I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)
บทที่ 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)
ประมาณ 30 นาทีต่อมา อาซานางิก็เดินทางมาถึง ในตอนนี้เธออยู่ในชุดเสื้อฮู้ดขนาดใหญ่ หมวกแก็ป กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับตอนที่เราออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เห็นอาซานางิในสไตล์นี้ แต่ว่านะ…ผมคิดว่าไม่ว่าเธอจะใส่ชุดอะไร มันก็ดูดีไปทั้งหมดนั่นแหละ
“โย่”
“โย่ ยินดีต้อนรับ ผมสั่งพิซซ่าเพิ่มไปแล้วล่ะ แต่สั่งเหมือนเดิมนะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“อืม แต๊งกิ้วนะ อ๊ะ ฉันพึ่งรับโทรศัพท์จากมาซากิซังมา เธอบอกว่าถ้าลูกชายของเธอทำอะไรแปลกๆล่ะก็…เธอจะไล่นายออกจากบ้านล่ะ”
“แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหนน่ะ…เอาเถอะก็สมกับที่เป็นแม่ล่ะนะ”
คราวนี้ผมจะไม่ยอมพลาดแบบเดิมอีกแน่นอน ดังนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ผมบอกให้อาซานางิที่กำลังอ่อนเพลียมาที่นี่ ดังนั้นเธออาจจะเผลอหลับอีกก็เป็นได้…แต่ว่ารอบนี้เมื่อถึงเวลากลับบ้าน ผมจะปลุกเธออย่างแน่นอน
…และแน่นอนว่าผมไม่ได้มีแผนที่จะทำอะไรแปลก แล้วผมก็ไม่ได้อยากทำด้วย
“นี่ มาเอะฮาระ”
“หืม? อะไรเหรอ?”
“ป่าว~ แค่อยากเรียกเฉยๆน่ะ~”
“อะไรล่ะนั่น”
“ฟุฟุ”
ตั้งแต่ประตูหน้าบ้านเข้ามา อาซานางิก็มองมาที่ผมตลอดเวลาในขณะที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังแกล้งผมอยู่ บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ผมโทรไปหาเธอนั่นแหละนะ…
ถ้าเป็นอย่างนั้น…ผมก็คงจะต้องโดนเธอแกล้งไปอีกสักพัก
บ้าเอ้ย ผมไม่น่าโทรไปหาเธอเลยจริงๆ
ผมรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนขึ้นนิดหน่อย…
“~♪”
ไม่รู้ว่าทำไม แต่อาซานางิกำลังอารมณ์ดี เธอกำลังฮัมเพลงไปพร้อมๆกับจัดเตรียมโต๊ะอาหารและแก้วของตัวเอง
ผมน่าจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนะ…ผมได้แต่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้อาซานางิอารมณ์ดีขนาดนั้น…
“ถ้างั้นนายอยากจะทำงานก่อนหรือป่าว?…นายจะแปลงรูปนั่นเป็นภาพโมเสกสินะ”
“อะ-อืม พึ่งจะแปลงไฟล์ไปน่ะ…ก็เลยยังไม่ได้ปรับพวกสีตรงส่วนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ”
ผมยกเก้าอี้มาจากห้องนั่งเล่น ก่อนที่พวกเราจะเริ่มทำงานเคียงข้างกัน
“มาเอะฮาระ ขยับนิดนึงสิ”
“หือ? อะ-โอ้…”
เนื่องจากพื้นที่ทำงานในห้องของผมมีขนาดเล็ก ผมกับอาซานางิเลยต้องนั่งชิดกัน ดังนั้นใบหน้าของอาซานางิจึงอาจจะเข้ามาใกล้กับผมอย่างช่วยไม่ได้…แต่คราวนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เพียงแค่นั้น…
“…นี่ อาซานางิ”
“หืม~?”
“ถึงมันจะช่วยไม่ได้เพราะโต๊ะมันอาจจะเล็กไปหน่อย…แต่ทำไมเธอต้องเอาแขนมาจับแขนของผมด้วยล่ะ?”
“เอ๋~ โกหกน่า…เรื่องแบบนั้นไม่ใช่ว่านายจินตนาการไปเองหรอกเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยอธิบายเกี่ยวกับการที่แขนของเธอกำลังคล้องแขนของผมอยู่ในตอนนี้ทีได้ไหม?”
“ก็ได้ๆ ทั้งๆที่ฉันกำลังเซอร์วิสอยู่แท้ๆ…มาเอะฮาระนี่ขี้อายจริงๆเลยน้า~”
“เซอร์วิสแบบนั้นในเวลาแบบนี้อะนะ”
“ก็ใช่นะสิ? ถ้างั้นขอเก็บค่าบริการสามพันเยนจากการกอดเมื่อกี้ด้วยได้ไหม?”
“นี่คือเมดคาเฟ่ที่กำลังขูดรีดลูกค้าใช่ไหม?”
ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ดูเหมือนว่าวันนี้อาซานางิจะจงใจแกล้งผมด้วยวิธีสกินชิพเยอะเกินไปแล้วนะ
อย่างไรก็ตาม ผมขอให้อาซานางิหยุดกอดแขนของผมก่อน…ผมพยายามตั้งสติเพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถทำงานต่อไปได้
“มาเอะฮาระ ตรงนี้มีทั้งสีแดงกับสีดำเลย ทำยังไงดีล่ะ?”
“อืม~ ถ้าใช่สีแดงมันก็จะสว่างเกินไป แต่ถ้าใช้สีดำก็จะมืดไป ถ้างั้นใช้เป็นสีแดงเลือดหมูหรือไม่ก็สีม่วงน่าจะดูดีกว่านะ”
“กระป๋องที่มีสีแบบนี้เหรอ…กระป๋องของ Dr.Pepper ใช้ได้ไหมนะ? แต่ว่าร้านแถวๆนี้ก็ไม่มีขายด้วยสิ ถ้างั้นพวกเราสั่งออนไลน์แล้วเรียกเก็บเงินกับอาจารย์ยากิซาวะแล้วกะ…ไม่สิ ถามอาจารย์ก่อนน่าจะดีกว่า”
“ใช่ ทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ”
“เฮ้ เฮ้ นายจะให้ฉันพูดกับอาจารย์แบบนี้จริงหรอ?”
“ล้อเล่นน่ะ แต่วิธีซื้อน้ำผลไม้เองเพื่อเอากระป๋องเปล่านี่เอาไว้เป็นวิธีสุดท้ายเถอะนะ…แล้วอีกอย่าง…ฉันคิดวิธีไว้แล้วล่ะ”
“คิดไว้แล้ว? อย่าบอกนะว่าคนโดดเดี่ยวแบบมาเอะฮาระจะมีช่องทางการซื้อ…หรือว่า…ตลาดมืดงั้นเหรอ?”
“…นี่ตั้งใจหาเรื่องกันใช่มั้ย?”
คอนเน็คชั่นเดียวที่คนโดดเดี่ยวแบบผมมีอยู่
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปิดเผยมันออกมาแล้วสินะ….
—-ปิ๊งป่อง!
“สวัสดีค่ะ พิซซ่าร็อคเก็ตค้า~”
“ขอบคุณครับ นี่ค่าพิซซ่าครับ”
“โอ้ ยินดีให้บริการค่ะ”
คนที่มาส่งพิซซ่าที่ผมสั่งไว้ก็คือพี่สาวที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้าน
ผมไม่รู้จักชื่อเธอ แต่เธอน่าจะเป็นคนที่คอยรับออเดอร์ทางโทรศัพท์
“เอ่อคือ ขอโทษที่รบกวนนะครับ แต่ผมมีอะไรจะสอบถามนิดหน่อยน่ะครับ”
“??”
หลังจากการเจรจากับพี่สาวที่มาส่งพิซซ่า เธอก็ตัดสินใจกลับไปนำกระป๋องเปล่าจากที่ร้านมาหลายสิบกระป๋องและส่งมาให้ผม
แม้ว่าร้านพิซซ่าที่นี่จะเป็นร้านแฟรนไชส์ แต่ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มและเมนูเครื่องเคียงมากกว่าร้านอื่นๆ ผมก็เลยคิดว่าที่ร้านนี้น่าจะมีกระป๋องเปล่าที่มีสีตามที่เราต้องการ และผมรู้สึกดีใจที่คิดไม่ผิด
“อามุ~…ถ้างั้น นี่แสดงว่าเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องวัสดุได้แล้วใช่ไหมนะ…ไก่ชิ้นนี้ฉันขอนะ”
“อ๊ะ! นี่…เหลือแค่ซื้ออุปกรณ์อื่นๆที่ร้านโฮมมาร์ทอีกนิดหน่อยน่ะ…ขอมันฝรั่งบดมาแทนแล้วกัน”
“เฮ้…นี่นายไม่เคยจำเรื่องที่แม่นายสอนเลยรึไงว่าไม่ควรเอาของของคนอื่นไปน่ะ?”
“ผมแค่เอาของตัวเองคืน แล้วอีกอย่าง…เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ”
“? เอ๋? ฉันเคยทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”
“ลืมสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะทำลงไปเนี่ยนะ…ข้อแก้ตัวของเธอนี่แย่ยิ่งกว่าพวกนักการเมืองอีกนะ”
ผมกับอาซานางิกำลังกินของที่เราสั่งมาพร้อมๆกับแย่งชิงเมนูเครื่องเคียงของกันและกัน
แน่นอนว่าพวกเรารู้ดีว่าการทำแบบนี้คือสิ่งที่เรียกว่านิสัยไม่ดี…แต่พอพวกเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ
ผมรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันช่วยทำให้กินข้าวอร่อยขึ้นเยอะเลย
“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ~ เอาล่ะตอนนี้ก็เติมพลังเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นทำงานกันต่อเลยดีไหม?”
“เล่นเกมกันเถอะ”
“เอางั้นเหรอ?…จัดไปสิครับ”
ยังเหลืองานอีกนิดหน่อย แต่ทำคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามอาซานางิก็มา…ไม่สิ ผมคิดว่าดีแล้วล่ะที่ชวนเธอมาที่นี่…ถึงจะมีเรื่องโทรศัพท์ที่น่าอายนั่นเกิดขึ้นด้วยก็เถอะนะ
“…อ๊ะ มีช่องว่าง!”
“!? เสร็จกัน…”
ในขณะที่ผมกำลังจะวางกับดักให้อาซานางิเข้ามาติดกับเหมือนทุกที…รู้ตัวอีกที อาซานางิก็ชนะไปแล้ว
“เย้~! ทำได้แล้ว~! ในที่สุดฉันก็ชนะมาเอะฮาระในโหมดเอาจริงได้แล้ว~!”
“หึหึ…แค่เผลอหรอกนะ”
ในตอนที่ผมประมาทและไม่ทันระวังตัว ผมก็ติดกับดักของอาซานางิเข้าเต็มๆ ก่อนที่จะถูกทำให้กลายเป็นรังผึ้ง
“อาซานางิ มาเจอกันอีกที!”
“โอ้? ฟุฟุ นี่คือสารท้ารบสินะ…ก็ได้ มาเจอกันหน่อย”
“จะเอาจริงแล้ว…ครั้งต่อไปจะชนะให้ดู”
“อาฮะ มันจะเป็นชัยชนะครั้งที่สองของฉันต่างหาก”
แน่นอนว่าหลังจากนั้นผมสามารถรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้โดยไม่ปล่อยให้อาซานางิชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทักษะการเล่นของอาซานางินั้นสูงกว่าตอนที่เธอเล่นกับอามามิซังมาก
ผมคิดว่าอาซานางิคงจะฝึกมาอย่างหนักเลยทีเดียว
แม้ว่าอาซานางิจะไม่มีพรสวรรค์เหมือนกับอามามิซัง แต่เธอก็เลือกที่จะทำงานหนักเพื่อเพิ่มความสามารถในสิ่งที่เธอต้องการไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างมั่นคง
นั่นคือความสามารถของผู้หญิงที่ชื่ออาซานางิ อุมิ ใช้มาเสมอ…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องเกม หรือเรื่องอะไรก็ตาม
“ฟู่~ วันนี้ก็สนุกเหมือนเดิม…ดูเหมือนจะยังพอมีเวลาเหลือนะ เธออยากทำอะไรไหม? เล่นอีกเกมไหม หรือว่าอยากจะดูหนังสักเรื่องนึง?”
“อา~ อืม…นั่นสิน้า~…อือ~…”
“? อาซานางิ?”
ผมหันไปมองอาซานางิที่นั่งอยู่ข้าง ในขณะที่จอยคอนโทรลเลอร์ยังอยู่ในมือ อาซานางิก็เอียงตัวมาซบบนไหล่ของผม ใบหน้าของเธอดูง่วงมากจริงๆ
ในตาสุดท้ายที่เราเล่นกัน มีอยู่ช่วงนึงที่ตัวละครของอาซานางินิ่งไป ตอนแรกผมคิดว่าเธออาจจะเผลอเสียสมาธิ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นขีดจำกัดของเธอล่ะนะ
“อาซานางิ เธอง่วงนอนหรือป่าว?”
“อะ-อืม…เหมือนพลังงานจะหมดแล้วน่ะ…ฟุหวา~” (TL: เสียงหาวครับ)
“ถ้างั้นก็อย่าฝืน…เธอไปนอนพักที่โซฟาก่อนก็ได้ เดี๋ยววันนี้ผมจะเป็นคนไปปลุกเธอเองตอนถึงเวลากลับบ้าน”
“อือ ถ้างั้นขอยืมผ้าห่มของมาเอะฮาระหน่อยสิ”
“นี่กะนอนยาวเลยรึไง…เอาเถอะ ไม่เป็นไร…เดี๋ยวไปเอามาให้นะ”
ผมเดินไปหยิบผ้าห่มจากบนที่นอนมาห่มให้อาซานางิที่นั่งอยู่บนโซฟา
“เฮะๆ…อืม อุ่นมากเลยล่ะ เหมาะกับคืนที่อากาศหนาวแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ”
อาซานางิที่กำลังถูกห่อด้วยผ้าห่ม มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาจนดูเหมือนกับหนอนผีเสื้อ ผมไม่เคยเห็นผ้าห่มราคาถูกที่ไหนในโลกที่น่าดึงดูดใจขนาดนี้มาก่อน…อ่า…แค่เธอชอบมันก็ดีแล้วล่ะนะ
“ดีละถ้าอย่างนั้นผมจะมาปลุกในอีกสามสิบนาทีนะ ตอนนี้ผมว่าจะไปทำงานต่ออีกหน่อย–”
“มาเอะฮาระ เดี๋ยวสิ”
ในตอนที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปทำงานต่อให้เสร็จในระหว่างที่อาซานางิกำลังนอนหลับ มือของอาซานางิก็ดึงชายเสื้อของผมไว้ก่อน
ทั้งๆเธอน่าจะง่วงนอนมากแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมือของเธอก็จับชายเสื้อของผมไว้ไม่ยอมปล่อย
“…ช่วยปล่อยหน่อยได้ไหม”
“ฉันอยากให้นายอยู่ตรงนี้นี่นา”
“ทำไมล่ะ?”
“ไม่ได้หรอ?”
“เอาแต่ใจจริงนะ…เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
หลังจากคิดสักพัก ผมก็นั่งลงบนโซฟาอีกครั้งข้างๆอาซานางิ
ดูเหมือนวันนี้อาซานางิจะค่อนข้างเอาแต่ใจกว่าปกติ แต่ในเมื่อผมเป็นคนขอให้เธอมาหา…ดังนั้นผมเลยคิดว่าถ้าตามใจเธอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
“เอะเฮะๆ ขอบคุณนะมาเอะฮาระ…มาเอะฮาระใจดีจัง~”
“…อะไรล่ะนั่นน่ะ ต่อให้ชมขนาดไหนก็ไม่มีอะไรให้หรอกนะ”
“ฉันไม่ต้องการมันสักหน่อย…ขอแค่นายอยู่ตรงนี้ ฉันก็พอใจแล้วล่ะ”
“ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ…แต่ถ้าอาซานางิพอใจก็ดีแล้วล่ะ”
“อือ ดีแล้วล่ะ…อ๊ะ ขอจับมือด้วยได้มั้ย?”
“ค่าบริการสามพันเยนครับ”
“ขูดรีดไปแล้ว!”
“แค่เอาคืนน่ะ”
“นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นผู้ชายน่ะ”
ในขณะที่พูดแบบนั้น อาซานางิและผมก็จับมือกันด้วยท่าท่างเป็นธรรมชาติ
เพราะอยู่คนเดียวมานานก็เลยเหงา? หรือเพราะต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน? ทำไมผมถึงทำแบบนี้? ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
บางที…ผมไม่ควรทำเรื่องแบบนี้กับเพื่อนของตัวเอง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น…เมื่อผมมองไปที่อาซานางิ ผมก็รู้สึกอยากทำแบบนี้ไปโดยไม่รู้ตัว
ผมรู้สึกอบอุ่นตรงบริเวณหน้าอก ผมสงสัยว่าความรู้สึกนี่มันคืออะไร
—-ปิ๊งป่อง!
“มาเอะฮาระ มีแขกมาหรอ?”
“อะ-อืม ใครกันนะที่มาเวลานี้…หรือว่าพี่คนส่งพิซซ่าลืมอะไรไว้…ขอไปดูแปบนึงนะ”
ผมปล่อยมือที่จับกับอาซานางิก่อนที่จะเดินไปกดปุ่มบนเครื่องอินเตอร์คอม
หากคุณอาศัยอยู่ในคอนโด อาจจะมีคนกดหมายเลขห้องผิดบ้างเป็นบางครั้ง หรือบางทีก็เป็นใครก็ไม่รู้มากดเรียก…ดังนั้น ถ้าคุณเจอคนที่ไม่รู้จัก คุณควรจะทำเป็นไม่สนใจ และอย่าเปิดประตูเด็ดขาด
“–สวัสดิ์ดีตอนเย็นนะ มากิคุง ขอโทษนะมากวนตอนดึกนะ”
“อะ……”
รูปลักษณ์ของผู้มาเยือนที่สะท้อนผ่านกล้องบนหน้าจออินเตอร์คอมทำให้ภายในหัวของผมว่างเปล่าไปพักนึง
ทำไม…เธอถึง…มาที่บ้านของผมในเวลานี้กัน…
“ขอโทษนะมากิคุง…อุมิ…อยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?”
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ยังไม่ได้เช็คคำผิดครับ
ปล2. ข่าวดีคือเสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่อยู่ครับ
ปล3. ขอให้โชคดีนะครับทุกท่าน
Durimtok Channel | Facebook
ขอบคุณที่ติดตามครับ