I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 5 – เด็กสาวที่ชื่อว่า อาซานางิ อุมิ
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 5 – เด็กสาวที่ชื่อว่า อาซานางิ อุมิ
บทที่ 5 – เด็กสาวที่ชื่อว่า อาซานางิ อุมิ
หลังจากต้อนรับอาซานางิซังที่มาถึงช้ากว่าปกติเล็กน้อย เราก็กำลังนั่งดูหนังที่เธอเช่ามาพร้อมกับทานอาหารเย็นที่เราแต่ละคนซื้อมา
ตามที่เธอเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ อาซานางิซังเช่าหนังปลาฉลามมา
ชื่อเรื่องว่า 『สยอง! ฉลามเทวดาแห่งความกลัว! (ชื่อเดิม: Angel Shark)』…หน้าปกของแผ่นซีดีมีภาพฉลามกินคนที่มีปีกนางฟ้าทำท่าว่ากำลังโฉบลงมาจากท้องฟ้าเพื่อโจมตีผู้คนที่อยู่ด้านล่าง
“…อะไรวะเนี่ย!!”
กลิ่นอายของหนังเกรด B แผ่รังสีออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เธอชอบดูหนังแบบนี้งั้นเหรออาซานางิซัง?”
“ไม่หรอก ฉันชอบดูหนังแนวสิ่งลี้ลับกับแนวระทึกขวัญมากกว่า”
“แล้วทำไมถึงเช่าเรื่องนี้มาล่ะ?”
นอกจากนี้ เห็นได้ชัดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ออกใหม่ ดังนั้นค่าเช่าจึงน่าจะสูงกว่าปกติ
“ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเราจะมานั่งหัวเราะไปกับหนังห่วยๆแบบนี้ แทนที่จะต้องไปดูหนังแบบจริงจัง”
อาซานางิซังมีบรรยากาศที่ต่างไปจากตอนที่อยู่ในโรงเรียนเป็นอย่างมาก
ที่ชั้นเรียน ฮาซานางิซังเป็นนักเรียนที่โดดเด่น เป็นนักเรียนที่จริงจัง มีผลการเรียนดีเยี่ยมและยังมีความสามารถทางด้านกีฬา และเธอยังอยู่ในกลุ่มของอามามิซังที่เป็นศูนย์กลางของห้องอีกด้วย
แต่อาซานางิซังในตอนนี้…
[ช่าาาาาา!]
[กว๊าาาาาาา!]
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ล้อกันเล่นใช่ไหม!! ฉลามบินไล่กัดคนใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น สุดยอดไปเลย!”
…กำลังนั่งอยู่บนพื้น ยัดมันฝรั่งทอดเข้าปากในขณะที่ดูหนังเกรด B พร้อมกับหัวเราะอย่างโง่เง่า เธอดูราวกับเป็นคนละคนกับที่โรงเรียนอย่างสิ้นเชิง
“เป็นอะไรไป มาเอะฮาระ? ตามเนื้อเรื่องทันใช่ไหม?”
“ก็นะ นอกเหนือจากเนื้อเรื่องแล้ว พวกเขาคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างหนังเรื่องนี้…”
“ใช่ไหมล่ะ? พยายามที่จะใส่เรื่องงี่เง่าพวกนี้เข้าไปในหนัง นี้มันสุดยอดไปเลย!”
อาซานางิซังที่ยิ้มอย่างเย็นชาในชั้นเรียน และอาซานางิซังที่หัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมกับปรบมือไปด้วย
ผมน่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่โชคดีพอที่จะเห็นตัวเธอทั้งสองด้าน แต่นั่นทำให้เกิดคำถามบางอย่างขึ้นมาในหัว…
“อืม~~ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบไปเที่ยวกับยูและเพื่อนคนอื่นๆหรอกนะ หมายถึงว่า…เพราะฉันชอบ ดังนั้นฉันถึงไปเที่ยวกับพวกเขาบ่อยๆยังไงล่ะ”
“…ทำไมอยู่ดีๆถึงกลายมาเป็นพูดถึงเรื่องนี้ได้ล่ะ?”
“หืม? ฉันหมายถึง สีหน้าของมาเอะฮาระดูเหมือนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่างอยู่น่ะ”
ผมไม่แน่ใจว่าควรถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีไหม แต่ดูเหมือนอาซานางิซังจะอ่านความคิดของผมออกราวกับอ่านหนังสือ
“บุคลิกของอาซานางิซังตอนอยู่ที่นี่ กับตอนอยู่ที่โรงเรียนแตกต่างกันมาก ผมก็เลยสงสัย…”
“ฉันจำเป็นต้องสวมบทบาทแบบนั้น นายก็เห็นใช่ไหม? ทุกคนตามใจยูกันหมด ดังนั้นต้องมีคนคอยควบคุมพวกเขา ไม่งั้นเดี่ยวมันจะเกิดเรื่องยุ่งน่ะ”
บทสนทนาในชั้นเรียนโดยปกติ จะเริ่มจากอามามิซังเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องตลกพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริง ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆก็จะเข้ามามีส่วนร่วม หลังจากนั้นพอพวกเขาเริ่มเอะอะกันเยอะเกินไป อาซานางิซังก็จะเข้ามาแทรกแซงในจังหวะนั้น
หากปราศจากอาซานางิซังที่ทำหน้าที่เป็นคนคอยควบคุม บทสนทนาก็จะไม่สามารถควบคุมได้ และจะค่อยๆสูญเสียโมเมนตัมแล้วก็จะหลุดประเด็นไป จนในที่สุดก็จะถูกแทนที่ด้วยความเงียบที่น่าอึดอัดใจ ผมเรียนรู้สิ่งนี้จากประสบการณ์ของผมที่คอยสังเกตพวกนักเรียนที่เรียกกันว่า 『ชนชั้นสูง』จากมุมห้อง
“ฉันไม่ได้รังเกียจบรรยากาศแบบนั้นหรอกนะ สำหรับฉัน ฉันต้องการให้คนอื่นมองว่าฉันเป็นคนร่าเริง มากกว่าที่จะถูกมองว่าเป็นคนมืดมนน่ะ”
“แต่ว่านะ… อาซานางิซังกำลังฝืนผลักดันตัวเองอยู่…ใช่ไหมล่ะ?”
“ก็นะ”
หลังจากพยักหน้า อาซานางิซังก็จิบโค้กของเธอ ดวงตาของเธอจดจ่ออยู่กับหน้าจอทีวี
“อย่างที่ฉันบอกไป การได้พูดคุยและออกไปเที่ยวเล่นกับยูและคนอื่นๆเป็นเรื่องสนุก แต่ฉันก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสามารถตามทุกคนได้ทัน…ต้องทำบทสนทนาให้ไหลลื่น…คอยชักนำเรื่องราวเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ… บางทีก็รู้สึกหนักใจเหมือนกันนะ…มีหลายครั้งที่จู่ๆฉันก็คิดขึ้นมาว่า 『ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย』”
แม้ว่าอาซานางิซังจะดูผ่อนคลายเกือบตลอดเวลา แต่เธอคงมีเรื่องมากมายในใจ
นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมองหาสถานที่ที่เธอจะสามารถผ่อนคลายได้โดยไม่ต้องกังวลกับการรักษาภาพลักษณ์
“ฉันรู้ว่าการแนะนำตัวของนายอาจจะเป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน แต่เพราะความซื่อตรงของมาเอะฮาระทำให้ฉันกล้าที่จะเข้ามาติดต่อกับนาย และได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน ฉันอาจจะเหนื่อยกับการต้องอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ไม่เคยชินกับการอยู่คนเดียว…”
“ผมเข้าใจ…แม้ผมจะอยู่คนเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมชอบที่จะเป็นหมาป่าเดียวดายซะหน่อย”
สถานการณ์ของผมนั้นแตกต่างกับอาซานางิซัง แม้ผมจะเล่นเกมหรืออ่านมังงะเพื่อฆ่าเวลา แต่ในบางครั้งผมก็จะรู้สึกหดหู่ใจ พลางคิดสงสัยว่า『นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย』
“ถ้าอย่างนั้น เราก็คงมีอะไรบางอย่างที่คล้ายๆกัน แต่ว่านะ ตอนนี้น่ะ…ฉันขอแค่ได้หัวเราะไปกับหนังปลาฉลามงี่เง่าพร้อมกับกินอาหารขยะในวันหยุดสุดสัปดาห์..แค่นี้ก็พอแล้ว”
“เห็นด้วยเลย”
เราเคยอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่กี่ครั้ง แต่ผมก็รู้สึกเหมือนว่าจะได้รู้จักอาซานางิซังดีขึ้นนิดหน่อย
ปกติแล้วอาซานางิซํงเป็นคนสุดเท่ที่คอยดูแลทุกคน แต่เมื่อเธอละทิ้งบทบาทนั้นไป เธอก็กลายเป็นเด็กสาวธรรมดาแสนร่าเริง ที่ชอบป่วนไปทั่วและทำท่าทางเลอะเทอะนิดหน่อย
ตอนนี้ผมรู้สึกได้ใกล้ชิดเธอมากขึ้น
“นี่…อาซานางิซัง”
“อะไรเหรอ?”
“คราวหน้าฉันขอเป็นคนเลือกหนังได้ไหม?”
“อยากดูหนังจระเข้หรอ?”
“….ขอเถอะ หยุดดูหนังแนวนี้กันสักพักแล้วกันนะ โอเคไหม?”
วันศุกร์สุดสัปดาห์ผ่านไป ในขณะที่ผมกับอาซานางิซังวางแผนสำหรับการเจอกันครั้งต่อไป
อีกอย่างนะ หนังปลาฉลามก็สนุกดีเหมือนกัน…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ตอนสุดท้ายของวันนี้แล้วครับ ตอนแรกอยากจะลงอีกสักตอน แต่เจอบทนี้เข้าไป ขอพักก่อนแล้วกันครับ ฮาฮา
ยังไงก็ฝากติชมกันด้วยครับ อยากให้ปรับปรุงแก้ไขอะไรสามารถแจ้งมาได้เลย
สุดท้ายนี้ก็ฝาก Durimtok Channel | Facebook ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยครับ