I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 55
ตอนแรกผมคิดว่าวันนี้ตัวเองจะต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะแล้วล่ะ…และด้วยสภาพอากาศที่ด้านนอกก็ค่อนข้างหนาว มันคงไม่ดีที่จะปล่อยให้พวกเธอยืนอยู่ข้างนอกนานๆ ดังนั้นผมเลยเชิญให้พวกเธอเข้ามาข้างในบ้านก่อน
และแน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะติดต่อไปบอกกับแม่เรื่องที่ทั้งสองคนมาที่บ้าน
แม่ของผมตอบกลับมาเพียงแค่ว่า 「พยายามเข้านะ 」…นี่แม่คาดหวังให้ผมทำอะไรอยู่งั้นเรอะ?
“…ขอรบกวนด้วยค่ะ~ ล้อเล่นน่ามากิคุง…เอาไว้คราวหน้าจะมาใหม่นะ”
“อือ…ขะ-ขอรบกวนด้วยค่ะ”
อาซานางิเป็นคนเดียวเดินที่เข้ามาในบ้าน ส่วนอามามิซังพอส่งอาซานางิเรียบร้อย ตัวเธอเองก็รีบขอตัว และกลับไปก่อนอย่างรวดเร็ว
“อุหวา~ ทำไมมันหนาวแบบนี้เนี่ย! มาเอะฮาระทำไมถึงไม่ยอมเปิดเครื่องทำความร้อนล่ะ? หรือนายกำลังเตรียมตัวเพื่อออกบวชอยู่?”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย วันนี้เครื่องทำความร้อนใช้งานไม่ได้เลยสักตัว…แต่แม่แจ้งซ่อมไปแล้วล่ะ อย่างไวสุดช่างซ่อมก็น่าจะมาได้พรุ่งนี้ล่ะนะ”
“แบบนั้นก็แย่สิ พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้กับเช้าวันพรุ่งนี้อากาศจะหนาวกว่านี้อีกนะ”
“มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เอาไว้ผมจะใส่ชุดให้หนาๆแล้วกัน น่าจะพอช่วยได้บ้าง แล้วอีกอย่างผมก็เป็นคนที่มีความอดทนสูงอยู่แล้วด้วย”
“…ทั้งๆที่เมื่อวันก่อนพึ่งจะรู้สึกเหงาจนทนไม่ไหวแล้วก็โทรให้ฉันมาหาเนี่ยนะ”
ถึงจะรู้สึกเจ็บปวดแต่มันก็เป็นเรื่องจริง
“ชะ-ช่างเรื่องสภาพอากาศไปก่อนแถอะ…แล้ววันนี้เธออยากกินอะไรล่ะ?”
“เอาเซ็ตสี่หน้าชุดกุ้ง ปู กับครีมซีฟู๊ด…แล้วก็เพิ่มซุปหอยด้วย”
(TL: ปวดหัวกับชื่อเมนูร้านนี้จริงๆ エビカニクリームのシーフードよくばりクォーターセット。クラムチャウダー付)
“จัดไป”
ดูเหมือนว่าวันนี้อาซานางิจะสั่งเยอะเป็นพิเศษ แต่โชคดีที่วันนี้แม่ทิ้งเงินไว้ให้ 3000 เยน ดังนั้นเรื่องเงินจึงไม่ใช่ปัญหา…แต่ว่าทั้งๆที่ผมบอกแม่ไปว่าไม่ต้องให้เพิ่มก็ได้ไปแล้วแท้ๆ…นี่แม่คงไม่ได้คิดไว้หรอกนะว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้…ใช่ไหม?
และก็โชคดีที่ตอนที่ผมโทรไปสั่งอาหารเพิ่ม ทางพี่พนักงานก็กำลังจะออกมาส่งพอดี ผมแจ้งทางร้านไปว่า ถึงจะมาช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ออกมาส่งพร้อมกันทีเดียวดีกว่า จะได้ไม่ต้องออกมาส่งหลายรอบ
“กาแฟเอาเหมือนเดิมไหม?”
“ขอบคุณนะ…อ๊ะ วันนี้ฉันอยากใส่นมกับน้ำตาลเพิ่มล่ะ”
“ถ้าแบบนั้นมันจะหวานกว่าเดิมเยอะเลยนะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“อือ วันนี้ฉันอยากกินอะไรหวานๆ”
“เข้าใจล่ะ ถ้างั้นฉันเองก็เอาเหมือนกันด้วยแล้วกัน”
ผมทำการเตรียมกาแฟสำหรับอาซานางิอย่างรวดเร็ว รวมถึงอีกหนึ่งถ้วยของตัวเองด้วย ก็ไม่อยากเปรียบเทียบหรอกนะ แต่นี่มันดูเหมือนกาเฟโอแล (cafe au lait) มากว่าที่จะเป็นกาแฟล่ะนะ
“อึ๊ก…”
“ขอบคุณค่ะ…ฟู~ หวานจัง หวานสุดๆไปเลย”
“ก็ทำให้มันหวานขึ้นตามออเดอร์นี่นา มันก็ต้องหวานอยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว มันหวานแบบที่ฉันต้องการพอดีเลยล่ะ ฉันขอชมเลย นายทำได้ดีมาก”
“ด้วยความยินดี”
พวกเราสองคนนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับจิบกาแฟที่ดูเหมือนกาเฟโอแลไปด้วย
ถึงผมจะเป็นคนชงเองกับมือ แต่นี่มันหวานจริงๆนะ ถ้าให้ดื่มแบบนี้ทุกวันคงไม่ดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร่ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เหมือนกับการดื่มโค๊กนั่นแหละ…ดังนั้นการกินอะไรแบบนี้ ขอแค่อาทิตย์ละครั้งก็ถือว่ากำลังดี
“…เอาล่ะ ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่?”
“อืม…จริงๆก็ไม่มีอะไรมากหรอก…ในตอนแรกพวกเราก็จะไปเล่นกันที่เกมเซนเตอร์นี่แหละ แต่อยู่ดีๆยูก็บอกว่าเธอมีธุระที่อื่นที่ต้องไป…”
“อาซานางิก็เลยโดนอามามิซังบังคับให้มาที่นี่ใช่ไหม?”
“…กะ-ก็ประมาณนั้น”
“หืมมม”
“อะ-อะไรเล่า บอกไว้ก่อนเลยนะว่าเรื่องที่เล่าไปไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน”
ไม่ใช่เรื่องโกหก? นี่เธอไม่รู้ตัวใช่ไหมว่าท่าทางของตัวเองดูมีพิรุธขนาดไหน…ท่าทางของเธอเหมือนกับเด็กที่กำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่…แต่ผมก็ขี้เกียจที่จะมาไล่ซักเธอในตอนนี้
นั่นก็เพราะผมรู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับอาซานางิแบบในตอนนี้มากกว่า
“…งั้นมาเล่นเกมกันก่อนดีไหม?”
“เอาสิ ถึงตอนแรกจะไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาเล่นที่นี่ก็เถอะ…แต่ไหนๆก็มาแล้ว งั้นก็เอาตามที่นายว่าแล้วกัน”
ผมกลับมาถือจอยคอนโทรลเลอร์ไว้ในมืออีกครั้ง และตัดสินใจเล่นเกมกับอาซานางิเหมือนปกติที่เล่นกันทุกอาทิตย์
“อ๊ะ จริงสิ อาซานางิ”
“อะไร? ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอกนะ คราวนี้ฉันต้องเพิ่มวินเรทได้มากกว่าสิบเปอร์เซ็นแน่นอ…เอ๊ะ?”
“เอาไป อากาศมันเย็น…ห่มไว้ซะ”
เมื่อพูดจบผมก็ห่มผ้าห่มให้กับอาซานางิ
แม้ว่าเธอจะมีผ้าพันคอ แต่อาซานางิก็ใส่แค่ชุดนักเรียนกับกระโปรงแบบปกติ และที่ขาของเธอก็มีเพียงถุงเท้ายาวเท่านั้น…มันดูน่าจะหนาวไปสักหน่อย
“ขอบคุณนะ…แต่ว่า…แล้วแบบนี้มาเอะฮาระไม่หนาวหรอ?”
“ด้วยชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก แล้วอีกอย่าง…ฉันใส่ถุงเท้าสองชั้นเลยนะ”
“อุหวา~ เชยชะมัด”
“นะ-นี่เธอ..”
“ล้อเล่นน่า…ถ้าอย่างนั้นนายก็ทนหนาวไปก่อนแล้วกันนะ”
เมื่อได้รับผ้าห่ม อาซานางิก็เอาผ้าห่มพันรอบตัวจนดูเหมือนกับตัวหนอนกลมๆ
ด้วยหน้าตาของอาซานางิที่กำลังห่มผ้าจนดูเหมือนตัวหนอนกลมๆนั้นน่ารักเป็นอย่างมาก จนผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“มู่~ หัวเราะอะไร นายเป็นคนบอกให้ฉันห่มเองนะ”
“ฮาฮา ขอโทษ ขอโทษ อาซานางิตอนนี้มันดูน่ารักมากๆเลยล่ะ…ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยได้ไหม?”
“…คิดว่าฉันจะยอมให้ถ่ายไหมล่ะ?”
“…ขอโทษ ดูเหมือนจะไม่ได้”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมออกมาจากผ้าห่มอยู่ดี ดังนั้นผมจึงตัดสินใจหันกลับไปสนใจกับเกมที่กำลังเล่นอยู่
แน่นอนว่าเป็นการเล่นในโหมดการต่อสู้แบบปกติ
“…มาเอะฮาระ นี่นายเล่นเก่งขึ้นใช่ไหม? ฉันเองก็แอบไปฝึกแบบลับๆมาเหมือนกัน เลยคิดว่าอาจจะชนะนายได้สักหน่อย”
“ฉันเองก็ไปฝึกกับพวกที่เล่นเก่งๆในโหมดออนไลน์มาล่ะนะ”
ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นคำพูดของคนที่โยนจอยเกมทิ้งหลังจากที่แพ้ติดต่อกันสิบเกมรวดจะสามารถพูดออกมาได้หรอกนะ…แต่ว่าตัวผมในตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีกว่าในตอนนั้นมากเลยทีเดียว
เป็นไปตามที่คาด การมีอารมณ์ที่ดีจะช่วยทำให้การเล่นเกมสนุกขึ้น
และหลังจากนั้นผมก็สนุกไปการได้เห็นอาซานางิพรุนเป็นรังผึ้ง(ในเกม) หรือสนุกไปกับการแกล้งยอมแพ้ และได้เห็นปฎิกิริยาของอาซานางิที่รู้ว่าผมแกล้งยอมแพ้ให้เธอ
…สุดท้ายแล้วการได้เล่นเกมกับอาซานางิเป็นสิ่งที่สนุกเสียจนทำให้ผมลืมความหนาวไปเลย
“คุคุคุ…อ๊า~ หยุดนะ หยุดๆๆ! เกมบ้านี่มันอะไรเนี่ย ฉันจะไม่เล่นเกมบ้านี่อีกแล้ว”
“ครับ ครับ เอาไว้แก้มืออาทิตย์หน้านะ”
“ไอบ้านี่ คราวหน้าฉันจะทำให้นายพูดว่ายอมแพ้ให้ได้ อาทิตย์หน้าก็เตรียมล้างคอรอไว้ได้…เลย…”
“…อา”
ทั้งผมและอาซานางิต่างก็พึ่งจะรู้สึกตัว
ไม่ได้ สัปดาห์หน้ามันก็คงจะเป็นไปไม่ได้…จริงๆแล้วสัปดาห์นี้มันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ
“มาเอะฮาระ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“นะ-นั่นสินะ ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน ลืมตัวไปหน่อย”
ต้องขอบคุณอามามิซังสำหรับเรื่องในวันนี้จริงๆ แต่นั่นก็เกือบทำให้เราลืมเรื่องจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเราไป
ผมกับอาซานางิจะไม่มาเล่นด้วยกันสักพัก เพื่อที่อาซานางิจะได้มีเวลาให้กับอามามิซังได้อย่างเต็มที่…และเพราะว่าพวกเราได้ตัดสินใจกันไปแบบนั้นแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องรักษาจุดยืนนั้นไว้ให้ดี
และในตอนนั้นเองเสียงเตือนของเครื่องอินเตอร์คอมก็ดังขึ้นมาพอดี ดูเหมือนว่าตอนนี้พนักงานตัวจริงจะเดินทางมาส่งพิซซ่าแล้ว แล้วอีกอย่างในตอนนี้บรรยากาศรอบตัวของผมกับอาซานางินั้นค่อนข้างละเอียดอ่อน ดังนั้นผมจึงรีบคว้าทางรอดนี้ไว้ทันที
“งั้นตอนนี้เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม?”
“อะ-อืม นั่นสินะ”
เรานั่งกินข้าวด้วยกันสองคนหลังจากที่ไม่ได้กินด้วยกันมาสักพัก รสชาติของอาหารก็ยังคงเหมือนเดิม ทั้งผมและอาซานางิต่างก็นั่งกินเหมือนกับปกติ
“……”
“……”
แต่ในระหว่างที่พวกเรากำลังกินพิซซ่ากันอยู่ ทั้งผมและอาซานางิต่างมีท่าทีกระวนกระวาย และยังชำเลืองตามองกันเป็นระยะๆ
“อะไร?”
“ปะ-เปล่า ไม่มีอะไร”
และเมื่อสายตาของผมกับอาซานางิสบกัน พวกเราก็รีบหันไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเราจะค่อยๆชำเลืองมองกันอีกครั้ง แล้วก็ได้สบตากัน ก่อนที่พวกเราจะรีบหันหน้าหนีกันไปอีกครั้ง…และถึงแม้ว่าพวกเราจะพยายามหาเรื่องไร้สาระมาคุยกันเยอะขนาดไหน…แต่สุดท้ายมันก็จะค่อยๆถูกความเงียบกลืนกินไปในที่สุด
ทั้งๆที่ใจจริงแล้วผมอยากจะคุยกับอาซานางิให้มากกว่านี้แท้ๆ
“…ฉันกินต่อไม่ไหวแล้ว…ถ้างั้นพวกเราไปดูหนังกันต่อดีไหม?”
“นะ นั่นสินะ”
ยังพอมีเวลาอีกสักพักก่อนที่จะถึงเวลากลับบ้านของอาซานางิ…แต่ว่า…หลังจากนี้พวกเราจะใช้เวลาร่วมกันในสภาพไหนกันล่ะเนี่ย?
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ปล.กลับมาแล้วครับ หลังจากหายไป จริงๆไม่ได้หายนะครับ แต่ไปเน้นลงตอนล่วงหน้าไว้ในเพจ ส่วนที่ nekopost จะเป็นแบบรวมตอนที่มีการปรับแก้ไขคำแล้ว เอาไว้อ่านแบบยาวๆ ถ้าใครสนใจอ่านตอนต่อไปก่อนก็สามารถเข้าไปติดตามกันได้นะครับที่ Durimtok Channel | Facebook
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ