I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 3 – แรกพบ (2)
บทที่ 3 – แรกพบ (2)
ผมรู้จักเธอ
ชื่อ : อาซานางิ อุมิ
โรงเรียนม.ต้น : โรงเรียนสตรี ทาจิบานะ
งานอดิเรก : กิจกรรมกลางแจ้ง
สิ่งที่ชอบ : กาแฟ
นี่คือข้อมูลที่ผมได้ยินตอนเธอแนะนำตัว นอกจากนี้… ผมยังรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอามามิซังมาตั้งแต่เด็ก เพราะนั่นคือสิ่งที่อามามิซังพูดเมื่อเธอแนะนำตัวเอง
เธอไว้ทรงผมแบบเด็กผู้ชายและมีขาเรียวเล็ก แม้ว่าความโดดเด่นของอามามิซังจะบดบังเธอไปบ้าง แต่เธอก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้ชาย
เธอเป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า「สาวน่ารักอันดับสองในชั้นเรียน」ถึงผมจะคิดว่ามันค่อนข้างหยาบคายไปสักหน่อยสำหรับเธอ แต่นั่นก็คือสิ่งที่พวกผู้ชายในห้องเรียกเธอ
“….เอ่ออ อืม…เชิญเข้ามาก่อนสิ”
“อะ..อืม…รบกวนด้วยค่ะ”
ไม่ว่ายังไงผมคงไม่สามารถไล่เธอที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกลับไปได้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเชิญเธอเข้ามาในบ้านก่อน
อาซานางิซัง…เด็กผู้หญิงที่เรียนอยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน…มาอยู่ในห้องของผมจริงๆ
เราไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยนะ แล้วทำเราถึงลงเอยมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กัน?
เอาจริงดิ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?
“ฉันจะวางพิซซ่ากับโค้กไว้ที่นี่ก่อนนะ โอเคไหม?”
“อะ..อืม ขอบคุณครับ”
พิซซ่าที่อาซานางิซังซื้อมาคือพิซซ่าไซต์ L ที่ใหญ่ที่สุด ในขณะที่พิซซ่าที่ผมพึ่งจะสั่งไปคือไซต์ M พร้อมเครื่องเคียง
ถ้ามีพิซซ่าไซต์ L เพียงถาดเดียว เราสองคนก็น่าจะกินมันจนหมดได้อยู่ แต่นี่…มันคงสายเกินไปแล้วที่จะยกเลิกคำสั่งซื้อตอนนี้…เอาเป็นว่าผมจะลองกินดูแล้วกัน ไม่งั้นมันคงเป็นการเสียเงินไปฟรีๆ
“อืม ห้องของนายสะอาดจนน่าตกใจเลยนะ”
“แม่ของผมเป็นคนรักความสะอาดน่ะ…ว่าแต่ เธออยากกินที่ไหนล่ะ ที่โต๊ะอาหารหรือหน้าทีวีดี?”
“แล้วปกติมาเอะฮาระคุงกินที่ไหนล่ะ”
“ปกติผมจะนั่งกินบนพื้นน่ะ”
“นิสัยไม่ดีเลยนะ~”
“รู้หรอกน่า”
แม่ของผมค่อนข้างเป็นคนเข้มงวด ทุกวันยกเว้นวันศุกร์ ผมต้องกินข้าวที่แม่เป็นคนทำ ดังนั้นผมจึงต้องปฏิบัติตามมารยาทบนโต๊ะอาหารอย่างเหมาะสม แต่ทุกวันศุกร์ แม่จะทิ้งเงิน 2,000 เยนไว้ให้บนโต๊ะไว้ให้ผมเอาไปซื้ออาหารเย็นเอง และเงินส่วนที่เหลือจะกลายมาเป็นค่าขนมของผม ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว ผมสามารถใช้เงิน 2000 เยนนี้ได้ตามต้องการ
“ถ้าอย่างนั้น ทำตามที่มาเอะฮาระคุงว่าละกัน”
“นั่งบนโซฟาไม่ดีกว่าหรือ เธอจะไม่ปวดหลังใช่ไหม?”
“มาเอะฮาระคุงพูดเหมือนเป็นคนแก่เลย… เดี่ยวฉันค่อยย้ายไปนั่งที่โซฟาทีหลังก็ได้”
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจวางพิซซ่า โค้ก และถ้วยลงบนพรม
“นี่ นั่งบนนี้”
“ขอบคุณนะ”
ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้เธอนั่งบนพรมเปล่าๆ ดังนั้นผมจึงส่งเบาะรองนั่งให้กับเธอ
ถึงพวกผู้ชายในห้องจะเรียกอาซานางิซังว่าสาวน่ารักอันดับสองในชั้นเรียน หรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับผมแล้ว…ผมคิดว่าอาซานางิซังก็น่ารักมากพออยู่แล้ว ไม่สิ…สวยดูจะเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมกว่า
งั้นผมขอถามอีกครั้ง ทำไมอาซานางิซังถึงมาอยู่ที่บ้านผมกันละเนี่ย?
“เห~~~นี่นายเล่นเกมจริงๆเหรอ ว่าแต่นี่มันเกมแบบไหนกันนะ?”
“อันนั้นเป็นเกม FPS น่ะ…แต่ว่า…「จริงๆเหรอ」เอ..การแนะนำตัวของผม อาซานางิซังยังจำได้ใช่ไหม?”
“จำได้สิ การแนะนำตัวของมาเอะฮาระคุงค่อนข้างโดดเด่นกว่าคนอื่นน่ะ”
ในทางเลวร้ายนะสิ
หลังจากผมแนะนำตัว ผมจำใบหน้าที่แสดงความโล่งใจของทุกคนได้ดี เพราะบรรยากาศมาคุที่ผมสร้างไว้ก่อนหน้านี้ได้จบลงเสียที พวกผู้ชายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเรียกความสนใจของเพื่อนคนอื่นๆด้วยท่าทางร่าเริงหรืออะไรทำนองนั้น หลังจาก 60 นาทีผ่านไป บรรยากาศภายในห้องก็ดีขึ้นในขณะที่ทุกคนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
แน่นอน ยกเว้นผมล่ะนะ
“อืม เพราะแบบนั้นแหละ ฉันเลยรู้สึกเหมือนได้เจอสหายน่ะ”
“เอ๊ะ?”
สหาย คือ คนที่มีอุดมการณ์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย หลักการ และมุมมองเหมือนๆกัน
นั่นก็หมายความว่า…
“เป็นไปได้ไหมว่าฮาซานางิซังก็ชอบเรื่องแบบนี้ด้วย”
“ก็ประมาณนั้นแหละ…ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเกมเท่าไหร่ แต่ในวันสุดสัปดาห์แบบนี้ ฉันชอบที่จะผ่อนคลายแล้วก็ทำตัวเลอะเทอะน่ะ~”
“…แบบนั้นเองสินะ”
ผมคิดว่าคนอย่าง อาซานางิซัง น่าจะชอบออกไปเที่ยวในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน…ผมขอโทษครับที่ชอบจินตนาการไปเอง แต่ว่านะมันก็ยังน่าประหลาดใจอยู่ดี
“ว่าแต่อาซานางิซังไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับอามามิซังงั้นหรือครับ เป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เหรอ?”
“เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แน่นอนว่าเราไปเที่ยวด้วนกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่เมื่อเทียบกับฉัน 「ยู」น่ะ…เป็นคนดังมากเลยนะนายรู้ไหม? ทุกคนอยากไปเที่ยวกับเธอกันทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถไปเที่ยวกับฉันได้ตลอดเวลาหรอกนะ”
“ผมได้ยินมาว่าอามามิซังจะไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยม.ต้นของเธอ…พวกเขาก็น่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของอาซานางิด้วยไม่ใช่หรอ”
“ก็เพื่อนของเธอไม่ใช่เพื่อนของฉันสักหน่อย ใช่ไหมล่ะ?”
เธอบอกเป็นนัยๆถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยของเธอกับเพื่อนร่วมชั้น ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะผมไม่เคยมีเพื่อน ดังนั้นผมจึงไม่เคยมีประสบการณ์กับความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มาก่อน
“นั่นเป็นสาเหตุที่วันนี้ฉันตัดสินใจที่จะพักผ่อนให้เต็มที่…แล้วฉันก็นึกถึงการแนะนำตัวของมาเอะฮาระคุงขึ้นมา ก็เลยแอบตามนายมา แต่ว่าตกใจเลยนะ เพราะบ้านนายอยู่ใกล้กับบ้านฉันมากเลยล่ะ อ๊ะ..ใช่ ต้องขอโทษด้วยนะที่แอบตามนายมาแบบนี้…”
“อืม…ไม่เป็นไร”
เพราะว่าอาซานางิซังอยู่ด้วย ผมเลยไม่สามารถผ่อนคลายได้เหมือนปกติ แต่บางที่ผมก็รู้สึกเหงาบ้างเวลาอยู่คนเดียว ผมเลยสงสัยว่าเวลาคนที่มีงานอดิเรก หรือรสนิยมเดียวกัน พวกเขาจะพูดคุยกันเหมือนพวกผมตอนนี้หรือป่าวนะ?
แม้ว่าเราจะไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่สามารถพูดคุยกับอาซานางิซังได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้สึกอึดอัดใจ
อาจจะเป็นเพราะว่าผมได้อยู่ที่บ้าน ผมจึงสามารถพูดคุยแบบนี้ได้ ไม่เหมือนตอนอยู่ที่โรงเรียน นอกจากนี้อาซานางิซังยังมีบรรยากาศสบายๆที่ทำให้คุยกับเธอได้ง่าย
“ว่าแต่…พิซซ่าที่อาซานางิซังเอามา…ใส่ท็อปปิ้งอะไรบ้างนะ?”
“อ๊ะ นายอยากรู้งั้นเหรอ?”
ได้ยินคำถามของผม อาซานางิซังก็ยิ้มออกมา
“「หน้านางฟ้าและมารกระเทียมกับชีสและไก่เทอริยากิ เพิ่มชีสและมายองเนสสองเท่า เพิ่มกระเทียมสามเท่า!」แถมลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็น!!”
(TL: 『(裏)天使と悪魔のガーリック&チーズ&照り焼きチキン。チーズ、マヨネーズトッピング量二倍、ガーリックは三倍マシマシ。お持ち帰りで半額』<– นั่งแปลไอประโยคนี้อยู่ครึ่งชั่วโมงได้ครับ)
“…นั่นฟังดูเยี่ยมไปเลย”
“ใช่ไหมล่ะ!”
ผมกับเธอเป็น『สหาย』กัน เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นผมกับอาซานางิซังก็เทซอสทาบาสโกจำนวนมากลงบนพิซซ่าหน้ากระเทียม พวกเรากินพิซซ่ากันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับดื่มโค๊กไปด้วย และแน่นอนว่ารวมไปถึงพิซซ่าที่ผมสั่งมาด้วย
นี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ในช่วงสุดสัปดาห์ของผมกับอาซานางิซัง
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ในตอนนี้ส่วนที่แปลยากที่สุดคือชื่อพิซซ่าครับ!!!
ปล2. ผมตัดสินใจว่าจะเรียกนางเอกของเราว่า อาซานางิซัง แทน อะสะนางิ นะครับ
แล้วก็เหมือนเดิมครับ ฝาก Durimtok Channel ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยครับ