I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 8 – เรื่องราวของอันดับสอง
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 8 – เรื่องราวของอันดับสอง
บทที่ 8 – เรื่องราวของอันดับสอง
“เหมือนจะเจอปัญหาซะแล้วสิ…”
การสารภาพรักที่เกิดขึ้นในสถานที่เงียบสงบเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ผมไม่เคยคาดคิดว่าอาซานางิซังจะเป็นคนที่ถูกสารภาพ
ผมคิดว่าผมเข้าใจว่าทำไมคนถึงสารภาพกับอาซานางิซัง ถึงแม้ว่าอามามิซังจะโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ในชั้นเรียน แต่ไม่ว่ายังไงอาซานางิซังก็ยังถือว่าเป็นคนที่สวยมากอยู่ดี ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกผู้ชายบางคนจะสนใจเธอมากกว่าอามามิซัง
ผมไม่รู้จักนักเรียนชายคนนั้น…มาจากชั้นเรียนอื่นหรือเป็นรุ่นพี่กันนะ?
พูดตรงๆผมไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องความรักสักเท่าไหร่ ผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมผู้คนจะต้องตื่นเต้นกับเรื่องราวความรักของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องราวความรักของพวกดาราที่มักถูกพูดถึงในรายการทีวี
“…เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย”
ผมพึมพำพลางเปลี่ยนท่าทางให้กลับมาเป็นปกติ ถ้านึกถึงว่าผมเป็นคนที่กำลังสารภาพรักอยู่ ผมก็คงไม่อยากถูกแอบดูในฉากที่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องหรอก และนอกจากนี้ผมก็ไม่ได้มีงานอดิเรกแบบนั้นด้วย
ผมจะแสร้งทำเป็นว่าผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว และทำเป็นไม่ทราบว่าอาซานางิซังได้รับการสารภาพรักจากคนอื่น
เท่านี้ก็น่าจะพอ
“…งั้น คุณกำลังคบกับใครอยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ…ไม่ได้คบกับใครหรอก”
“มีคนที่ชอบอยู่งั้นหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น”
ถึงแม้ว่าผมจะพยายามไม่แอบดูพวกเขา แต่ผมพบว่าตัวเองกำลังตังใจฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่
ถึงจะรู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ควรทำ แต่เนื่องจากอีกฝ่ายคืออาซานางิซัง ผมจึงอดรู้สึกกังวลไม่ได้
ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันแย่
“…ย้ายที่ดีไหมนะ?”
อยู่ต่อไปก็ไม่ช่วยอะไร ดังนั้นผมก็เลยตัดสินใจที่จะแอบออกไป โดยหวังว่าจะไม่ถูกจับได้
นี่เป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมจะสามารถพักผ่อนได้ในขณะอยู่ที่โรงเรียน ทำไมหมอนั่นต้องเลือกมาสารภาพในที่แบบนี้? ทำไมไม่รอหลังเลิกเรียน? แล้วทำไมไม่ออกไปสารภาพนอกโรงเรียนล่ะ?
แม้แต่ในที่แบบนี้ ผมก็ต้องการให้พวกเขาทราบข้อเท็จจริงที่ว่าอาจจะมีคนถูกขับไล่ออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว
ดังนั้นผมจึงพยายามจะหลบออกจากที่จอดรถจักรยานโดยไม่ส่งเสียงใดๆให้มากที่สุด
“อ๊าย–!”
“อึ๊ก-!”
ทันใดนั้นผมก็ชนเข้ากับร่างๆหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากมุมตึก
โชคดีที่เราชนกันเบาๆ มันเลยไม่เกิดเสียงดังมากนัก แต่ว่าคนที่ผมชนด้วยกลับเป็นปัญหายิ่งกว่า
“ใครกันน่ะ เอ๊ะ…มาเอะฮาระคุง?”
“อามามิซัง!!”
“ฉันก็อยู่ด้วยนะ”
“…นิตตะซังก็อยู่ด้วย”
เพื่อนสนิทของอาซานางิซัง อามามิซัง และเพื่อน(อาจจะ)สนิท นิตตะซังก็อยู่ที่นี่ด้วย
โดยปกติผมคงสงสัยว่าทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมคิดว่าพวกเธอคงจะแอบตามมาดูอาซานางิซัง
“เกิดอะไรขึ้น…ทำไมเมเอะฮาระคุงถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ…อ๊ะ หรือว่า มาเอะฮาระคุงก็แอบมาดูอุมิด้วย!! เอะเฮเฮะ นายไม่ควรทำแบบนี้นะรู้ตัวไหม?”
“เอ๊ะ? อ๊ะ ไม่ใช่นะ…ผมไม่…”
“ฟุฟุ~ ล้อเล่นนะ นายบังเอิญมาอยู่ที่นี่ใช่ไหมล่ะ ขอโทษด้วยนะที่อุมิของเราทำให้นายลำบาก”
ถ้าหากเป็นคนอื่นผมคงจะถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและโดนถามว่านายมาทำอะไรที่นี่ตั้งแต่แรก แต่อามามิซังไม่ได้ทำอย่างนั้น
แม้ว่าผมจะตอบคำถามของเธอแบบอ้ำๆอึ้งๆ แต่เธอก็ไม่ได้มองผมด้วยสายตาแปลกๆ เธอยังคงมอบรอยยิ้มที่สดใสให้กับผม รอยยิ้มเหมือนรอยยิ้มยามปกติที่เธอมอบให้กับคนอื่นๆอยู่เสมอ
รอยยิ้มของเธอดูน่ารักมาก ราวกับเธอเป็นนางเอกในมังงะ
“ยูชิน! ตรงนี้ๆ…เราแอบดูอยู่ตรงนี้ก็เห็นชัดอยู่นะ”
“อืม!…อ๊ะ ทำไมมาฮาระคุงไม่มาแอบดูด้วยกันล่ะ?”
“เอ๊ะ? อ๊ะ ไม่นะ…ผมไม่…”
แม้ว่าจะเป็นคำชวนของอามามิซัง แต่ก็ยังเป็นเรื่องไม่ดีต่ออาซานางิซังอยู่ดี ดังนั้นผมจึงพยายามจะปฏิเสธ แต่มือของนิตตะซังที่ยืนอยู่ข้างหลังอามามิซังก็เอื้อมมาจับไหล่ผมไว้
“นี่…มาเอะฮาระคุง อย่าขยับเยอะสิ! เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก! ช่วยอยู่นิ่งๆสักพักนะ”
“แต่ว่า…”
“ไม่เป็นไรๆ ช่วยอยู่นิ่งๆก่อนนะ”
เธอจับไหล่ผมแน่นขึ้น แล้วบังคับให้ผมนั่งลง
ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะ…นอกจากนี้ทำไมพวกเธอถึงได้สนใจเรื่องความรักของคนอื่นมากขนาดนี้กัน?
“ขอโทษนะ…มาเอะฮาระคุง อย่างที่นายเห็น นีน่าเป็นคนชอบเรื่องอะไรทำนองนี้มากเลยล่ะ แต่ว่านะ…ครั้งนี้น่ะ ฉันเองก็สนใจเหมือนกัน~”
“อามามิซังก็ด้วย?”
“ใช่ เพราะอุมิเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันยังไงล่ะ”
เอาจริงดิ? แต่ว่าถ้ามาลองคิดดู ถ้าหากอาซานางิซังเกิดเริ่มคบกับใครขึ้นมาจริงๆ เธอคงไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นกับอามามิซังได้เหมือนเมื่อก่อนใช่ไหมล่ะ?
เวลาของทุกคนนั้นมี 24 ชม.เท่ากันหมด ดังนั้นเราจึงควรจะต้องจัดสรรเวลาในการดำเนินชีวิตให้ดี
ผมคิดว่า ถ้าอาซานางิซังเกิดคบใครขึ้นมาจริงๆ ผมคงจะเป็นคนแรกที่โดนเธอตัดออกไป
“…ถ้าคุณยังไม่มีคนที่ชอบหรือกำลังคบกันอยู่ ทำไมไม่ลองมาคบกับผมดูก่อนล่ะ แน่นอนว่าถ้าคุณเจอคนที่คุณชอบจริงๆระหว่างที่คบกันอยู่…ผมก็จะยอมแพ้แล้วถอยออกมาเอง”
“ไม่ ฉันไม่อยากทำแบบนั้น คุณช่วยยกโทษให้ฉันด้วย…”
สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ เหมือนว่าทางฝ่ายชายจะพยายามตื้ออาซานางิซังสุดชีวิต
อาซานางิซังได้ปฏิเสธเขาไปแล้ว…และแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่มีคนที่กำลังคบหาหรือชอบอยู่ก็ตาม แต่สิ่งที่ชายคนนี้กำลังทำนั้นไม่ช่วยสร้างความประทับใจใดๆเลย มันมีแต่สร้างสิ่งรบกวนเธอและสุดท้ายเขาก็จะโดนเกลียด ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในเวลานี้
…ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมจึงตั้งใจสังเกตสถานการณ์ของพวกเขา
“เห~ หนุ่มคราวนี้ดูจะตื้อไม่เลิก ไม่เหมือนคนก่อนหน้านี้ แล้วเขาก็เป็นนักกีฬาด้วย ดูเหมือนว่าอุมิจะเจอปัญหาแล้วล่ะ”
“…คราวนี้?”
ผมถามคุณนิตตะกลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
คราวนี้…ไม่เหมือนคนก่อน
“ก็อุมิสวยซะขนาดนั้น ตั้งแต่เปิดเรียนมานี่ก็เป็นครั้งที่สี่แล้วมั้งที่โดนสารภาพรัก”
“ห้าคนต่างหาก ยูชิน มีครั้งนึงที่เป็นเด็กจากโรงเรียนอื่นนะ”
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ”
“…ไม่ต้องบอกผมเรื่องนั้นก็ได้นะครับ”
เยอะขนานนั้นเชียว? ถึงจะเปิดเทอมมาครึ่งปีแล้วก็เถอะนะ แต่จำนวนครั้งมันก็ค่อนข้างสูงไม่ใช่เหรอ?
“สุดยอดเลยใช่มั้ยล่ะ? อุมิดังมากเลยนะรู้ไหม? ทุกครั้งที่เราออกไปเที่ยวกัน เธอจะโดนชวนคุยตลอดเวลาเลยล่ะ”
“นั่นเป็นเพราะยูชินเปล่งประกายเกินไปต่างหาก ใช่ไหมล่ะ? ยูชินนะเปรียบเหมือนไอดอล มันเลยยากที่จะเข้าหาเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมแพ้แล้วก็กลายมาเป็นผู้ติดตามเธอยังไงล่ะ”
การเปรียบเทียบของนิตตะซังค่อนข้างรุนแรง แต่ผมก็พอจะเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อ
แทนที่จะพยายามเข้าหาคนที่สวยที่สุด ผู้คนมักจะหลอกตัวเองว่าการเข้าหาคนที่สวยรองลงมาเป็นอันดับสองดูจะมีโอกาสมากกว่า
“เอ๋~ อย่างนั้นเหรอ? ฉันคิดว่าอุมิสวยกว่าฉันตั้งเยอะ นี่~มาเอะฮาระคุงคิดเหมือนกันใช่ไหม?”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
สำหรับผม อามามิซังเป็นคนที่น่ารักที่สุด แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นความคิดที่ดีที่จะพูดออกไปตรงๆในสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนิตตะซังยังอยู่ใกล้ๆ ผมหมายถึง ได้โปรดอย่าถามความเห็นจากผมอีกเลยครับ
“เฮ้อ…ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร คำตอบของฉันคือ ‘ไม่’ ขอโทษด้วยนะ”
“อย่างน้อย เรามาเริ่มจากเป็นเพื่อนกัน…”
“อย่างนั้นก็ได้…”
อาซานางิซังน่าจะเริ่มเบื่อกับสถานการณ์นี้และพยายามไล่เขากลับไป ผมยอมรับว่าความหลงใหลนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การหลงใหลที่มากจนเกินไปจนทำให้คนอื่นลำบากใจแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“…โอ้ ดูเหมือนจะจบแล้วล่ะ งั้นพวกเรากลับห้องเรียนกันเลยดีมั้ย?”
“นีน่า แปบนึงนะ…มาเอะฮาระคุง ฉันขอโทษนะ ที่พามาเอะฮาระคุงเข้าไปพัวพันกับเรื่องแปลกๆแบบนี้”
“ไม่เป็นไร…ไม่ต้องห่วง ผมเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม ผมคงต้องไปขอโทษอาซานางิซังที่ผมบังเอิญได้ยินเรื่องในวันนี้ เพราะผมมองว่าไม่ควรปิดบังเรื่องแบบนี้จากเพื่อนของผม แต่แน่นอนว่าต้องปิดบังความจริงเรื่องที่อามามิซังก็แอบดูอยู่กับผมด้วย
“ยูชิน ทำอะไรอยู่? ฉันไปก่อนแล้วนะ~”
“ขอโทษที…รอฉันด้วย~ อ๊ะ มาเอะฮาระคุง ฉันขอยืมโทรศัพท์ของนายแปบนึงได้ไหม?”
“เอ๊ะ? อ่า ได้สิ…”
“ขอบคุณนะ”
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งให้เธอ อามามิซังรับไปก่อนจะเริ่มกดปุ่มบนโทรศัพท์
“อามามิซัง? กำลังทำอะไร…?”
“อืม~ เผื่อกรณีฉุกเฉินน่ะ…”
จากนั้นอามามิซังก็ส่งโทรศัพท์คืนให้ผม
บนหน้าจอโทรศัพท์แสดงหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
“ใช่แล้ว เบอร์โทรศัพท์ฉันเอง! ฉันก็จะเมมเบอร์ของมาเอะฮาระคุงไว้ด้วย ดังนั้นช่วยโทรหาฉันทีหลังด้วยนะ”
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ…”
“แล้วเจอกันในห้องเรียนหลังพักกลางวันนะ! แล้วก็…เรื่องในวันนี้…อย่าบอกอุมิล่ะ”
กล่าวจบ อามามิซังก็รีบเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ผมพูดอะไร
“…กลายเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วสิ”
ข้อมูลติดต่อของอามามิซังที่ใครๆต่างก็อยากจะได้มาครอบครอง แต่สำหรับผม สิ่งนี้เปรียบดังเปลวไฟกองใหญ่ที่กำลังเผาทำลายมือของผมอยู่
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้ บทนี้คำศัพท์ยากจัดๆเลยครับ ตอนเดียวแปลไปเกือบ 5 ชม. แต่ถ้าแปลไม่เสร็จมันก็รู้สึกค้างคาเลยแปลจนจบจนได้ครับ (ฮา)
สุดท้าย ไม่ท้ายสุด ฝากเพจผมเหมือนเดิมครับ Durimtok Channel | Facebook
ขอบคุณที่ติดตามครับ