I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 38 – มันควรจะมีแค่เราสองคนสิ
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 38 – มันควรจะมีแค่เราสองคนสิ
ตอนที่ 38 – มันควรจะมีแค่เราสองคนสิ
เราตัดสินใจที่จะใช้ตัวละครหลักของอนิเมะแนวเด็กผู้ชายเรื่องดาร์คฮีโร่ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอยู่ในช่วงนี้ และเราเริ่มลงมือร่างภาพต้นแบบทันที
“อันดับแรก เราควรจะร่างภาพแบบไหนดีล่ะ…อาซานางิ เธอคิดว่าไง?”
“อย่างน้อยก็ต้องประกอบไปด้วยมีด เลือด กับพวกเครื่องในล่ะนะ นั่นเป็นช่วงที่ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายที่สุด แล้วก็ยังเป็น「สัญลักษณ์」ของหมอนี้ด้วย”
“ถ้าแบบนั้นสีหลักๆก็น่าจะเป็นสีแดงกับสีดำ…อืม เราน่าจะใช้กระป๋องโค๊กที่พวกเราชอบดื่มได้นะ แล้วอีกอย่างมันก็น่าจะหาไม่ยากด้วย”
การสร้างศิลปะโมเสกจากกระป๋องเปล่าครั้งนี้เราคิดว่าจะไม่ใช้การทาสีลงบนกระป๋องในการสร้างมันขึ้นมา ยกเว้นกรณีที่เราไม่สามารถหากระป่องเปล่าในสีที่เราขาดได้เพียงพอกับที่เราต้องการใช้
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับขนาดของตัวงานที่เราต้องการสร้าง แต่ถ้าดูจากขนาดที่เหมาะสมในการนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการเราคงต้องใช้กระป๋องเปล่าหลายร้อยอัน ดังนั้นเราควรจะเริ่มเน้นการเก็บรวบรวมจากสีหลักที่เราต้องใช้เป็นจำนวนมากก่อน
“ที่เหลือก็คือจะเอาภาพไหนดีสินะ เอาไงดีล่ะ? หรือใช้ภาพของออฟฟิเชียลดีไหม?”
“อื~ม หรือว่าจะเอาพวกงานแฟนอาร์ตดีล่ะ? มันอาจจะเทาๆหน่อยแต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ถ้าขออนุญาตเผื่อไว้ก็คงจะปลอดภัยกว่าล่ะนะ..นี่ มาเอะอาระ มาซากิซังได้แนะนำอะไรบ้างไหม?”
“แม่บอกประมาณว่า「แม่ยุ่งมากเลยช่วงนี้ อย่าพึ่งมากวนได้ไหม แล้วอีกอย่างถ้าเป็นแค่งานนิทรรศการของเด็กม.ปลาย คงไม่มีใครมาโกรธเพราะว่าไม่ได้มาขออนุญาตหรอกนะ」น่ะ”
“อา~ ก็ฟังดูสมกับเป็นมาซากิซังดีนะ แต่ว่ายังไงก็ส่งอีเมล์ขออนุญาตเผื่อไว้ก่อนแล้วกัน”
“อืม นั่นสินะ”
ยังมีอีกทางหนึ่งคือการที่เราทำการวาดภาพต้นแบบกันขึ้นมาเอง แต่น่าเสียดายที่ผมกับอาซานางิไม่มีความสามารถในการวาดรูปเลย และถึงผมจะถามอาซานางิว่าพอจะมีใครทำได้ไหม เธอก็บอกว่าในห้องเราไม่น่าจะมีใครที่สามารถวาดรูปสวยๆได้เลย
นอกจากนี้ เนื่องจากผมกับอาซานางิมีความเห็นตรงกันว่าอยากจะได้ตำแหน่งที่ดีในการโหวตคะแนนของผู้ชม ดังนั้นการใช้ภาพต้นแบบฟรีอาจจะไม่เพียงพอที่จะสร้างผลกระทบกับผู้ชม
“เริ่มจากหาภาพสวยๆกันก่อน แล้วค่อยร่างภาพต้นแบบขึ้นมาแล้วกันนะ”
“สองคนนั้นน่ะ!ฉันได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ”
“”เอ๊ะ?””
ในช่วงหลังเลิกเรียน อยู่ๆก็มีเสียงของเด็กผู้หญิงดังแทรกเข้ามาในขณะที่ผมกับอาซานางิทำงานกันอยู่ในห้องตามลำพัง
ดูเหมือนเธอจะซ่อนตัวอยู่หลังประตู แต่เสียงที่น่ารักอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็ทำให้สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร
“…อามามิซัง”
“ยู กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
“หุฟุฟุ ไม่ผิดหวังจริงๆมากิคุง อุมิ…นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงเหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนของฉัน–แอ๊ก!?”
ท่าดีดหน้าผากของอาซานางิระเบิดใส่หน้าผากของอามามิซังที่กำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเรา
“เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ยยู? เธอไม่ใช่ว่าต้องไปเก็บกระป๋องเปล่ากับนิน่าหรอ”
“ก็~คือ…ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นแหละนะ แต่…พอเห็นว่าอุมิกับมากิคุงต้องทำงานหนักขนาดนี้เลยหรอ? ก็เลยสงสัยว่าพอจะมีอะไรที่ฉันสามารถช่วยได้บ้างหรือเปล่าน่ะ…พอบอกแบบนี้พวกนิน่าจิกับคนอื่นๆก็เลยอนุญาตให้ฉันออกมาน่ะ”
เนื่องจากวันนี้ผมกับอาซานางินั้นค่อนข้างยุ่งกันตั้งแต่เช้า ไหนจะต้องเตรียมการจัดนิทรรศการแล้วยังต้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการด้วย บางทีอามามิซังเห็นแบบนั้นเลยต้องการเข้ามาช่วยพวกเรา
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะอามามิซัง แต่ตอนนี้ก็เหลือแค่ร่างภาพต้นแบบที่จะเอามาทำเป็นชิ้นงานเอง ก็เลยไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่น่ะ”
“เหมือนที่มาเอะฮาระคุงบอกนั่นแหละ ฉันขอรับไว้แค่ความรู้สึกของเธอแล้วกันนะ ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเอง ส่วนเธอกลับไปช่วยทุกคนเถอะ”
“นี่~…มากิคุง~”
“อามามิซัง ถึงจะมองมาที่ผมแต่ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ”
จริงๆแล้วมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกที่อามามิซังจะอยู่ที่นี่ แต่ถ้าผมตามใจเธอมากเกินไป อาจจะทำให้อาซานางิอาจจะโกรธได้ ดังนั้นผมเลยตัดสินใจทำตัวเป็นปีศาจร้ายเพื่อเอาตัวรอด
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว~ โม่~ มากิคุงกับอุมิงี่เง่าที่สุดเลย…อ๊ะ ทำไมตรงนี้มีหนังสือมังงะด้วยล่ะ?”
“เอ๊ะ? อา..อ้อ เราเอามาเป็นเอกสารอ้างอิงน่ะ”
“หื~ม…อะไรเนี่ย ฉันไม่เคยเห็นมังงะแบบนี้เลย แถมตัวละครก็ดูเท่มากเลยล่ะ”
อามามิซังหยิบหนังสือมังงะขึ้นมา ก่อนจะพลิกดูเนื้อหาด้านใน
เนื่องจากมันเป็นมังงะสำหรับเด็กผู้ชาย เนื้อหาจึงเน้นไปที่การต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยเข้ากับอามามิซังสักเท่าไหร่…
“นี่ รูปนี้ ฉันขอลองวาดดูหน่อยได้ไหม?”
“เอ๊ะ?”
หลังจากที่เธอเปิดดูจนครบทุกหน้าแล้ว อามามิซังก็พูดออกมาแบบนั้น
“อามามิซังวาดรูปได้ด้วยหรอ? อาซานางิซังเธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่าน่ะ?”
“เปล่า ฉันไม่รู้…ยู นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอวาดรูปใช่ไหมนะ?”
“อืม ฉันเคยวาดมาก่อนที่จะได้เป็นเพื่อนกับอุมิน่ะ…ตอนนั้นฉันอ่านมังงะแล้วรู้สึกว่าตัวเอง「น่าจะทำได้」ก็เลยลองวาดดูน่ะ…นี่ มากิคุง ฉันขอยืมกระดาษกับปากกาหน่อยได้ไหม?”
“เอ๊ะ? อืม ได้สิ”
อามามิซังผู้ที่พึ่งจะได้รับปากกากับกระดาษไปจากผม เริ่มลงมือวาดได้ในทันทีโดยไม่ต้องหันกลับไปดูหนังสือมังงะที่เป็นเอกสารอ้างอิงเลยด้วยสักนิด
“…เอ่อ…กำลังแกว่งดาบคาตานะ…ศัตรูเป็นเด็กผู้หญิง…เลือดกระจายไปทั่ว…จากนั้นก็กำลังโพสท่าเท่ๆอยู่ตรงกลาง…”
ในตอนที่เธอกำลังพูดแบบนั้น มือของเธอก็วาดรูปไปเรื่อยๆ
“ยู นี่เธอ…”
“ขอโทษนะ อุมิ ฉันขอเวลาตั้งสมาธิสักสิบนาทีนะ”
“อะ-อืม…”
บรรยากาศรอบตัวอามามิซังเปลี่ยนไป พร้อมกับสีหน้าท่าทางที่กลายเป็นจริงจัง บางที่อาจจะเป็นเพราะเธอจดจ่ออยู่กับการวาดรูปเป็นอย่างมาก
ดูคล้ายๆกับตอนที่เธอกำลังเล่นเกมอยู่ที่บ้านของผม…
“…เอาล่ะ เสร็จแล้ว เป็นไงบ้าง? ฉันพยายามวาดมันด้วยลายเส้นของตัวเองเหมือนกับที่เคยวาดมังงะเรื่องอื่นๆน่ะ”
“! นี่มัน…”
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อพวกเราเห็นภาพที่อามามิซังส่งมาให้ดู ผมกับอาซานางิก็อดที่จะตกใจไม่ได้
ก่อนอื่นเลย เรื่องคุณภาพของภาพวาด ผมไม่สามารถที่จะหาจุดตำหนิใดๆได้เลย แม้จะไม่เหมือนกับต้นฉบับ แต่ลายเส้นแสนที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอนั้นได้ถ่ายทอดความสดใสออกมาได้ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วนอกจากนี้เธอก็สามารถเก็บรายละเอียดและความม่นยำได้ดีมากด้วยเช่นกัน
ยิ่งกว่านั้น…อามามิซังวาดภาพนี้ขึ้นมาด้วยปากกาลูกลื่นเพียงด้ามเดียว
“อามามิซัง จริงๆแล้วเธอเป็นนักวาดภาพมืออาชีพสินะ…”
“ไม่ใช่สักหน่อย~ ถ้าฉันเป็นแบบนั้น ไม่มีทางที่อุมิจะไม่รู้หรอกนะ แล้วอีกอย่าง…ฉันก็ไม่ได้คิดจะปิดบังด้วย…”
อามามิซังหัวเราะราวกับมันเป็นเพียงเรื่องธรรมดา…แต่ว่านะ…ขนาดเธอไม่ได้วาดรูปมานานยังวาดได้ขนาดนี้…
อะไรกันเนี่ย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้สัมผัสกับความสุดยอดของอามามิซังเข้าเต็มๆเลย…
“อาซานางิซัง ผมคิดว่าภาพนี้น่าจะช่วยเราได้นะ”
“…”
“? อาซานางิซัง เอ่อ…”
“เอ๊ะ?! อะ อา อะ-อืม นั่นสินะ ทำได้ขนาดนี้ก็สมกับที่เป็นยูแล้วล่ะ…งั้นเธอก็มาช่วยลงสีให้หน่อยแล้วกันนะ”
ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถึงรูปนี้ดูจะค่อนข้างซับซ้อน แต่เพราะเราจะทำให้มันกลายเป็นศิลปะแบบโมเสก ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“จริงนะ? ดีใจจัง งั้นฉันขอช่วยพวกเธอด้วยคนนะ”
ความจริงอามามิซังอาจจะไม่ใช่แค่ช่วยก็ได้ บางทีตอนนี้เธออาจจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญไปแล้วก็ได้
นอกจากจะมีความงดงามราวกับนางฟ้า แต่ยังมีพรสวรรค์ในด้านศิลปะด้วย…นี่พระเจ้าให้ความสำคัญกับอามามิซังมากขนาดไหนกันนะ?
“…ถ้าอย่างนั้นเรามาเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะสำหรับสามคนกันก่อนนะ ทางผมกับอาซานางิจะทำหน้าที่คำนวนจำนวนกระป๋องที่ต้องใช้ ส่วนอามามิซังช่วยรับผิดชอบเกี่ยวกับการวาดภาพได้ไหม?”
“อืม เข้าใจแล้ว อุมิ มากิคุง จากนี้ไปฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!”
ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะลำบากสักหน่อยในการร่างภาพต้นแบบ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ การเตรียมการก็จะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องรีบกลับบ้านไปวาดรูปต่อแล้วล่ะ อุมิ เธอมาช่วยเรื่องการลงสีให้หน่อยได้ไหม?”
“เข้าใจแล้ว แต่ถ้าฉันทำพังเธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
“เธอตกลงแล้วนะ! แต่ว่านี่เป็นงานเทศกาลแรกของฉันตอนม.ปลายเลยนะ ดังนั้นฉันจะทุ่มให้สุดตัวเลยล่ะ!”
“หืม แบบนั้นก็ดีอยู่หรอกนะ…แต่ว่า…แล้วการเรียนล่ะ?”
“….เอ่อ~คือ…”
“ยัยติงต๊องนี่!”
“โอ้ย อุหวา~ มากิคุงช่วยด้วย! อุมิแกล้งฉัน~!”
“นี่เวลามีปัญหาก็อย่าไปเกาะมาเอะฮาระคุงแบบนั้นสิ…ถ้างั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนแล้วกันนะ ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักนะมาเอะฮาระคุง”
“ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักนะมากิคุง เจอกันพรุ่งนี้นะ”
อามามิซังและอาซานางิเดินออกจากห้องเรียนไปในขณะที่เล่นด้วยกันเหมือนปกติ
อามามิซังแสดงความสามารถที่ผมคาดไม่ถึงออกมา…ดูเหมือนว่าการเตรียมตัวสำหรับงานวัฒนธรรมในปีนี้จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นนะ
ผมกดส่งข้อความไปทันที
[ มาเอะฮาระ ] : อาซานางิ
[ อาซานางิ ] : อะไรนะ มีอะไรงั้นเหรอ
[ มาเอะฮาระ ] : ไม่มีอะไรหรอก
[ มาเอะฮาระ ] : แค่รู้สึกว่าเหมือนเธอดูไม่ค่อยสบายใจ
[ อาซานางิ ] : อ่อ…ฉันแค่ตกใจน่ะ ไม่คิดว่ายูจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้
[ อาซานางิ ] : แม้แต่เพื่อนสนิทของตัวเอง ก็ดูเหมือนจะมีอีกหลายอย่างที่ฉันไม่รู้ ก็เลยคิดมากนิดหน่อยน่ะ
[ อาซานางิ ] : ดังนั้นมาเอะฮาระไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ
[ อาซานางิ ] : ฉันไม่เป็นอะไรหรอก
[ มาเอะฮาระ ] : แน่ใจนะ?
[ อาซานางิ ] : อืม
[ มาเอะฮาระ ] : แน่ใจจริงๆนะ?
[ อาซานางิ ] : หยุดกวนได้แล้ว
[ มาเอะฮาระ ] : ถ้าเธอว่าอย่างนั้นก็โอเค
ถ้าอาซานางิพูดอย่างนั้น ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อเธอ
(…ถ้างั้น…ทำไมเธอถึงต้องทำหน้าขมขื่นแบบนั้นด้วยล่ะ?)
ผมพึมพำในขณะที่กำลังคิดถึงใบหน้าของอาซานางิในตอนที่เธอจากไปพร้อมกับอามามิซัง
เธออิจฉาพรสวรรค์ของอามามิซังงั้นหรือ…ผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นหรอกนะ
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ยังไม่ได้เช็คคำผิดนะครับ รีบเพื่อนเรียกไปลงดันครับ(ฮา)
ปล2. หลังจากนี้เนื้อเรื่องจะเข้าสู่ช่วง….นิดๆนะครับ หึหึ
ขอบคุณที่ติดตามครับผม
Durimtok Channel
ฝากด้วยนะครับ