I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ
บทที่ 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ
ในช่วงนี้ อาซานางิมาเที่ยวที่บ้านผมแทบจะทุกสัปดาห์ แต่ว่าแบบนี้…มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือที่เธอไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นๆของเธอเลย
อยู่ๆผมก็นึกสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา
วันศุกร์…เนื่องจากวันต่อไปคือวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุด วันศุกร์จึงน่าจะเป็นวันที่เหมาะกับไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าเมื่อเทียบกับวันอังคาร หรือวันพุธ อันที่จริงแล้วผมมักจะได้ยินว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆต่างสัญญากันว่าจะไปเที่ยวเล่นกันหลังเลิกเรียนในเย็นวันศุกร์กันอยู่บ่อยๆ
ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ…ผมคิดว่าการที่ได้ไปเที่ยวเล่นกับคนอื่นๆน่าจะมีประโยชน์มากกว่าการมาอยู่กับผม
ไม่ว่าจะเป็นตอนชั้นม.ปลาย มหาลัย หรือตอนทำงาน…เราทุกคนจะถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ๆที่แตกต่างกันอยู่เสมอ หากเราคุ้นเคยกับการเข้าสังคมกับคนจำนวนมาก มันจะทำให้เรามีความสามารถในการปรับตัวที่ดีและเข้ากับสังคมใหม่ๆได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นกรณีการย้ายโรงเรียนในระดับประถมไปม.ต้น หรือจากม.ต้นไปม.ปลาย คนส่วนมากจะทำการจับกลุ่มกับนักเรียนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆมีการติดต่อกับกลุ่มนักเรียนโรงเรียนอื่น ก่อนที่จะค่อยๆสนิทกันและกลายมาเป็นกลุ่มใหม่
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากนักในช่วงม.ต้น ผมจึงค่อนข้างสงสัยว่าบางทีที่คนอื่นๆเข้ากันได้ดีเป็นเพราะพวกเขามาจากโรงเรียนม.ต้นเดียวกันใช่ไหม?
และเนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่เคยมีเพื่อนมากก่อน ผมจึงได้แต่จินตนาการและคิดเอาเองจากเรื่องที่เคยเห็นและเคยได้ยินมา…อืม… เพราะผมเป็นแบบนี้ ผมเลยเป็นห่วงอาซานางิเกี่ยวกับเรื่องนี้นิดหน่อย
เพราะเธอต้องมาเที่ยวเล่นกับผม เธอเลยไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆใช่ไหม?…คงเป็นอะไรประมาณนี้
โดยปกติผมจะทำตัวให้ว่างในตอนเย็นวันศุกร์เสมอ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ให้อาซานางิสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา ดังนั้นสำหรับผมแล้วการที่เธอมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกและก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิดที่อาซานางิจะมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ดังนั้นผมจึงรู้สึกเต็มใจเป็นอย่างมากที่จะต้อนรับเธอ
“…อะไร? นายกำลังทำอะไร? ทำไมมองฉันแบบนั้น”
อาซานางิที่สังเกตเห็นการจ้องมองของผม เธอหันมามองที่ผมและเอียงคอของเธอด้วยความสงสัย…ในขณะที่กำลังถือเฟรนช์ฟรายส์ในมือขวา และจอยเกมในมือซ้าย แต่เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก…ดังนั้นมันออกจะดูเป็นภาพที่แปลกตาไปสักหน่อย
“อ๊ะ เข้าใจล่ะ นายตกหลุมรักฉันแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นทำไมนายไม่ลองอ่อนให้ฉันสักหน่อยล่ะ เผื่อว่า—”
“ตายซะ”
“อะ-อึ๊ก ไอเวรนี่ นายยิงฉันอีกแล้วนะ! แน่จริงก็หยุดทำเป็นหลบๆซ่อนๆแล้วออกมาสู้กันอย่างแมนๆสิ!”
“เธอต้องหัดที่จะซ่อนตัวให้ดีกว่านี้นะ…แล้วก็…ผมมีเรื่องกังวลเกี่ยวกับเธอนิดหน่อยน่ะ”
“นายกังวลเรื่องอะไร? ฉันไม่ได้อ้วนเหมือนนายสักหน่อย”
“น้ำหนักขึ้นแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”
หลังจากนั้น ผมจึงตัดสินใจคุยกับอาซานางิเกี่ยวกับความกังวลของผม
ท้ายที่สุด ความกังวลที่ผมหมายถึงก็คือ「เธอไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆไม่ดีกว่าเหรอ?」ทันทีที่ได้ยิน…อาซานางิก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดทันที
“อะไร? นายเกลียดการเล่นกับฉันมากขนาดนั้นเลยหรอ? นายเหนื่อยที่จะเล่นกับฉันแล้วก็เลยอยากจะทิ้งฉันใช่ไหม?”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น สำหรับผม อาซานางิ เธอคือ…”
“…ฉันคืออะไร?”
“อุ…”
ผมเกือบจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงของผมออกมา โชคดีที่ผมหยุดตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม…ดูเหมือนอาซานางิจะสังเกตเห็นและเริ่มยิ้มออกมา
ผมพลาดแล้ว
“เห~หืม~?”
“อะ-อะไร”
“หืม? เดี่ยวก่อนน้า~ มาเอะฮาระ ฉันสงสัยว่านายกำลังพยายามจะพูดอะไรเมื้อกี้นี้…「อาซานางิ เธอคือ…」ฉันคืออะไรงั้นเหรอ นี่ มาเอะฮาระคุง รีบบอกมาสักทีสิ”
“…เธอคือ…”
“หืม? ฉันคือ?”
“…โดนไปซะ!”
ในขณะที่เธอกำลังฟุ้งซ่าน ผมได้ใช้ปืนกลในมือทำให้ตัวละครสุดน่ารักของอาซานางิบนหน้าจอกลายเป็นรังผึ้ง
“อ๊ะ เฮ้! เล่นทีเผลองั้นเหรอ…คนขี้ขลาด!”
“ในสนามรบน่ะไม่มีคำว่าขี้ขลาดหรอกนะ!”
ผมจัดการทำให้การสนทนาของเราหยุดชะงักลง เพื่อหันเหความสนใจของอาซานางิให้กลับไปอยู่ที่เกม
แม้จะยังเล่นแปลกๆอยู่บ้าง แต่ทักษะการเล่นเกมของอาซานางิก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกกับผมว่าพี่ชายของเธอมีเกมแบบเดียวกัน เธอเลยได้ใช้มันเพื่อซ้อมมือเป็นประจำ
นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้…ตอนที่เราคุยกันหรือส่งข้อความหากัน อาซานางิมักใช้คำศัพท์ของเกมเข้ามาในการสนทนาอยู่เสมอ
ดูเหมือนว่าอาซานางิจะก้าวเท้าเข้าไปในโลกของโอตาคุมาข้างนึงแล้ว…ไม่สิ บางที เธออาจจะกระโดดข้ามเข้าไปเต็มตัวแล้วก็ได้
“…เอาเถอะ นายเป็นห่วงฉันใช่ไหมล่ะ? ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นด้วย”
“…อืม ขอโทษด้วยนะที่กังวลเรื่องแปลกๆ”
“เข้าใจแล้ว ฉันยกโทษให้ละกัน เพราะฉันชอบมาบ้านนายมากล่ะนะ…แต่ช่วงนี้ดูเหมือนฉันจะทำตัวหมกมุ่นไปหน่อย คงต้องระวังตัวไว้บ้างแล้วล่ะ ไม่งั้นต้องโดนยูจับได้แน่เลย…แต่ว่ายังไงก็เถอะ อาทิตย์หน้าเราจะกินอะไรกันดีล่ะ แล้วอีกอย่าง…แถวนี้มีร้านโอโคโนมิยากิมาส่งบ้างไหมน้า~”
“เดี๋ยวนะ? นี่เธอได้ฟังที่ผมพูดบ้างไหมเนี่ย?”
บทสนทนากลายไปเป็นเรื่องของอาทิตย์หน้า…แต่ยังไงก็ตาม อาซานางิเป็นคนฉลาด ผมแน่ใจว่าเธอเข้าใจเรื่องที่ผมกังวลเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เธอมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ที่เธออยากทำ
“อ๊ะ จริงสิ มังงะที่มาเอะฮาระให้ยืมครั้งที่แล้ว…มันน่าสนใจมากเลยล่ะ จะอธิบายยังไงดี…ที่เนื้อเรื่องมันดีๆแล้วก็ภาพสวยๆน่ะ”
“อ้อ เธอหมายถึงเรื่อง「Chains*w M*n」ใช่ไหม? เล่มสุดท้ายพึ่งออกเมื่อวานนี้เอง ผมพึ่งซื้อมา”
(TL: ในเรื่องใช้ชื่อเรื่องว่า ノコギリーマン น่าจะล้อมาจากเรื่อง チェンソーマン [Chainsaw Man] ครับ เพราะ ノコギリ มันแปลว่าเลื่อย )
“เอ๊ะ จริงเหรอ? บอกมาเลยนะว่ามันอยู่ที่ไหน? ห้องของมาเอะฮาระ? ขออ่านหน่อยสิ!”
“ได้สิ แต่ผมเองก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน…”
“งั้นก็อ่านด้วยกันสิ เอาล่ะ หยุดกินเฟรนช์ฟรายส์เหี่ยวๆพวกนี้ได้แล้ว รีบไปที่ห้องนายกันเถอะ”
“เธอเป็นคนสั่งพวกมันมาเองนะ…”
เราเลยตัดสินใจเลิกเล่นเกมแล้วพากันไปที่ห้องของผมเพื่ออ่านการ์ตูนแทน
เนื่องจากแม่ของผมทำงานเป็นบรรณาธิการ ชั้นหนังสือของผมจึงเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน ไลท์โนเวล และอื่นๆ เวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยกับการเล่นเกม หรือเมื่อรู้สึกเบื่อๆ ผมมักจะมานอนอ่านการ์ตูนอยู่ในห้องเสมอ
“มาเอะฮาระ ขอนั่งข้างๆนะ”
“อืม เชิญเลย”
“ขอบใจนะ”
หลังจากหาหนังสือเจอ พวกเราก็นั่งลงบนเตียงและเริ่มอ่านมันด้วยกัน
เนื่องจากมันเป็นเล่มสุดท้ายของซีรีส์ยอดนิยมและกำลังจะถูกสร้างเป็นอนิเมะ ผมและอาซานางิจึงค่อยๆอ่านทีละหน้าๆอย่างตั้งใจ จนเผลอลืมเวลากันไปทั้งคู่
“ว้าว~ ตอนจบแบบนี้~…ไม่สิ ตอนแรกที่ฉันเริ่มอ่านนะฉันคิดว่าการ์ตูนนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย…แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆก็ดันติดซะงั้น! ตอนที่พวกผู้ชายในห้องเราพูดถึงเรื่องนี้ ฉันอยากเข้าไปร่วมวงกับพวกนั้นจนแทบจะทนไม่ไหวจนเลยล่ะ”
“เข้าใจเลยล่ะ มันจะอารมณ์ประมาณว่า「ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย」ใช่ไหมล่ะ”
ทั้งผมและอาซานางิเป็นคนประเภทที่จะพูดคุยเกี่ยวกับผลงานที่พวกเราชื่นชอบแบบลงลึกในรายละเอียด เช่น พวกคำใบ้ที่ซ่อนอยู่ หรือเนื้อหาที่มีความขัดแย้งกันอยู่ เป็นต้น
ในเรื่องของการดูหนังเองก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเวลาที่อาซานางิไปดูหนังกับอามามิซังและเพื่อนคนอื่นๆ พวกเขาจะคุยกันแค่เรื่องพื้นฐาน เช่น ภาพสวยดีนะ ดนตรีเพราะจัง หรือฉากสวยมาก อะไรประมาณนี้ ซึ่งหัวข้อการสนทนาเหล่านี้ไม่สามารถไปถึงที่ที่อาซานางิอยากจะคุยจริงๆได้
นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำไมอาซานางิถึงมองว่าผมเป็น「สหาย」ของเธอ
“ฮา~…สนุกจัง อ่านอีกสักรอบดีกว่า…มาเอะฮาระ เล่มหนึ่งอยู่ตรงไหนนะ?”
“อยู่ตรงชั้นหนังสือตรงกลางน่ะ…งั้นผมเองก็อ่านเรื่องอื่นด้วยดีกว่า”
หลังจากนั้น เราแต่ละคนก็นอนลงบนเตียงหรือนั่งพิงผนังพร้อมกับอ่านหนังสือกันเงียบๆ
ในระหว่างนี้ พวกเราต่างเงียบและไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกอึดอัดอะไร
นี่เป็นเวลายามปกติของผมและอาซานางิ
“ฟู่~…ดูเหมือนจะตั้งใจอ่านเกินไปหน่อย…”
เมื่อหยุดพัก ผมสังเกตว่าเวลาได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว เวลาอ่านหนังสือหรือเล่นเกม ผมมักจะมีปัญหากับเรื่องแบบนี้เป็นประจำ
“กินกาแฟแก้ง่วงสักหน่อยดีไหมนะ? อาซานางิ ผมว่าจะไปชงกาแฟสักหน่อย เธอเอากาแฟ–”
ผมเรียกอาซานางิที่นอนอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของผม ก่อนที่จะสังเกตเห็นใบหน้าของเธอ
“Zzz…Zzz…”
“? หลับอยู่เหรอ…?”
เมื่อผมมองใบหน้าของเธอ บางทีเธออาจจะหลับไปตอนกลางทางในระหว่างที่อ่านการ์ตูนอยู่…อาซานางิหลับทั้งๆที่ปากยังอ้าอยู่ครึ่งนึง
นอกจากนี้เธอยังกรนด้วย…หลับสบายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เธอไม่ได้ผ่อนคลายเกินไปหน่อยเหรอ
แล้วก็นะ…อาซานางิ นี่เธอลืมไปหรือเปล่าว่ายังอยู่ที่บ้านของผม
“Zzz…Zzz…”
“กรนขนาดนี้…ไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด…”
อย่างไรก็ตาม…น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกว่าเธอที่เป็นแบบนี้นั้นน่ารักดี…หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอสวยเกินไปกันนะ
ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าผมได้เกิดมามีใบหน้าที่ดูดีเหมือนอาซานางิ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คง…แต่ผมก็ตัดสินใจลืมมันไปทันที เพราะถึงคิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี
“หาว~…เราเองก็เริ่มง่วงแล้วสิ…”
ปกติแล้วอาซานางิจะกลับบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ดังนั้นปล่อยให้เธอนอนต่ออีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ผมตั้งนาฬิกาปลุก แล้วปล่อยให้อาซานางินอนหลับอย่างสบายบนเตียงของผม ส่วนผมก็ตัดสินใจที่จะงีบหลับโดยใช้เบาะรองนั่งมาเป็นหมอนแทน
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ตื่น มากิ ตื่นได้แล้ว
“อืม…?”
ตอนที่ผมกำลังนอนหลับฝันดี เสียงของใครบางคนก็ดังก้องเข้าในหัวที่กำลังสะลึมสะลือของผม
นาฬิกาปลุกยังไม่ดัง…ไม่น่าจะหลับไปนานเท่าไหร่ หรืออาซานางิจะตื่นแล้ว? ถ้าแบบนั้น…คงต้องออกไปส่งเธอที่ประตูบ้านก่อนสินะ–
“มากิ มากิ ตื่นได้แล้ว”
“ขอโทษนะอาซานางิ ผมเองก็เผลอหลับไปเหมือนกัน”
“หืม…เด็กผู้หญิงคนนี้ชื่ออาซานางิซังงั้นสินะ?”
“…เอ๊ะ?”
ในขณะนั้นเอง…ลางสังหรณ์อันไม่พึงประสงค์ก็แล่นไปทั่วร่างกายของผม
เมื่อผมลืมตาขึ้น…ผมก็เห็นอาซานางิที่ยังคงนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียงของผม
ใช่ อาซานางิยังคงอยู่ในความฝันของเธอ
ถ้าอย่างนั้น…คนที่กำลังเรียกผมอยู่คงเป็น…
ผมลืมตาขึ้นแล้วค่อยๆหันหน้าไปอีกด้านอย่างช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
“พอดีวันนี้แม่เลิกงานไวก็เลยได้กลับบ้านเร็วหน่อยในรอบหลายอาทิตย์…แต่ว่านะ…แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะพาผู้หญิงเข้ามาในห้องแบบนี้”
“ม-แม่…”
คนที่กำลังยืนมองลงมาที่ผมอยู่ก็คือ「มาเอฮาระ มาซากิ」แม่ที่ยังไม่ควรจะกลับมาจากที่ทำงานในเวลานี้…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ขอโทษด้วยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะไหว สุดท้ายนอนตาย(ฮา)
ปล2. ตอนแรกว่าจะลง 2 ตอนพร้อมกัน สุดท้ายบทที่ 28 ก็ยังแปลไม่ไหว เลยตัดสินใจลงตอน 27 แก้ขัดไปก่อนนะครับ
ปล3. น่าจะค้างแหละ แต่ถ้าอ่านถึงตรงนี้ก็ขอให้โชคดีครับ(ฮา) เดี่ยวผมจะรีบปั่นตอน 28 ให้นะครับ ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว
ปล4. ยังไม่ได้เช็คคำผิด กับสำนวน เดี่ยวกลับมาเช็คให้อีกทีตอนลงตอนที่ 28 นะครับ
ติดตามข่าวสารผู้แปลได้ที่ Durimtok Channel เผื่อมีข่าวจะแจ้งในเพจก่อนนะครับ