I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 39 – ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 39 – ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
บทที่ 39 – ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
ในวันรุ่งขึ้น อามามิซังก็ยังคงมาทำงานของเธอกับพวกเราต่อจากเมื่อวาน
“เอ๊ะ? จริงเหรอ? ยูชินเป็นคนวาดรูปนี่จริงๆใช่เหรอ?”
“อืม เพราะมันเป็นงานวัฒนธรรม ฉันเลยคิดว่าต้องทำให้ดีที่สุดน่ะ พอคิดแบบนี้ก็ยิ่งมีแรงบันดาลใจที่จะทำมากขึ้นไปอีก ขนาดเวลานอนฉันยังรู้สึกเสียดายเวลาเลยล่ะ”
อามามิซังมีรอยยิ้มเขินๆบนใบหน้า ในขณะที่ให้ทุกคนดูรูปที่เธอวาดเมื่อวานนี้ โดยในตอนนี้รูปได้รับการลงสีเรียบร้อยแล้ว
อันที่จริงแล้ว ผมได้เห็นรูปของอามามิซังมาก่อนแล้ว เพราะอาซานางิได้ส่งไฟล์รูปภาพมาให้ผมทางอีเมลตั้งแต่เช้า แต่พอได้เห็นท่าทางของนิตตะซังกับทุกคนที่พอได้เห็นภาพของอามามิซังแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า「สุดยอดชิOหาย」ผมก็รู้สึกวางใจ
(TL: すげえやべえ มันแปลงมาจาก すごいやばい ที่แปลได้ประมาณว่า สุดยอดจริงๆ แต่พอแปลงแล้วมันจะกลายเป็นศัพท์วัยรุ่นที่ใช้ไปในแนวหยาบคายนิดหน่อยครับ ตอนแรกจะแปลประมาณ สุดยอดเชี่xๆ ก็ดูใส่อารมณ์ไปหน่อย)
สำหรับภาพวาดต้นแบบ เราสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมและแปลงมันให้เป็นไฟล์ภาพแนวโมเสกได้ฟรี ดังนั้นหลังจากที่ผมปรึกษากับอาซานางิ พวกเราจึงทำการแปลงไฟล์ภาพแล้วส่งมันให้เพื่อนร่วมชั้นและคณะกรรมการกิจกรรมดู
ต้องขอบคุณในความทุ่มเทของอามามิซัง ทำให้แผนของเราสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงถึงเวลาที่พวกเราจะต้องทำให้ดีที่สุดบ้างแล้วล่ะนะ
“เราทำได้แล้ว อุมิ! แบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับความพยายามของเราสองคนที่นั่งทำตลอดทั้งคืนหน่อยเนอะ”
“นั่นก็จริงล่ะนะ แต่ว่า…ถ้าวันนี้ไม่ติดว่าฉันเป็นตัวแทนห้องนะ ฉันจะยึดที่นอนของยูแล้วก็นอนให้เต็มที่เลยล่ะ”
บางทีอาซานางิอาจจะไปช่วยอามามิซังทำงานที่บ้านของเธอตลอดทั้งคืน และใบหน้าของอาซานางิในตอนนี้ก็ดูอ่อนเพลียอย่างมาก
อาซานางิน่าจะนอนค้างที่บ้านของอามามิซัง แต่แน่นอนว่าไม่มีใครว่าอะไรเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของอามามิซังและยังเป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย มันจึงดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นเพศตรงข้าม บรรยากาศภายในห้องคงจะไม่เหมือนตอนนี้อย่างแน่นอน ผมก็พอจะเข้าใจความรู้สึกอยู่หรอกนะ แต่เมื่อผมมาลองคิดดูดีๆแล้ว ผมก็คิดว่ามันออกจะไร้เหตุผลไปหน่อยกับการที่เพียงแค่ผู้ชายกับผู้หญิงได้มาอยู่ใต้หลังคาเดียวกันจะโดนพูดถึงไปในแนวทางที่เกี่ยวกับเรื่องความรัก หรือเรื่องที่ฟังดูไม่ดีไปในทันที
และถ้าสังคมไม่ได้มองเกี่ยวกับเรื่องนี้ในแนวทางนั้น ในคืนนั้นผมก็คงไม่รู้สึกประหม่ามากขนาดนั้น
…เอาล่ะ ผมตัดสินใจเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลานั้นเอาไว้ในความทรงจำก่อนจะหันมาโฟกัสกับงานของตัวเอง
โชคดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ถึงผมจะเป็นพวกที่ไม่ชอบเอางานที่โรงเรียนกลับไปทำที่บ้าน แต่เพื่อตอบแทนความพยายามของทั้งสองคนแล้ว ผมจึงตั้งใจที่จะทำงานในส่วนของตัวเองให้เต็มที่
ผมตั้งใจที่จะทำการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดในวันนี้และในวันหยุดเพื่อที่จะได้สามารถคำนวณจำนวนกระป๋องเปล่าและวัสดุจำเป็นอื่นๆ ที่เราจำเป็นต้องใช้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถดำเนินแผนการต่อได้ในทันทีหลังเลิกเรียนในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
(ถึงจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ดูเหมือนจะออกไปเที่ยวเล่นไม่ได้ล่ะนะ)
นอกจากนี้ วันนี้อาซานางิเองก็ดูเหมือนจะยังง่วงนอนเป็นอย่างมาก และผมไม่ต้องการให้เธอหักโหมจนเกินไป ไม่ว่ายังไงเวลาในการเตรียมงานก็ยังมีเวลาเหลืออีกมาก ถ้าอาซานางิไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอในตอนนี้ การทำงานหลังจากนี้เธออาจจะไม่ไหวก็ได้
[ มาเอะฮาระ ] : เหนื่อยหน่อยนะ
[ อาซานางิ ] : อือ ชมฉันอีกๆ
[ มาเอะฮาระ ] : ยอดเยี่ยมที่สุด
[ อาซานางิ ] : โอ้ย~ ให้มันมีพลังหน่อยสิ
[ มาเอะฮาระ ] : ล้อเล่นน่ะ ตอนไปช่วยอามามิซัง เธอเหนื่อยใช่ไหมล่ะ?
[ อาซานางิ ] : นายก็น่าจะเห็นนะ
[ มาเอะฮาระ ] : อืม จากที่เห็นก็พอนึกภาพออกอยู่ ถ้าอย่างงั้นวันนี้เธอก็กลับบ้านไปนอนพักเถอะ จะได้ไม่หักโหมเกินไป
[ อาซานางิ ] : อือ~…แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เมื่อวานฉันรู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักเกินไปแล้วล่ะ
[ มาเอะฮาระ ] : ขอบคุณนะ เดี่ยวผมจะส่งไฟล์กับรายละเอียดเพิ่มเติมไปให้ทางอีเมลตอนวันอาทิตย์นะ
[ อาซานางิ ] : อื~อ งั้นเดี่ยวฉันบอกยูให้นะ
ถึงอาซานางิจะดูเพลียๆเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่การตอบข้อความของเธอกลับมาเป็นเหมือนปกติ ไม่ได้ดูแปลกๆเหมือนเมื่อวาน
ผมรู้สึกโล่งใจ…ดูเหมือนผมจะกังวลมากเกินไปหน่อย
“!อ๊ะ มากิคุง ยะโฮ่~ การเตรียมงานเทศกาลวัฒนธรรมคราวนี้ เรามาพยายามด้วยกันนะ~”
“อะ-อืม…มาพยายามด้วยกันนะ”
ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้น อามามิซังซึ่งบังเอิญมองมาที่ผมพอดี ก็รีบโบกมือทักทายผมอย่างร่าเริง
ขนาดอาซานางิที่แค่ไปช่วยงานอามามิซังทั้งคืนยังอยู่ในสภาพนั้น แต่คนทำงานหลักที่ควรจะมีความความเครียดสูงกว่ากลับไม่เป็นอะไรเลย
ดูเหมือนว่าอามามิซังนอกจากจะมีพรสวรรค์สูงแล้ว แต่เธอน่าจะยังมีความแข็งแกร่งทางร่างการและจิตใจสูงมากด้วย
คนๆนี้เป็นมนุษย์จริงๆใช่ไหม?
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
หลังเลิกเรียนในวันนี้ ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยเพราะว่านอกจากผมจะต้องเรียนตามปกติแล้ว ผมยังต้องเตรียมตัวสำหรับงานวัฒนธรรมของโรงเรียนด้วย แต่ถึงยังไงผมก็ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องทำให้ดีที่สุด
[…สวัสดีค่ะ พิซซ่าร็อคเก็ตยินดีให้บริการค่า~]
“เอ่อ มาเอะฮาระครับ”
[อ๊ะ ขอบคุณนะ~ รับเหมือนเดิมใช่ไหมค่ะ~?]
ถ้าหากคุณเป็นขาประจำ เพียงแค่คุณบอกชื่อของตัวเองไป พวกเขาก็จะทราบทันทีว่าคุณต้องการจะสั่งอะไร ผมไม่เคยเห็นร้านไหนสามารถทำแบบนี้ได้นอกจากร้านอาหาร
แต่ยังไงก็ตาม…ในรอบนี้ผมสั่งพิซซ่า เฟรนช์ฟราย และนักเก็ตเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนเครื่องดื่มจากน้ำอัดลมให้เป็นเครื่องดื่มชูกำลังแทน ถึงมันอาจจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกว่าถ้าดื่มแล้วมันได้อารมณ์มากกว่าในจังหวะนี้
…สำหรับตอนนี้ มาเริ่มทำงานกันก่อนดีกว่า
“…บรรยากาศแบบนี้…ไม่ได้เจอนานเลยแฮะ”
ห้องที่เงียบสงบ พร้อมกับแสงสลัวๆ
ผมพึมพำเบาๆ ภายในห้องมีเพียงเสียงของพัดลมเครื่องคอมพิวเตอร์ของผมเท่านั้นที่สะท้อนออกมา
ไม่สิ เมื่อผมคิดอีกที…นี่เป็นชีวิตปกติของตัวเองไม่ใช่รึไง? เล่นเกมอยู่คนเดียวในห้องที่มีแสงสลัวๆ กินอาหารขยะไปพร้อมกับการดื่มโค็ก ถ้าเบื่อค่อยไปนั่งอ่านการ์ตูนหรือไม่ก็ไปนั่งดูวิดีโอออนไลน์
…ผมพึ่งจะรู้สึกตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ผู้หญิงที่ชื่อ อาซานางิ อุมิ ปรากฏตัวออกมายืนอยู่หน้าผมเมื่อไม่นานมานี้
แม้ว่าอาซานางิจะเข้ามาในชีวิตของผม วิถีการดำเนินชีวิตของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ว่า…แค่มีเธอ…ห้องที่มืดสลัวก็พลั้นสว่างไสว อากาศที่เคยมืดมนก็กลายมาเป็นอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานแสนสดชื่น
แม้ว่าเราจะพึ่งรู้จักกันไม่ถึงสามเดือน แต่ผมก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนของเธอ
และการที่เธอต้องทำงานมาอย่างหนักในสัปดาห์นี้…ผมควรที่จะปล่อยให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
แต่อย่างไรก็ตาม…ผมไม่สามารถสงบใจลงได้เลย
“…อา ให้ตายสิ หรือว่า…ผมจะ…”
ผมรู้สึกว่าห้องนั่งเล่นในวันนี้นั้นใหญ่เกินกว่าที่จะอยู่คนเดียวได้ ก่อนจะรู้ตัว…ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก…
แน่นอนว่าอีกฝ่ายคือ…
[…ว่าไง? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?]
“ขอโทษทีนะอาซานางิ นอนอยู่หรือป่าว?”
[ฉันพึ่งจะงีบไปน่ะ แล้วก็กำลังจะไปกินข้าวเย็น อีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลยยังนอนไม่ได้ด้วย…นายก็รู้นี่ว่าฉันนิสัยเหมือนคุณปู่]
“ก็จริงของเธอ…เห็นภาพเลยล่ะ”
[นี่ แล้วมีอะไรล่ะ? หายากนะที่นายจะโทรมาแบบนี้ เห็นปกติก็ส่งข้อความเอานี่นา หรือว่าภาพต้นแบบมีปัญหางั้นเหรอ?]
“เปล่าหรอก ไม่ใช่แบบนั้น…อืม…ผมแค่สงสัยว่า ถ้าผมปรับแต่งรูปเองคนเดียว มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม?”
ความจริงคือผมแค่อยากได้ยินเสียงของอาซานางิ ช่วงนี้ผมมีเธอคอยอยู่ข้างๆเสมอ…ดังนั้นในตอนนี้ผมจึงรู้สึกเหงานิดหน่อย
นั่นคือสิ่งที่ผมไม่มีทางพูดออกไปได้อย่างแน่นอน
[…อืม นั่นมันเหตุผลอะไรกันน่ะ?]
“นั่นเพราะว่า…เอ่อ…ผมรู้สึกไม่ค่อยดี…แต่เธอน่าจะง่วงนอนอยู่ใช่ไหม…”
ทำไมผมถึงประหม่าขนาดนี้?
ผมก็แค่อยากจะชวนเพื่อนให้「มาหาหน่อย」แค่นั้นเอง
“ก็คือว่า…เหมือนผมจะทำไม่ได้น่ะ…”
[อืม]
“ผมหมายถึง…เธอมาที่นี่…ตอนที่ทำภาพต้นแบบ…จะได้กินข้าว หรือเล่นเกมก็ได้นะ”
หากเป็นการส่งข้อความตามปกติก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ แต่พอคุยผ่านทางโทรศัพท์…ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง…สิ่งที่ผมต้องการบอกกับเธอกว่าครึ่งได้หายไป
[…แบบนี้นี่เอง มาเอะฮาระ…ตอนนี้นายคิดถึงฉันอยู่สินะ]
“ไม่ใช่นะ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย”
[ไม่ได้นะ~ ไม่ได้นะ~ ชัดเจนขนาดนี้นายยังจะทำมาเป็นปากแข็งอีกงั้นเหรอ? มาเอะฮาระ มากิ เป็นผู้ชายที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน อาซานางิ อุมิ คนนี้สินะ~]
“มะ-ไม่ใช่แบ…อา~ ให้ตายสิ ผมไม่น่าโทรหาเธอเลยจริงๆ…ก็ตามที่เธอบอกนั่นแหละ ผมกลัวว่าวันนี้ตัวเองจะต้องเหงาอยู่คนเดียวน่ะ”
[หื~ม? หื~ม?]
แม้ว่าผมจะเป็นคนโทรไปหาเธอเอง แต่ผมก็โดนเธอแกล้ง จนเผลอพูดผิดๆถูกๆ…ผมรู้สึกอายมากจริงๆ
ใบหน้าและแก้มของผมรู้สึกร้อนมาก
“ให้ตายสิ~ เธอจะให้ผมทำอะไรก็ได้ จะยอมทำทุกอย่างเลย แต่ว่า…เกี่ยวกับเรื่องนี้…อย่างน้อยก็อยากให้เธอช่วยเก็บเป็นความลับทีได้ไหม”
[ก็ได้~ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอมาเอะฮาระได้ไหม?]
“ก็ถ้าเธอขอ…อะไรนะ?”
แต่หลังจากนั้น อาซานางิก็พูดต่อทันที
[วันนี้ฉันขอไปที่นั่นได้ไหม? ฉันอยากไปเล่นกับมาเอะฮาระตอนวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนเดิมน่ะ]
“อือ…”
นี่ผมโดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวมาสักพักแล้วนะ
ผมคิดมาตลอดเลยว่า…ไม่ว่ายังไง…ผมก็คงไม่มีทางที่จะเอาชนะอาซานางิได้
“อืม…ผมไม่ว่าอะไรหรอก”
[ฮะๆ ขอบคุณนะ ฉันจะรีบไป…อ๊ะ อย่าลืมสั่งข้าวเย็นกับขนมมาเพิ่มด้วยล่ะ]
หลังจากพูดจบ อาซานางิก็วางสายทันที
เพราะคนที่เรากำลังพูดถึงคืออาซานางิ ดังนั้นเธอคงจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้แน่นอน
“อีกอย่าง…ผมควรโทรบอกแม่ดีไหมนะ…”
สุดท้ายวันนี้ก็กลายมาเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนกับทุกอาทิตย์ที่ผ่านมา…แต่ว่า…หัวใจของผมนั้นกลับกระสับกระส่ายมากกว่าปกติ…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ต้องขออภัยจริงๆที่วันนี้ลงช้าครับ มานั่งอึ้งกับช่วงท้ายตอนที่มาเอะฮาระคุงมันพูดไม่รู้เรื่องนี่แหละ จากกะว่าจะแปลแค่ครึ่งชม.ก็น่าจะเสร็จ ที่ไหนได้โดนไปเกือบ 2 ชม.ครับ
ปล2. คำผิดเช็คไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามีหลุดไปบ้างไหมนะครับ
ปล3. ตอนแปลรู้สึกมันหวานๆ แต่พอมาอ่านย้อนอีกทีทำไมมันสั้นๆห้วนๆจัง(ฮา)
ฝากด้วยนะครับ Durimtok Channel | Facebook
ขอบคุณที่ติดตามครับ