สั่งของที่กินง่ายๆอย่างอื่นไปเพิ่ม รวมถึงเครื่องดื่มด้วย
บางทีผมอาจจะสั่งมาเยอะเกินไป แต่ผมหิว…ผมจึงมั่นใจว่าจะสามารถกินจนหมดได้ นอกจากนี้อาซานางิยังกินได้เยอะกว่าผมด้วย
“ใช่ๆ ตอนนี้มา「คัมไป」กันก่อนดีไหม?”
“อ่า..คัมไป~!”
เรายกแก้วโค้กมาชนกัน ก่อนที่จะดื่มมัน
น้ำอัดลมเย็นชื่นใจและซ่าบาดคอกำลังดี อาจเป็นเพราะแก้วที่ใช้เป็นแก้วแช่เย็น จึงทำให้รู้สึกว่าโค้กในแก้วนั้นอร่อยกว่าการดื่มจากขวดพลาสติกประมาณ 30%
หลังจากนั้นไม่นาน คุชิคัตสึที่สั่งไว้บางส่วนก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
แน่นอนว่าพวกมันเป็นของทอด โดยปกติของทอดในมื้อเย็นจะเป็นของที่ถูกทอดทิ้งไว้นานแล้วกว่าที่เราจะได้กินมัน…แต่ที่นี่ พวกมันถูกทอดออกมาใหม่ๆ มันนานมากแล้วที่ผมไม่ได้กินอาหารทอดสดใหม่แบบนี้
“…อิทาดาคิมัส”
ผมราดซอสที่วางอยู่บนโต๊ะลงไป แล้วกัดไปคำหนึ่ง
“อร่อยมาก!!”
ผมอุทานออกมาโดยไม่ตั้งใจ
สัมผัสของแป้งทอดกรอบและความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมู บวกกับซอสสูตรพิเศษเฉพาะของทางร้านที่สอดประสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี เพียงแค่กัดเข้าไปในปาก ความรู้สึกอิ่มเอมก็ทะลักออกมาทันที
ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าของทอดใหม่ๆจะอร่อยได้ขนาดนี้ เมื่อเทียบกับของทอดทั่วไปที่ผมกินเป็นประจำ ความแตกต่างก็เหมือนฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
“หืม~ มาเอะฮาระทำหน้าแบบนี่เองสินะเวลาได้กินของอร่อย…น่าแปลกใจเหมือนกันนะเนี่ย”
“อะ-อะไร ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่…”
อาซานางิหัวเราะกับท่าทางของผม
ผมรู้สึกเหมือนถูกเห็นตอนทำอะไรน่าอาย และที่แก้มผมก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง วันนี้ผมรู้สึกราวกับตกอยู่ในกำมือของอาซานางิโดยสมบูรณ์
“เอาน่าๆ ไม่เป็นไรนะ…แต่มันก็อร่อยจริงๆนะ บางที…ฉันว่าจะสั่งเพิ่มอีกสักสี่ไม้”
หลังจากนั้น บทสนทนาก็ดำเนินต่อไปเป็นเวลา 60 นาที…ผมกับอาซานางิต่างก็เพลิดเพลินไปกับอาหารกันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. เดี่ยวช่วงมืดๆน่าจะลงได้อีกตอนครับ
ปล2.อัพเดทแก้คำผิด กับปรับสำนวนเนิดหน่อยครับ ถ้าเจอตรงไหนผิดแจ้งไว้ในเพจก็ได้ครับ
ฝากด้วยครับ Durimtok Channel