I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 16 – วิกฤติ
บทที่ 16 – วิกฤติ
ผมไม่เคยคิดเลยว่าอามามิซังจะเดินเข้ามาคุยกับผม โชคดีเพียงอย่างเดียวของเราในตอนนี้คือการที่อาซานางิไม่ได้อยู่ที่นี่
“เอ๊ะ? ยูชิน คนรู้จักเหรอ?”
“โม่~~ นิน่าจิ! เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเรานะ! ที่เธอเคยเจอเมื่อวันก่อนไง!”
“…ดะ-ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…”
ผมไม่รู้ว่าพวกเขากำลังล้อเล่นกันอยู่หรือป่าว? แต่ดูเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นนอกจากอามามิซังกำลังแกล้งทำเป็นจำผมไม่ได้
ปกติผมจะทำตัวเหมือนอากาศเวลาอยู่ในห้องเรียน ตอนนี้ผมจึงค่อนข้างตื่นตัวเพราะมั่นใจว่าเวลาผมอยู่ข้างนอกจะไม่มีใครสามารถจดจำผมได้แม้ว่าจะเดินผ่านหน้าพวกเขาในระยะประชิดก็ตาม
“มาฮาระคุงก็มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอ? นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันที่นี่ใช่ไหม?”
“อะอา…อืม…ใช่แล้วล่ะ”
ขณะแกล้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมแอบกดโทรหาอาซานางิอย่างลับๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าทันทีโดยที่ไม่ได้กดวางสาย
โทรศัพท์ของผมเป็นรุ่นที่มีราคาถูก มันจึงไม่สามารถกันเสียงรอบข้างได้ดีนัก ดังนั้น…ถ้าทำแบบนี้ อาซานางิที่อยู่ปลายสายน่าจะได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับอามามิซังและทราบว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย
“อ๊ะ นายมากับคนอื่นใช่ไหม? ใช่สินะ! ที่แบบนี้ใครจะมาเล่นคนเดียวกัน น่าเบื่อแย่เลย”
“ก็ประมาณนั้น แต่พอดีรู้สึกเหนื่อยเลยแอบหนีมาพักอยู่คนเดียวน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกฉันเห็นว่ามีน้ำผลไม้อยู่สองกระป๋อง เลยคิดว่านายอยู่กับคนอื่นด้วย”
“เอ่อ…”
อามามิซังเป็นคนช่างสังเกตมากจริงๆ…แต่ไม่ใช่เฉพาะกับผมเท่านั้น โดยปกติเธอก็จะคอยดูแลเอาใจใส่ทุกๆคนในห้องอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นนางฟ้าที่แสนอ่อนอยู่เสมอ…ยกเว้นก็เฉพาะในเวลานี้เท่านั้นแหละนะ
ด้วยความที่อามามิซังเป็นคนแบบนี้ ไม่ว่าอาซานางิจะแต่งตัวแย่แค่ไหน หรือจะปิดบังหน้าตายังไง อามามิซัง…เพื่อนสนิทของเธอก็คงจะสังเกตเห็นและรู้ได้ทันทีว่าเป็นเธอ
อย่างไรก็ตาม ผมต้องทำให้มั่นใจว่าอาซานางิจะไม่มาปรากฏตัวที่นี่
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาซานางิยังคงเป็นความลับสำหรับทุกคนในชั้นเรียน…รวมทั้งอามามิซังที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอาซานางิด้วย
“แต่ว่านะ ฉันดีใจจริงๆที่มาเอฮาระคุงมีเพื่อนที่สามารถไปเที่ยวด้วยกันได้ ตอนแรกฉันรู้สึกกังวลนิดหน่อยนะ เพราะในชั้นเรียนนายมักจะอยู่คนเดียวตลอดเวลาเลย”
“งะ-งั้นหรือ แต่ความจริงแล้ว…คือผมชอบอยู่คนเดียวมากกว่านะ ดังนั้นอามามิซังไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก”
“จริงหรอ? แต่ถ้านายรู้สึกเหงา นายสามารถโทรฉันได้เสมอเลยนะ…หรือจะมากินข้าวกลางวันด้วยกันก็ได้!”
“งะ-งั้นเหรอ…”
ผมรู้สึกขอบคุณที่อามามิซังรู้สึกเป็นห่วงผม แต่พอผมได้เห็นสีหน้าเพื่อนๆของเธอแล้ว…ผมคิดว่าจะไม่มีวันโทรหาเธออย่างแน่นอน
ถ้าผมไม่มีความสามารถในการอ่านบรรยากาศรอบตัว…ผมคงไม่สามารถใช้ชีวิตแสนสงบสุขที่โรงเรียนมาได้จนถึงทุกวันนี้
‘อย่าเสนอหน้าให้มากนักไอคนไร้เพื่อน’ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกได้จากบรรยากาศของคนรอบข้างอามามิซัง
“ผมดีใจนะที่อามามิซังพูดแบบนั้น แต่ผมคงรับไว้ได้แค่ความรู้สึกนะ งั้น…ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะ…”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ!”
อามามิซังที่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ตอนที่ผมพยายามจะหนีออกจากที่นี่ เธอคว้าไหล่ของผมไว้จากทางด้านหลัง
…ผมมีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มะ-มีอะไรหรือป่าว…?”
“นี่ ถ้านายสนใจ ทำไมไม่ไปเที่ยวกับพวกเราต่อล่ะ…แน่นอน นายพาเพื่อนมาด้วยก็ได้นะมาเอะฮาระคุง!”
“เอ่ะ?”
ผมเผลอทำเสียงแปลกๆออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“เดี๋ยวก่อนนะ ยูชิน! นั่นจะไม่ไปรบกวนมาเอะฮาระคุงเหรอ? อีกอย่าง… ดูเหมือนว่ามาเอฮาระคุงจะกำลังยุ่งอยู่นะ”
ดูเหมือนพวกเพื่อนของเธอจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ นิตตะซังจึงพยายามหยุดการกระทำของอามามิซังทันที ยังไงก็ตามมันก็เป็นการตัดสินใจของอามามิซังเพียงคนเดียว อีกอย่าง…ผมก็ไม่ได้ชอบความคิดนี้เหมือนกัน ต่อให้อาซานางิอยู่ที่นี่ด้วย ผมก็ยังคงตัดสินใจที่จะไม่ไปเที่ยวกับพวกเธออยู่ดี
“นิตตะซังพูดถูกแล้วอามามิซัง นอกจากนี้ถ้าผมไปด้วย ทุกคนก็จะต้องคอยมาดูแลผม ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราคงเที่ยวกันไม่สนุกหรอก”
“อย่างนั้นเหรอ~? ฉันคิดว่ามันน่าจะสนุกกว่าถ้าไปกันเยอะๆน่ะ”
ถ้าผมเป็นคนที่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ผมก็คงจะสามารถรวมกลุ่มไปกับพวกเธอได้โดยที่ไม่ทำให้บรรยากาศแย่ลง…แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่มีคนมากกว่าสามคนขึ้นไป และนอกจากนี้…ผมก็ไม่อยากเข้าไปทำลายบรรยากาศที่กำลังสนุกสนานของพวกเธอด้วย
ถ้าตอนนี้อาซานางิยืนอยู่เคียงข้างอามามิซัง เธอก็คงจะสามารถเตือนอามามิซังเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในฐานะเพื่อนสนิท…แต่ตอนนี้อาซานางิอยู่เคียงข้างผม
“นี่~ ใช่แล้ว มันต้องสนุกมากแน่ๆ หรือว่านีน่าเกลียดมาฮาระคุงงั้นเหรอ?”
“เอ๊ะ !? อ๊ะ ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย…นะ?”
ในบรรดาทุกคนที่นี่ นิตตะซังน่าจะเป็นคนที่สนิทกับอามามิซังมากที่สุด แต่แน่นอนว่านิตตะซังไม่ใช่อาซานางิ เธอไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอามามิซังมากนัก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถหยุดอามามิซังได้
ในขณะที่อามามิซังหลุดการควบคุม บรรยากาศของนิตตะซังและคนอื่นๆก็เริ่มถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ค่อยดี…ในตอนแรกผมทำได้แค่จินตนาการเอาเองอย่างคร่าวๆจากเรื่องราวที่อาซานางิเล่าให้ฟัง แต่เมื่อผมได้เผชิญกับสถานการณ์จริง ผมก็เข้าใจได้ทันที่….
อาซานางิต้องทำเรื่องยุ่งยากแบบนี้อยู่เสมอเลยงั้นหรอ?
“เหนื่อยจริงๆนะ…”
“เอ๊ะ? มาเอะฮาระคุง นายพูดอะไรหรือเปล่า?”
“อ๊ะ อืม…เรื่องนี้…เกี่ยวกับสิ่งที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้น่ะ…”
“อืม ว่ายังไงหรอ?”
“ผมขอโทษนะ แต่ผมเกลียดมันจริงๆ”
“เอ๊ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ใบหน้าของอามามิซังที่เคยสดใสมาจนถึงตอนนี้ ก็กลายเป็นมืดมนไปในทันที
“อ๊ะ แน่นอน ผมดีใจที่อามามิซังชวนผมนะ แต่เพราะว่าผมคงไม่สามารถไปเที่ยวเล่นกับคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบผมได้น่ะ..ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
ผมหันไปมองคนอื่นๆ รวมถึงนิตตะซังด้วย
ทั้งทัศนคติและคำพูดของผมที่เต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน ทำให้บรรยากาศแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
โดยปกติผมจะหาทางหนีไปก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้าย โดยจะพยายามรักษาความเสียหายเอาไว้ให้อยู่ในระดับที่รับได้ แต่ ณ เวลานี้ กว่าที่ผมจะรู้ตัว ผมก็หลุดพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปเรียบร้อยแล้ว
ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้
“นอกจากนี้ วันนี้ผมกับ「เพื่อน」สัญญาว่าจะไปเที่ยวเล่นด้วยกันน่ะ แล้วอีกอย่างเพื่อนของผมไม่ค่อยชอบความวุ่นวายด้วยสิ เพราะงั้นต้องขอโทษด้วยนะ”
“อ๊ะ มาเอะฮาระคุ–”
“แล้วเจอกันนะ อามามิซัง…ผมดีใจที่เธอชวนผมนะ”
พูดจบผมก็โบกมือเบาๆให้อามามิซัง และเดินออกจากที่นั้นไป
ผมรู้สึกเหมือนได้ยินใครบางคนกำลังพูดอะไรบางอย่างตอนที่ผมเดินออกมา แต่เสียงดนตรีได้กลบเสียงของพวกเธอไปจนหมด เอาเถอะ…มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะคิดยังไง
หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีใครตามมา ผมก็หยิบโทรศัพท์ที่ยังคง「อยู่ในสาย」ออกมาจากกระเป๋า
[ขอบใจนะ มาเอะฮาระ…ที่ช่วยฉันไว้]
“ด้วยความยินดี…แต่ฉันว่าวันนี้เราก็สนุกกันมามากพอแล้วล่ะ…กลับบ้านกันเลยไหม?”
[…อืม]
เราตัดสินใจนัดเจอกันที่ประตูตรวจตั๋วที่สถานีรถไฟ ผมและอาซานางิต่างก็หลบหนีออกจากเกมเซ็นเตอร์โดยพยายามไม่ให้ถูกจับได้…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ดึกเกินคาด ความเร็วในการแปลลดลง 50% ในขณะดูซีรี่ แต่ซีรี่จบแล้ว พรุ่งนี้น่าจะแปลได้ไวกว่านี้ครับ(ฮา)
ปล2. แปลไปดูไป อาจจะงงในบางจุด หากพบเห็นคำผิด สำนวนแปลกแจ้งได่นะครับ
ปล3. หลายคนน่าจะเริ่มรู้จักนิสัยพระเอกของเรามากขึ้นแล้ว พระเอกไม่ใช่พวกขี้แพ้นะเออ…นางฟาดทีก็ไม่เบาเหมือนกันนะ!?
สุดท้ายขอฝากเพจไว้ด้วยครับ Durimtok Channel ราตรีสวัสดิครับทุกท่าน