I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 72
การยืนอยูุ่ตรงนี้ต่อหน้าเพื่อนๆทุกคนในชั้นเรียนต่อไปคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เซกิคุงและอามามิซังจึงเดินออกจากห้องเรียนไป
และหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากห้องเรียนไปแล้ว ก็มีนักเรียนชายและหญิงหลายคนเดินตามทั้งคู่ออกไปในขณะที่กำลังคุยซุบซิบกัน
ดูเหมือนว่าจะยังเหลือนักเรียนอยูุ่ในห้องประมาณครึ่งนึง
ผมกับอุมิไม่ได้ตามไปด้วย แต่ที่น่าแปลกใจก็คือนิตตะซังยังอยู่ที่นี่ด้วย
โดยปกติแล้วนิตตะซังน่าจะเป็นคนแรกที่โดดตามสองคนนั้นไปไม่ใช่เหรอ?
“เอ๊ะ? นิน่าไม่ไปกับเค้าด้วยหรอ?”
“อือ~ถ้าเป็นนักเรียนจากห้องอื่นหรือพวกรุ่นพี่ฉันก็คงตามไปด้วยแหละ แล้วก็เพราะว่ารอบนี้เป็นเซกิล่ะนะก็เลยพอจะเดาผลลัพธ์ได้ มันก็เลยดูไม่ค่อยน่าสนใจน่ะ…ถ้าไม่ใช่เซกิแต่เป็นประธานที่เป็นแฟนของอุมิล่ะก็…โอ้ยๆ ฉันแค่ล้อเล่นๆ เพราะฉะนั้นช่วยหยุดบีบหัวฉันทีนะ”
ดูเหมือนว่านิตตะซังจะมีมาตรฐานบางอย่างที่ใช้เลือกว่าจะแอบตามไปดูใครบ้าง ถ้าเป็นตามที่เธอพูด นิตตะซังก็ไม่มีทางได้ไปแอบดูผมหรอกนะ
เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อามามิซังกับผมจะได้อยู่กันตามลำพังโดยไม่มีอุมิอยู่ด้วย
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…มะ มาเอะฮาระก็มานั่งตรงนี้สิ”
“อะ อือ”
ผมถูกอุมิบอกให้นั่งตรงที่นั่งถัดจากเธอ ดังนั้นผมจึงนั่งลงตามที่เธอบอก
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งทานข้าวกลางวันด้วยกันกับอุมิที่ห้องเรียน แต่เนื่องจากคนค่อนข้างน้อยจึงไม่มีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่างผมก็ไม่อยากปล่อยให้อามามิซังกลับมาที่ห้องแล้วไม่เจอใครด้วย
“มาเอะฮาระ นี่คือเรื่องที่นายคุยกับเซกิเมื่อวานนี้ใช่ไหม?”
“อา~…”
“อ๊ะ ไม่ต้องห่วงนะท่านประธาน ฉันเองก็รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน”
“นิตตะซังรู้ด้วย?”
“อืม เพราะฉันเป็นคนที่บังเอิญเห็นตอนที่เซกิคุยกับประธานอยู่พอดีน่ะ เนอะๆ? คุณแฟน?”
“รู้สึกเสียใจตอนนี้ยังทันไหมเนี่ย”
“เอาน่า เอาน่า คิดซะว่าเป็นค่าข้อมูลก็แล้วกันนะ~”
เข้าใจล่ะ เพราะได้ข้อมูลจากนิตตะซัง อุมิก็เลยรู้เรื่องที่ผมกับเซกิคุงคุยกันสินะ และแม้จะจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่พอลองคิดย้อนดู ในตอนนั้นผมก็ไม่สังเกตเห็นนิตตะซังเลยนี่นะ บางทีนิตตะซังคงแอบอยู่ตรงมุมไหนสักมุมที่ผมกับเซกิคุงมองไม่เห็นแน่ๆ
มือถือของนิตตะซังถ่ายรูปตอนที่เซกิคุงกำลังเอาแขนโอบไหล่ผมไว้ในขณะที่กระซิบอะไรบางอย่างอยู่ที่ข้างหูของผมไว้ได้อย่างชัดแจ๋วเลยล่ะ
…จะว่าไปนี่คือเรื่องที่ควรจะชื่นชมใช่ไหมนะ?
“ขอโทษนะมาเอะฮาระ ที่ฉันเก็บเรื่องนิน่าไว้”
“ไม่เป็นไร ถ้านิตตะซังรู้เรื่องอยู่แล้วก็จะได้เล่าง่ายขึ้นด้วย”
หลังจากบอกให้ทั้งสองคนเก็บเรื่องที่จะเล่าไว้เป็นความลับแล้ว ผมก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแบบคร่าวๆ เรื่องที่ผมกับเซกิคุงคุยกัน และโดยเฉพาะเรื่องที่เซกิคุงขอให้ผมช่วย
หลังจากเล่าไปได้ครึ่งทาง นิตตะซังก็พึ่งพัมออกมาว่า「อะไรล่ะนั่น?」ด้วยท่าทางผิดหวังเล็กน้อย…ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคำว่า「นั่น」ของนิตตะซังมันหมายถึงอะไร
“เป็นเรื่องปกติที่มาเอะฮาระจะปฏิเสธล่ะนะ…หรือจะบอกว่ามาเอะฮาระคงต้องบ้ามากๆถ้าเกิดไปยอมรับคำขออะไรแบบนั้น”
“นั้นสิน่า~…ถึงประธานจะทำตัวเหมือนคนไม่ดูบรรยากาศไปสักหน่อย แต่ฉันคิดว่าประธานรับมือได้ดีนะ”
ผมไม่ได้เล่าถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเซกิคุงไปทั้งหมด ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะถูกประเมินแบบนี้
ถ้าผมอธิบายรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ละเอียดกว่านี้ บางที่ความประทับใจของอุมิกับนิตตะซังคงจะดีกว่านี้ แต่ผมถือว่ามันเป็นความลับระหว่างผมกับเซกิคุง ผมจึงไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจน
จะว่าไปนี่ก็นานแล้วนะตั้งแต่ที่ทั้งสองคนนั้นออกไปจากห้องเรียน ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“อ๊ะ! ยูโทรมา”
ดูเหมือนว่าหลังจากที่คุยกับเซกิเสร็จแล้ว เธอก็โทรหาอุมิทันที
“ยู?…อืม เข้าใจแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปหานะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน?..อา อืม เดี๋ยวฉันจะรีบไป”
อุมิวางสายหลังจากที่คุยไปประมาณหนึ่งนาที ก่อนที่จะหยิบกล่องข้าวกลางวันของอามามิซังขึ้นมา
“ขอโทษนะมาเอะฮาระ ฉันต้องไปหายูสักหน่อย ฝากนายช่วยคอยดูนิน่าให้หน่อยนะ”
“อาซานางิ…อา อืม นิตตะซัง ขอโทษทีนะ”
“มู่~~ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ”
การที่อุมิขอให้ผมคอยดูนิตตะซังน่าจะหมายความว่าอามามิซังต้องการคุยกับอุมิเพียงลำพัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอามามิซังได้ปฏิเสธคำสารภาพรักของเซกิคุงไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าอย่างนั้นทั้งสองคนจะเป็นยังไงบ้างนะ…ไม่สิ เดี๋ยวพอเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆกลับมาก็คงจะพูดถึงเรื่องนี้กันล่ะนะ
ผมหมายถึง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ คุณก็จะได้ยินมันอยู่ดี
–ไม่นะ~ แต่มันตลกจริงๆนะ
ในขณะที่อุมิกำลังมุ่งหน้าไปหาอามามิซังที่จุดนัดพบ เธอก็สวนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆที่ตามไปแอบในขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับมาที่ห้องเรียน
ในกลุ่มนั้ันยังมีคนที่เซกิคุงไปเที่ยวเล่นด้วยกันบ่อยๆอยู่ด้วย
〖ฉันตกใจจริงๆนะตอนที่หมอนั้นจู่ๆก็เรียกอามามิซังไปสารภาพรักแบบนั้น แต่ว่าไอคำสารภาพรักที่ดูจริงจังนั่นมันอะไรกันน่ะ ดูไม่ได้เลย〗
〖หมอนั้นบอกว่ามีเพื่อนผู้หญิงเยอะแยะตอนม.ต้นไม่ใช่เหรอ? หรือว่านั่นจะเป็นเรื่องโกหกกันนะ?〗
〖นั่นสินะ? ถ้ามีเพื่อนผู้หญิงเยอะจริงๆ คงจะไม่สารภาพรักเชยๆแบบนั้นหรอก〗
〖เอาไว้พวกเราค่อยมาปลอบหมอนั้นตอนวันคริสต์มาสก็แล้วกัน ตอนนี้หมอนั้นก็เหลือแค่พวกเราแล้วนี่〗
〖พร้อมกับแฟนของพวกเราอะนะ?〗
〖–อุ๊ฟ!〗
ผมลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีที่พวกนั้นเริ่มเขามาใกล้ๆห้องเรียน
ถึงการสารภาพรักของเซกิคุงมันจะน่าหัวเราะขนาดไหน แต่การที่ต้องมาฟังเสียงหัวเราะพวกนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขเลยสักนิด
“เฮ้ ประธาน นี่จะไปไหนน่ะ?”
“ว่าจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย นิตตะซังสนใจไปด้วยกันไหม?”
“ฉันชินกับอากาศแย่ๆแบบนี้ซะแล้วสิ…เอาเถอะ เพราะโดนมือที่มองไม่เห็นของประธานกำลังทำเรื่องลามกอยู่ ตอนนี้ฉันก็เลยขยับไปไหนไม่ได้ล่ะนะ”
“ไม่ได้จินตนาการอะไรแปลกๆอยู่ใช่ไหม?…แต่ว่า ขอบคุณนะ”
“อือ”
ผมก้มหัวให้นิตตะซังที่โบกมือเบาๆให้ผมโดยที่ไม่ได้หันมามอง ก่อนจะเดินสวนนักเรียนคนอื่นๆออกไปจากห้องเพื่อที่จะไปที่สถานที่แห่งหนึ่ง
เซกิคุงที่ไม่รู้จักจุดโดดเดี่ยวที่จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ที่ที่เขาจะไปได้ก็คงมีแค่ที่ด้านหลังอาคารของห้องชมรมล่ะนะ
“…บางทีฉันก็คงเป็นคนบ้าเหมือนที่อุมิบอกจริงๆล่ะนะ”
[ อาซานางิ ] : ตาบ้ามากิ
[ อาซานางิ ] : ไปดีมาดีนะ
ผมได้รับข้อความตอบกลับจากอุมิทันทีที่ผมส่งข้อความไปหาเธอ
ผมไม่มีคำใดจะพูด…ผมยอมเลือกที่จะเป็นคนบ้าต่อไป ดีกว่าที่จะกลายไปเป็นคนที่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเหมือนกับที่พวกนั้นกำลังทำอยู่
และผมก็รู้สึกขอบคุณสิ่งนั้นจริงๆที่ทำตัวเองได้มีเพื่อนที่ไม่สามารถมีใครมาแทนที่ได้…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆