I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย
บทที่ 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย
ครอบครัวของอาซานางิต้องการพบผม…ผมไม่รู้ว่าเช้านี้จะต้องโดนดุด่ามากขนาดไหน แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมสร้างปัญหา ดังนั้นผมคงไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้
ทันทีที่ทำความสะอาดเรียบร้อย ผมก็แต่งตัวและออกจากบ้านมาพร้อมกับอาซานางิ
ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเยี่ยมที่บ้านของอาซานางิในลักษณะนี้ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบว่าควรใส่เสื้อผ้าแบบไหนดี โดยปกติลำดับความสำคัญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าของผมจะเป็น ①ฟังก์ชันการทำงาน ②ราคา ③รูปลักษณ์ภายนอก…พอเป็นแบบนี้ ไม่ว่าผมจะหยิบชุดไหนมาใส่มันก็ดูเลวร้ายไปซะหมด
“ฉันอยากจะบอกเรื่องนี้กับนายมาตลอดเลยล่ะ…เซนส์เรื่องเสื้อผ้าของนายมันแย่มาก ถึงมาเอะฮาระจะไม่ชอบออกไปนอกบ้าน แต่ดูนายจะไม่ใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าของตัวเองมากเกินไปหน่อยไหม?…นี่ขนาดฉันพยายามทำให้มันอยู่ในระดับที่เรียกว่า「พอดูได้」แล้วนะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่เป็นคนประเภทที่สนใจผลลัพธ์ต่างหาก…ที่จะบอกก็คือ อย่างน้อยเธอก็ชอบเสื้อสเวตเตอร์ของผมใช่ไหมล่ะ?”
“นั่นก็จริง แต่มันไม่แปลกไปหน่อยรึไงที่เสื้อผ้าของนายมีแต่สีดำกับสีเทาน่ะ หรือว่าจริงๆแล้วความปรารถนาของมาเอะฮาระคือการได้เป็นหนึ่งเดียวกับความมืดอะไรพวกนั้น?”
“ผมจบหลักสูตรการเป็นจูนิเบียวไปตั้งแต่ปีที่แล้วๆนะ…อีกอย่างมันก็มีสีขาวด้วย”
“ฉันก็นึกว่ามาเอะฮาระอยากเป็นชายชุดดำอะไรพวกนั้นซะอีก…เอาเถอะ ครั้งหน้าถ้านายจะไปซื้อเสื้อผ้า อย่าลืมส่งรูปมาให้ฉันเช็คก่อนด้วยล่ะ”
“เพื่อที่เธอจะได้บอกว่าไม่ให้ซื้องั้นเรอะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น อีกอย่าง…นายควรจะไปซื้อเสื้อผ้าแบบที่คนเค้านิยมใส่กันนะ…เช่นชุดตรงนั้น”
“ชุดนั่นมัน Cospa…มันดูเด่นไปหน่อยนะ”
เอาเถอะ ถ้าผมเลือกซื้อชุดที่ผมชอบ ชายชุดดำคงจะถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งแน่ๆ ดังนั้นผมจึงควรจะปล่อยให้อาซานางิเป็นคนจัดการทั้งหมดน่าจะดีกว่า อย่างน้อยเซนส์ในการเลือกเสื้อผ้าของเธอก็ดีกว่าผมแน่นอน
แต่ว่านะ ทำไมมนุษย์ต้องทำเรื่องยุ่งยากและไร้ประสิทธิภาพแบบนี้เพื่อที่จะออกไปข้างนอกด้วย
“อ๊ะ อีกเรื่องนึง…เมื่อกี้ฉันเห็นนายเขียนโน็ตให้มาซากิซัง นายเขียนไปว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“อา…ผมเขียนไปว่า「ผมถูกคุณแม่ของอาซานางิเรียกพบ ผมเลยจะไปบ้านของอาซานางิพร้อมกันกับเธอ ไม่ต้องตามหานะ」น่ะ”
“นั่นมันจดหมายโดนลักพาตัวรึไง? ถึงแม่จะบอกให้พามาเอะฮาระไปหา แต่แม่ก็ไม่ได้โกรธนายสักหน่อย”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพ่อของอาซานางิจะเป็นเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเอง(JSDF) แต่ช่วงนี้พ่อของเธอค่อนข้างจะยุ่งจึงแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย
…ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดมากเกินไปหรือเปล่า? แต่ผมคิดว่าพ่อของเธอคงอยากฆ่าผมแน่ๆ
เนื่องจากผมยังเป็นเด็ก จึงยังไม่รู้ว่าการเป็นพ่อแม่นั้นรู้สึกยังไง แต่ถ้าลูกสาวของผมกลับมาบ้านในตอนเช้าพร้อมกับผู้ชายที่อ้างว่าเป็น「เพื่อน」ใช่…บางทีผมอาจจะฆ่าหมอนั่นทันทีทีเจอหน้าก็เป็นได้
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเคียงข้างกันผ่านบริเวณที่อยู่อาศัยในยามเช้าพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย
ผมในชุดธรรมดากับอาซานางิในชุดนักเรียน ผมรู้สึกแปลกๆที่ได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกกับอาซานางิในวันหยุดแบบนี้ มันไม่เหมือนการเดินด้วยกันตอนอยู่ในโรงเรียน หรือการไปเที่ยวหลังเลิกเรียนด้วยกันอะไรแบบนั้น
ผมหันไปมองอาซานางิที่กำลังเดินอยู่ข้างๆผมอีกครั้ง
ถึงเธอจะบอกว่าพึ่งตื่นเลยแต่งตัวได้แค่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นผิวของอาซานางิก็ยังสวย แก้มของเธอดูเรียบเนียนและแสงแดดยามเช้าช่วยเสริมความงามของเธอ
ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่สวยมาตั้งแต่แรก แต่เธอคืออาซานางิ ผมมั่นใจว่าเธอต้องคอยดูแลตัวเองอย่างดีอยู่เสมอ
แม้ว่าอาซานางิจะชอบทำตัวเลอะเทอะตอนอยู่กับผม แต่ในเวลาอื่นๆเธอก็สามารถวางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หญิงสาวที่จริงจังและทุ่มเทในทุกๆเรื่อง…นั่นก็คือ「อาซานางิ อุมิ」ที่ทุกคนรู้จัก
“? มาเอะฮาระ เป็นอะไรไป? ยังประหม่าอยู่เหรอ?”
“ไม่ล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“งั้นทำไมนายมองมาที่ฉันแบบนั้นล่ะ? หรือเกิดรู้สึกชอบฉันขึ้นมา?”
“ไม่ได้ชอบ…ไม่สิ ฉันชอบเธอในฐานะเพื่อน…”
“อ่า…อะ-โอเค ขอบคุณนะ”
“? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ปะ-เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร…ถ้างั้น นายมองฉันทำไม?”
ถึงผมจะไม่ค่อยอยากบอก แต่ถ้าไม่บอก อาซานางิคงหงุดหงิดแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจบอกไปตามตรง
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอแค่ตอนที่ผมเดินกับอาซานางิ…ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมดุลนิดหน่อยน่ะ”
ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดหรือเปล่า แต่「อาซานางิ อุมิ」ในตอนนี้นั้นดูเปล่งประกายเป็นอย่างมาก
รูปลักษณ์ภายนอกของเธอนั้นดูดีอยู่แล้ว และแม้ว่าผมจะไม่เคยบอกกับเธอตรงๆ แต่อาซานางิก็สวยจากภายในด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะกลายมาเป็นศูนย์กลางของห้องเรียนร่วมกันกับอามามิซัง
ในทางตรงกันข้าม ตัวผม…
แม้ตอนนี้จะเป็นเช้าที่อากาศสดใส และท้องฟ้าก็ปราศจากเมฆ…ตัวผมในตอนนี้ก็ยังดูจืดชืดน่าเบื่อเหมือนเดิม แล้วนอกจากนั้นการแต่งตัวก็แสนจะมืดมน การเดินก็ดูเหมือนคนที่ก้มหน้ามองพื้นถนนตลอดเวลา
แน่นอน ผมเข้าใจดีว่าอาซานางิไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมยกให้อาซานางิเป็น「เพื่อนคนสำคัญ」ที่น่าเคารพของผม
“…นายยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่คนอื่นๆในห้องพูดอยู่เหรอ?”
“อืม…ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการได้รับความสนใจมากขนาดนี้มากก่อนน่ะ เลยไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่”
ถึงจะพูดว่าไม่กังวล แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นอารมณ์ด้านลบทั้งหมดที่พุ่งเป้ามาที่ตัวผม
ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับตัวผมเริ่มแพร่กระจายไปยังห้องเรียนอื่นบ้างแล้ว
โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มจะสนิทกับอามามิซังมากขึ้น
ท้ายที่สุดผมก็พยายามบอกตัวเองว่า…พวกนั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา เป็นพวกขี้แพ้ที่ไม่มีความกล้าที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง…แต่ในบางครั้งผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเวลาที่นึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอยู่ดี…ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ผมนอนไม่หลับเหมือนเมื่อคืน หรือแม้กระทั้งตอนนี้ก็ตาม
ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่เป็นคนไม่ได้เรื่องแบบนี้…
ผมระบายความรู้สึกทุกอย่างให้อาซานางิฟัง
“อา…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้นายพูดเรื่องแบบนี้ในตอนเช้าที่อากาศสดใสแบบนี้หรอกนะ ”
“อืม ผมหมายถึง…เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมาไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีฝนตกหรือหิมะถล่มก็ตาม”
ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
มันคือการไม่ดูบรรยากาศยังไงล่ะ
“นี่ มาเอะฮาระ ช่วยหันหน้ามาทางนี้หน่อยได้รึเปล่า?”
“หืม? จะทำอะ…”
“นี่แหนะ!”
ทันทีที่ผมหันหน้าไป ผมก็รู้สึกเจ็บนิดหน่อยที่กลางหน้าผาก
มันคือ『ดีดหน้าผาก』ที่เป็นเวอร์ชั่นอ่อนโยนจากอาซานางิ
“อะไรเนี่ย จู่ๆก็…”
“หืม? ไม่มีอะไรสักหน่อย~ ฉันแค่คิดว่ามาเอะฮาระดูจะเท่เกินไปหน่อย ฉันก็เลยฉันต้องพามาเอะฮาระที่เป็นพวกหน้าด้านกลับมาไง”
“ผมเนี่ยนะเท่…ล้อกันเล่นรึไง”
อะไรที่เธอมองว่ามันเท่ในตอนที่ผมกำลังระบายความรู้สึกแย่ๆให้เธอฟังกัน?
อย่างไรก็ตาม อาซานางิยังคงทำหน้าจริงจัง
“มันก็อาจจะพูดเกินจริงไปหน่อยที่บอกว่าเท่ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ล่ะนะ การที่นายสามารถเข้าใจความรู้สึกด้อยกว่าของตัวเอง การจัดการกับความรู้สึกไม่พอใจของตัวเอง แล้วก็การที่จะเปิดใจเพื่อที่จะระบายให้คนอื่นฟัง…มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ทุกคนที่จะสามารถทำได้หรอกนะ”
“มันจะเป็นแบบนั้นเหรอจริงๆเหรอ…”
“จริงสิ นายลองดูพวกผู้ชายคนอื่นสิ พวกนั้นก็เอาแต่คอยไปรวมกลุ่มกับพวกที่มีความคิดเหมือนๆกัน แล้วก็พูดเรื่องแย่ๆลับหลังคนอื่นไปเรื่อย โดยเฉพาะตอนที่ฉันอยู่กับยู ฉันไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ”
แม้แต่ในกลุ่มที่เป็นศูนย์กลางของห้องที่ดูรักกันดี แต่เบื้องหลังก็อาจจะมีการจัดแบ่งลำดับชั้นที่ชัดเจนอยู่ก็ได้…แล้วตำแหน่งเพื่อนสนิทของอามามิซังที่อาซานางิครอบครองอยู่ ก็อาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?
“มาเอะฮาระ บางทีนายอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่แย่มากหรืออะไรทำนองนั้น แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น สำหรับฉัน…นายไม่ใช่คนที่แย่เลยสักนิด อ๊ะ…แน่นอนว่าฉันกำลังพูดถึงภายในจิตใจของนายนะ ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก”
“ช่างมันเถอะน่า”
“ฟุฟุ เฮะๆ”
หลังจากพูดปลอบผมเสร็จ อาซานางิก็วางมือของเธอบนหัวของผมก่อนจะเริ่มลูบเบาๆ
“…ทำอะไรเนี่ย?”
“ไม่มีอะไรสักหน่อย~ แค่หัวของมาเอะฮาระอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการลูบพอดีน่ะ”
“หาข้อแก้ตัวที่มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง หัวมันก็อยู่บนไหล่อยู่แล้วไหม…”
แต่ว่า…ผมก็ไม่ได้เกลียดการถูกอาซานางิลูบหัวแบบนี้…ผมก็เลยปล่อยให้เธอทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ
“ถ้าคิดว่าอยู่กับฉันแล้วมันไม่สมดุล ถ้าแบบนั้นฉันก็จะพยายามให้ดีที่สุดที่จะอยู่ข้างๆนายในฐานะ「เพื่อน」นะ…แต่พูดก็พูดเถอะ สิ่งที่เรียกว่าความสมดุลที่นายพูดถึง จริงๆแล้วความต่างของเราเกือบๆเก้าสิบเปอร์เซ็นก็เป็นเรื่องของการแต่งตัวประหลาดๆของมาเอะฮาระนั่นแหละนะ”
“จริงดิ ถ้าแบบนั้นอาซานางิจะช่วงแปลงโฉมผมให้กลายเป็นผู้ชายที่ดูดีได้ใช่ไหม?”
“โอ้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน ไหนขอดูหน่อย…ทำตาสองชั้น เหลาคาง เสริมจมูก หลังจากนั้นก็ดัดแปลงร่างกายอีกนิดหน่อย…ถ้ามีเงินสักสองล้านก็น่าจะพอนะ”
“เอ๋~ แบบนั้นมัน…?”
“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า นายเข้าใจไหม? พวกปลาซิวปลาสร้อยที่มันมากวนใจ? วิธีบดขยี้พวกนั้นที่ดีที่สุดก็คือการทุบพวกมันด้วยเงินจำนวนมากยังไงล่ะ”
“เฮ้ยๆ ทำไมฟังดูเหมือนพวกวายร้ายเข้าไปทุกที”
“นิฮี่ฮี่ ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันนะ”
ท้ายที่สุด การสนทนาของเราก็กลับมาเป็นเรื่องงี่เง่าไร้สาระตามปกติ แต่ด้วยเหตุนี้เอง ผมก็รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด…ความรู้สึกด้านลบของผมค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง สุดท้ายถ้าผมยังคงมีอาซานางิเป็น「เพื่อนคนสำคัญ」…ผมคิดว่าผมก็คงไม่เป็นไร….
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ตอนนี้แปลยากจัดเลยครับ สำนวน คำผิดเช็คไปบ้างแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังแปลกๆแต่ไม่รู้จะแก้เป็นคำว่าอะไร(ฮา)
ปล2. อีกตอนไม่น่าทันครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ
ฝากติดตาม Durimtok Channel เหมือนเดิมนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ