I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 36 – สิ่งที่อาซานางิทำไม่ได้
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 36 – สิ่งที่อาซานางิทำไม่ได้
บทที่ 36 – สิ่งที่อาซานางิทำไม่ได้
นี่เป็นช่วงเวลาโฮมรูมก่อนเลิกเรียน
“เอ่อ~คือว่า…ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรากำลังจะมีงานเทศกาลวัฒนธรรมประมาณกลางเดือนหน้า ดังนั้น ในวันนี้เราจะมาเลือกสมาชิกของคณะกรรมการกิจกรรมกันนะ”
มีเสียง ‘เอ๋~’ ดังออกมาทั่วทั้งชั้นเรียน
ก่อนที่ผมจะได้มาเป็นเพื่อนกับอาซานางิกับอามามิซัง โดยปกติผมจะอยู่คนเดียวตลอด ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยสนใจกิจกรรมของโรงเรียนมากนัก แต่แน่นอนว่ามีงานแบบนี้ถูกจัดขึ้นบ่อยๆในโรงเรียนของเรา
งานกิจกรรมของโรงเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีงานกีฬาสีกับงานเทศกาลวัฒนธรรม ปกติโรงเรียนม.ปลายจะจัดงานเทศกาลขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่เนื่องจากทางโรงเรียนต้องจัดเวลาระหว่างช่วงเวลากิจกรรมกับช่วงเวลาเรียนให้สมดุลกัน จึงจำเป็นต้องจัดงานกีฬาสีสลับกับงานเทศกาลวัฒนธรรมกันไปทุกปี โดยในปีนี้จะเป็นเวลาของงานเทศกาลวัฒนธรรม
“คณะกรรมการนักเรียนแจ้งมาว่าต้องการตัวแทนเป็นนักเรียนชายหนึ่งคนและนักเรียนหญิงหนึ่งคนของแต่ละชั้นเรียนเพื่อเข้าร่วมการประชุม…และตัวแทนของห้องเราก็~คือ…”
อาจารย์ยากิซาวะมองไปรอบๆห้องเรียน แต่แน่นอนว่าไม่มีใครยกมือขึ้น
“ไม่มีใครอาสาเลยเหรอ…แต่ก็คิดเอาไว้อยู่แล้วล่ะนะ…ก็เลยเตรียมกล่องจับฉลากมาด้วย เอาล่ะ…สำหรับผู้ชายจับกล่องทางด้านขวา ส่วนกล่องด้านซ้ายสำหรับผู้หญิงนะ ค่อยๆมาจับทีละคน…ใครจับได้「อะตาริ」ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยกับการเสียสละในครั้งนี้”
(TL: ทับศัพท์ว่า อะตาริ ไปเลยแล้วกันนะครับ ไม่รู้ว่าจะแทนด้วยคำว่าอะไรดี)
มีเสียง ‘เอ๋~’ ที่ดังกว่าคราวที่แล้วดังขึ้นมา แต่มันก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากไม่มีใครเสียสละยอมเป็นตัวแทนของห้อง เราจึงต้องตัดสินกันด้วยการวัดดวงและโชคของแต่ละคน
ห้องเรียนของเรามีผู้ชาย 18 คนและผู้หญิง 17 คน รวมเป็นนักเรียนทั้งหมด 35 คน ดังนั้น มันจึงมีโอกาสเพียง 1 ใน 18 ที่ผมจะกลายมาเป็นผู้โชคดีที่จับได้อะตาริ
ผมก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรหรอกนะ แต่ผมน่ะ…ไม่เคยถูกลอตเตอรี่มาก่อนเลย แล้วอีกอย่างมันก็มีโอกาสน้อยมากที่จะจับได้อะตาริในครั้งนี้ โอกาสน่าจะประมาณ 5% ได้…ดังนั้นผมคงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก
“ถ้าอย่างนั้น ก็ออกมาจับฉลากที่หน้าห้องทีละคนนะ…เริ่มจากที่นั่งสุดท้ายของแถวริมสุด…ถ้าจับได้อะตาริก็อย่าโกงแล้วรายงานตามความจริงด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”
เนื่องจากผมนั่งอยู่แถวริมสุด คิวของผมจึงมาถึงเร็วกว่าคนอื่นๆ และนั่นหมายความว่า…ภายในกล่องจะยังคงมีฉลากเหลืออยู่จำนวนมาก…ทำให้โอกาสจับโดนอะตาริน้อยลงไปอีก
ฟุฟุ…เกมรอบนี้ผมก็ยังโชค—-
[อะตาริ]
—ดี…
“…อาจารย์ ผมได้อะตาริครับ”
“เอ๊ะ? อา ดีมากๆ ถ้าอย่างนั้นมาเอะฮาระคุงจะเป็นตัวแทนฝั่งนักเรียนชายนะ”
ดูเหมือนความโชคดีของผมคงมาได้เท่านี้สินะ น่าผิดหวังจริงๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ชื่อของผมถูกเขียนอยู่บนกระดานดำนอกเหนือไปจากตอนที่มีชื่อเป็นเวรทำความสะอาดที่จะเกิดขึ้นทุกๆสองเดือนครั้ง…ผมรู้สึกชื่นใจแปลกๆ
พวกเด็กผู้ชาย โดยเฉพาะพวกที่อยู่ชมรมกีฬาดูเหมือนจะโล่งใจเป็นอย่างมาก และยังมีบางคนถึงกับโพสท่าดีใจด้วยซ้ำ เอาเถอะ…การเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกิจกรรมจะทำให้มีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะขึ้น ในความเป็นจริง…บางทีงานแบบนี้ก็น่าจะเหมาะกับคนที่อยู่ชมรมกลับบ้านแบบผมก็ได้ล่ะนะ
เนื่องจากฝั่งผู้ชายได้มีการตัดสินแล้วว่าตัวแทนก็คือผม ที่เหลือก็คือฝั่งผู้หญิง แต่ว่านะ…
“…ไม่เอานะ ได้โปรดอย่ามาเลยนะ…! เอาล่ะ รอดแล้ว…!”
เด็กผู้หญิงจับฉลากผ่านไปแล้วเก้าคน แต่ดูเหมือนอะตาริจะยังคงอยู่ในกล่อง
อีกอย่าง…อามามิซังก็จับฉลากไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังไม่ถึงคิวของอาซานางิ
อย่างไรก็ตาม สาวๆในห้องต่างทำหน้าจริงจังกันสุดๆ รวมไปถึงเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจับสลากไปเมื่อกี้ด้วย
ผมรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่วงหลังจากที่ผมจับฉลากได้อะตาริ
…ผมมีลางสังหรณ์บางอย่าง…อื~ม
มันอาจจะดีกว่า…ถ้าคนที่จับได้อะตาริเป็นเซกิคุง แต่ยังไงก็ตาม คนที่จับได้อะตาริก็คือผม มันก็คงเป็นธรรมดาที่พวกเธอจะไม่อยากที่จะต้องมาร่วมมือ+ทำงานคู่กับผม
ถ้าคิดในแง่นั้นผมเองก็รู้สึกเสียใจที่เป็นคนจับได้อะตารินะ แต่…อย่างน้อยก็ช่วยซ่อนความรู้สึกกันสักหน่อยเถอะ
ถ้าอาซานางิเป็นคนจับได้อะตาริก็คงจะดี—เดี๋ยวนะ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
“ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นคนต่อไปก็คือฉัน…ฟุมุ ไม่ใช่อะตาริค่ะอาจารย์…นี่หลักฐานค่ะ”
“อืม นิตตะซังเซฟค่ะ” (TL: セーフ = Safe)
“ค่~า ขอโทษนะทุกคน แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ จะให้ความร่วมมือเต็มที่เลย”
ผมคิดว่านิตตะซังที่จับฉลากเป็นคนต่อไปน่าจะแสดงท่าทางดีใจมากกว่านี้ แต่ท่าทางของเธอกลับเรียบง่ายจนน่าประหลาดใจ และนอกจากนั้นเธอยังพูดแสดงความเป็นห่วงด้วย
อ่า…เธอเองก็อยู่ในกลุ่มของอามามิซังที่ชอบร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอยู่เป็นประจำ ผมเลยสงสัยว่าเธอก็อาจจะพูดอะไรทำนองนี้ในบางครั้ง—แล้วก็จะลืมมันไปทันทีหลังจากนั้น
“…อาจารย์ หนูขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ?”
“? มีอะไรงั้นเหรออามามิซัง”
“คือ หนูมีเรื่องอยากจะพูดกับทุกคนค่ะ”
อะตาริยังไม่ถูกหยิบออกมา และในตอนนี้ก็ถึงคิวของอาซานางิพอดี…อามามิซังก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ
“…นี่ ทุกคนเกลียดมาเอะฮาระคุงอย่างนั้นหรอ?”
คำพูดของอามามิซังทำให้ทั้งห้องเรียนเงียบไปในทันที
อามามิซังในตอนนี้นั้นต่างจากตัวเธอในตอนปกติมาก และคำพูดของเธอก็ทำให้ผมมั่นใจว่า…
อามามิซังที่เป็นคนสดใสร่าเริงมาโดยตลอด…ตอนนี้กำลังโกรธเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันสังเกตมาสักพักแล้ว…ตั้งแต่มาเอะฮาระคุงได้เป็นตัวแทนฝ่ายชาย ทุกคนต่างก็ภาวนาว่าไม่ให้ตัวเองได้เป็นตัวแทนฝ่ายหญิง ทำไมทุกคนถึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงเขาขนาดนั้นด้วยล่ะ? เกลียดเขาขนาดนั้นเลยหรอ? มาเอะฮาระคุงยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ…นี่? ช่วยตอบฉันหน่อยสิว่าทำไม?”
ในชั้นเรียน บางคนอาจจะคิดว่าการที่ผมไม่ทำอะไรเลย = ผมเป็นคนแปลกๆ พอเป็นแบบนั้น…พวกเขาก็จะพยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อสื่อสารกับผมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากมองในมุมนี้…ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ
อย่างไรก็ตาม อามามิซังมีความสัมพันธ์กับผม และเรายังเป็นเพื่อนกันด้วย
ไม่ว่าใครก็คงจะรู้สึกไม่ดีถ้าเพื่อนของตัวเองโดนดูถูกหรือถูกรังเกียจ—นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้อามามิซังโกรธ
นิตตะซังกับคนอื่นๆที่ใกล้ชิดกับอามามิซังคงสังเกตเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของเธอ ดังนั้นพวกเธอจึงมีการแสดงออกที่เรียบง่าย พร้อมกับพูดว่า「แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ จะให้ความร่วมมือเต็มที่เลย」สินะ
ผมชอบเรียกคนพวกนี้ว่า「พวกเป็นงาน」
(TL: 世渡り上手 อันนี้ไม่รู้จะใช้ศัพท์ไทยว่าอะไรดีครับ ตอนแรกจะใช้คำว่า พวกรู้มาก ก็ดูรุนแรงแล้วก็ไม่ค่อยตรงบริบทเท่าไหร่)
“อาจารย์ ถึงจะจับไม่ได้อะตาริ แต่หนูขออาสาเป็นตัวแทนได้ไหมคะ? หนูอยากร่วมงานกับมาเอะฮาระคุงค่ะ”
“เอ๊ะ? นะ-นั่นสินะ ตอนแรกก็อยากได้อาสาสมัครอยู่แล้ว เพราะคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเป็นคนที่อยากทำล่ะนะ…มาเอะฮาระคุง เธอคิดว่ายังไง?”
“เอ่อ ถ้าอามามิซังว่าแบบนั้น…”
ผมอาจจะรู้สึกประหม่านิดหน่อย แต่อย่างน้อยบรรยากาศในการทำงานกับอามามิซังก็คงจะไม่อึดอัด
แต่ว่าในช่วงที่ผมกับอามามิซังกำลังจะได้เป็นตัวแทนห้องนั่นเอง…
“อ๊ะ อาจารย์ หนูจับได้อะตาริค่ะ”
–ในตอนนั้นเองที่อาซานางิจับได้อะตาริ…เธอขยำฉลากของเธอก่อนที่จะส่งให้อาจารย์ดู
“เอ๊ะ? อาเระ แบบนี้มัน…”
“คนที่จับได้อะตาริต้องเป็นตัวแทนของห้อง…กฎกำหนดไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอค่ะ? แล้วอีกอย่างหนูก็ว่างๆอยู่ด้วย…หนูจะทำเองค่ะ”
“อุมิ…แต่ฉันบอกว่าจะเป็นคนทำเอ–โอ้ย!?”
อาซานางิเอามือสับลงบนหัวของอามามิซัง ก่อนจะพูดว่า
“ยู เธอต้องใจเย็นลงหน่อย…ฉันเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเธอถึงโกรธนะ แต่ทำแบบนี้ออกจะเกินไปหน่อย…ลองมองดูรอบๆสิ”
ผมคิดว่าอาซานางิพูดถูก
ความโกรธของอามามิซังหมายถึงการถูกรังเกียจโดยทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ บางทีอามามิซังอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆที่สามารถอ่านบรรยากาศได้อาจจะคิดว่ามัน「ปลอดภัย」กว่าที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนที่ทำให้เธอโกรธ
และถ้าเป็นแบบนั้น บรรยากาศของพวกเธอก็จะแย่ลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดพวกเธอก็จะถูกแยกออกไปจากกลุ่มเพื่อนในห้องเรียน
และหลักฐานที่ยืนยันเรื่องนี้ก็คือใบหน้าของพวกเด็กผู้หญิงที่ได้รับการเตือนจากอามามิซังโดยตรงนั้นดูซีดเซียวเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าในที่สุดอามามิซังก็สังเกตเห็นเรื่องนี้หลังจากที่อาซานางิบอก
“อา…ขะ-ขอโทษนะ อุมิ…ฉัน…”
“มานี่ มานี่ ฉันไม่ใช่คนที่เธอควรขอโทษหรอกนะ แต่เป็นทุกคนไม่ใช่รึไง? ตอนนี้ยังแก้ไขความผิดทันอยู่นะ มาเถอะ รีบขอโทษซะสิ”
“เอ่อ…ทุกคน ฉันขอโทษที่พูดอะไรแปลกๆแบบนั้นออกไป แล้วก็มาเอะฮาระคุงด้วย ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ”
“มะ-ไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก ไม่ต้องกังวลนะ”
ผมตอบตามน้ำไปกับอามามิซัง ก่อนจะมองไปทางอาซานางิ แล้วเราก็พยักหน้าให้กัน
“ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นตามผลของการจับฉลาก คนที่จะถูกแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการกิจกรรมก็คือฉัน อาซานางิ อุมิ กับ มาเอะฮาระ มากิ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะทุกคน อ๊ะ…แล้วก็นิตตะซัง”
“มะ-มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ถึงเธอจะไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประชุมกับเรา แต่ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยนะ ถ้าฉันฟังไม่ผิด เธอบอกว่าเธอจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยใช่ไหม?”
“อุ…ชะ-ใช่ค่ะ”
เมื่ออาซานางิกดไปบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ก็มีเสียงของนิตตะซังดังออกมาเป็นประโยคที่เธอเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้
ดูเหมือนอาซานางิจะคำนวณทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ผมล่ะอดนับถือเธอไม่ได้จริงๆ
หลักจากเลิกเรียน นักเรียนคนอื่นๆในชั้นก็กระจายตัวกันออกไปจนหมด ผมหันไปคุยกับอาซานางิที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในฐานะสมาชิกคณะกรรมการเหมือนกับผม
“นี่ อาซานางิ”
“หืม? มีอะไรงั้นเหรอ? มาเอะฮาระ”
“อาซานางิ เธอนี่สุดยอดไปเลย”
“เฮะๆ ใช่ไหมล่ะ? นายช่วยชมฉันมากกว่านี้อีกเยอะๆเลยได้ไหม? หืม?”
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ…แต่ครั้งนี้คงต้องยอมรับ พูดตามตรงนะ…เธอเท่สุดๆไปเลยล่ะ”
ทำให้อามามิซังที่กำลังโกรธสงบลง นอกจากนี้ยังมีการจัดการดูแลที่สมบูรณ์แบบในการแก้ปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ คิดไปก็ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี่คือคนที่กำลังยืนหัวเราะบ้าๆบอๆอยู่ข้างๆผม นี่คงเป็นความแตกต่างระหว่างผมกับเธอสินะ
“ใช่ไหมล่ะ? ฮี่ฮี่…ขอบคุณนะ แต่สิ่งที่ฉันทำไปมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก ฉันก็แค่เข้าไปแก้ไขบรรยากาศในตอนนั้นเท่านั้นเอง…ที่น่าทึ่งจริงๆก็คือยูต่างหาก…”
“…อาซานางิ?”
“…ใช่ ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่มีความสามารถแบบนั้นสักหน่อย”
อาซานางิพูดเหมือนกำลังเย้ยหยันตัวเอง
“แสดงความโกรธอย่างตรงไปตรงมาเพื่อใครสักคน โดยไม่ต้องสนใจว่าบรรยากาศจะเลวร้ายลงขนาดไหน มาเอะฮาระ ตอนที่ยูโกรธทุกคนในห้อง…เธอก็ได้เข้ามาในหัวใจของนายนิดหน่อยใช่ไหมล่ะ?…เรื่องแบบนั้นน่ะ ฉันทำไม่ได้หรอกนะ…เพราะฉันมัวแต่ไปให้ความสำคัญกับการรักษาบรรยากาศไร้สาระพวกนั้น…”
“ไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนั้—”
“…เอาล่ะ รีบกลับบ้านกันเถอะ อาทิตย์หน้าฉันน่าจะยุ่งมาก ดังนั้นคงต้องรีบเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“อะ-อา…อืม…”
หลังจากนั้นเรากลับบ้านด้วยกันไปครึ่งทางก่อนจะแยกกัน ระหว่างทางเราพูดคุยกันแต่เรื่องของเกม มังงะ หรือเรื่องไร้สาระอื่นๆ สุดท้ายแล้ว…ผมก็ไม่ได้ยินเรื่องราวอะไรมากไปกว่านั้น
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล.กลับมาแล้วครับ รู้สึกฝีมือแปลฝืดมากๆ เว้นช่วงไปนานครับ(ฮา) แต่จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นนะครับ
ปล2. วันนี้ตอนเดียวนะครับ ช่วงนี้อากาศร้อนเกินไม่ไหว เพลียมากครับ
ปล3. เจอคำผิดสามารถแจ้งได้นะครับ
สุดท้ายฝากเพจไว้เช่นเดิมครับ วาร์ป—> Durimtok Channel
ขอบคุณที่ติดตามครับ เจอกันใหม่พรุ่งนี้ครับผม