I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 54
ย้อนเวลากลับไปเล็กน้อยในตอนที่ผมกับอาซานางิกลับไปเจอกับอามามิซัง
“…อุมิ เธอจะทำแบบนี้จริงๆหรอ?”
“อืม ฉันคิดว่านี่เป็นทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ”
การตัดสินใจของอาซานางิก็คือพวกเราจะเว้นระยะห่างและเธอจะไม่ได้มาเล่นที่บ้านของผมในช่วงสุดสัปดาห์ไปสักพัก
ตั้งแต่อาซานางิมากล่าวขอโทษกับอามามิซัง อามามิซังก็บอกว่าเธอไม่ได้โกรธอะไรแล้ว และอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไป และเธอก็จะไม่ว่าอะไรหากอาซานางิต้องการที่จะมาเล่นที่บ้านผมเหมือนปกติ
แต่อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของอาซานางิก็ยังคงแน่วแน่
“อุมิ เธอไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้สักหน่อย ครั้งนี้เป็นฉันที่โง่เองเลยเผลอทำร้ายอุมิไปโดยไม่รู้ตัว”
“ยูไม่ได้โง่หรอก เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากความโง่ของฉันต่างหาก เพราะฉันเอาแต่เก็บเรื่องต่างๆไว้คนเดียว ทั้งปิดบัง ทั้งโกหก ฉันคิดว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อยู แต่ความจริงฉันไม่เคยเชื่อใจเธอเลย ทั้งๆที่เรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอแท้ๆ”
ถ้าหากในตอนนั้น…ตอนที่อาซานางิพบว่าเพื่อนทั้งสองคนของเธอโกหกเธอ หากอาซานางิตัดสินใจคุยเรื่องนั้นกับอามามิซังทันที ทั้งสี่คนก็อาจจะสามารถแก้ปัญหานี้ร่วมกันได้
สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ หากมีความบิดเบี้ยวเกิดขึ้นและเราไม่ได้รีบแก้ไขความบิดเบี้ยวนั้น และเมื่อเวลาผ่านไปความบิดเบี้ยวมันก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเราจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวไปแล้วก็จะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
เหมือนกับอดีตเพื่อนทั้งสองคนของอาซานางิ…และบางทีอาจจะรวมถึงอามามิซังด้วย
แต่จากที่ผมได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น…ผมจึงเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดและคิดว่าครั้งนี้ผลคงไม่ออกมาเป็นแบบนั้น
“แบบนี้จะดีเหรอมากิคุง? อุมิเป็นคนจริงจังนะ อุมิบอกว่าจะไม่ไปเล่นกับมากิคุงสักพัก มันอาจจะนานเป็นเดือนหรือสองเดือน…หรือบางทีอาจจะนานกว่านั้นก็ได้นะ”
“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น…ถึงจะพึ่งรู้จักกับอาซานางิมาได้ไม่นานแต่ผมเข้าใจถึงความดื้อของเธอเป็นอย่างดีเลยล่ะ”
ถึงผมกับอาซานางิจะไม่ได้กำหนดเวลาที่จะไม่มาเล่นด้วยกันว่านานขนาดไหน แต่ถ้าดูจากนิสัยของอาซานางิมันก็คงจะค่อนข้างนานล่ะนะ
เพราะว่าผมเคยมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกับอาซานางิมาก่อน และแน่นอนว่าหลังจากนี้มันคงจะรู้สึกเหงา
“ถ้าเป็นแบบนั้น…มากิคุยก็ยังจะยอมให้อุมิทำแบบนี้อีกงั้นหรอ?”
“ใช่ ผมเคารพการตัดสินใจของอาซานางิ”
“งั้นเหรอ…”
หลังจากยืนยันว่าความตั้งใจของผมและอาซานางิจะไม่เปลี่ยนแปลง อามามิซังก็พูดต่อ
“ทั้งมากิคุง ทั้งอุมิ…พวกเธอสองคนนี่โง่จริงๆ”
ผมไม่สามรถที่จะแย้งอะไรได้เพราะตัวผมเองก็คิดเหมือนกัน ทั้งๆที่อามามิซังบอกว่า「ให้อภัย」พวกเราแล้ว แต่พวกเรากลับบอกเธอว่า「อย่าให้อภัย」พวกเรานะ
“ขอโทษนะยู แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ ฉันจะไม่ยอมเป็น「เพื่อนสนิท」แต่ปากอีกต่อไปแล้ว…แต่จะเป็น「เพื่อนที่เท่าเทียม」กับยูจริงๆ”
“อุมิ….”
ต่างจากอามามิซัง ผมคิดว่าบางทีอาซานางิอาจจะยังไม่ได้เชื่อใจอามามิซังอย่างสนิทใจจริงๆ เพราะแบบนั้นเธอถึงไม่ยอมหยิบยกปัญหาเรื่องของโฮโจซังกับนิโทริซังขึ้นมาพูดเลย
“นี่ยู”
“อะไรเหรอ?”
“ฉันนี่มันแย่จริงๆ ทั้งดื้อรั้น แถมยังโง่ มีปมด้อย แล้วก็ดูถูกยูมาตลอด…ตัวฉันที่เป็นแบบนี้ เธอยังอยากเป็นเพื่อนกับฉันอยู่ไหม?”
อาซานางิพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะได้กลายมาเป็น「เพื่อนสนิท」ที่แท้จริงของอามามิซัง ดังนั้นเธอจึงเปิดเผยถึงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองออกมา
“เพื่อน?…ไม่ใช่เพื่อนสนิทงั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยกลายมาเป็น「เพื่อนสนิท」ที่มีความเท่าเทียมกัน…แต่ถ้าจู่ๆก็กลายเป็น「เพื่อนสนิท」ทันทีเลยโดยไม่ได้เป็นเพื่อนธรรมดากันมาก่อนมันจะไม่แปลกหรอ?”
เพื่อการนั้น เวลาที่อาซานางิใช้กับผมในช่วงเย็นจะถูกนำไปให้กับอามามิซังทั้งหมด เพื่อที่จะได้แก้ไขความสัมพันธ์ของทั้งสองคน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่อาซานางิจะไม่มาเที่ยวเล่นที่บ้านของผมในช่วงนี้
“…อุมิ นี่เธอเอาจริงใช่ไหม?”
“อือ ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก…อย่างแน่นอน”
อาซานางิตอบโดยไม่ละสายตาไปจากอามามิซัง ในที่สุดอามามิก็ถอนหายใจออกมาก ดูเหมือนว่าความมุ่งมั่นของอาซานางิจะไม่สั่นคลอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“เข้าใจแล้ว ถ้าอุมิพูดอย่างนั้น ฉันเองก็จะจริงจังเหมือนกัน…อุมิจะเป็นเพื่อนแท้ของฉันตั้งแต่นี้ไป”
“ยู…ขอบคุณนะที่ยอมฟังความเห็นแก่ตัวของฉัน”
“อือ จากนี้ไปอุมิก็สามารถพึ่งพาฉันได้มากเท่าที่เธอต้องการเลยนะ ส่วนฉันที่พึ่งพาอุมิมาจนถึงตอนนี้ ฉันเองก็จะตอบแทนให้อุมิด้วย”
ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันแล้วจับมือกันแน่น
นี่ก็คงเป็นการเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้นสินะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่สิ…ผมมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นอาซานางิหรือว่าอามามิซัง สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือความห่วงใยซึ่งกันและกัน
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ผลจากการตกลงกันของทั้งสามคนได้ตกลงกันว่า อาซานางิกับอามามิซังจะพากันออกไปเที่ยวเล่นในทุกๆสุดสัปดาห์
“นี่อุมิ วันนี้ไปไหนกันดี? เธอมีที่ที่อยากไปไหม?”
“งั้นก็ไปที่อาร์เคดกันเถอะ มีเกมที่อยากเล่นพอดีเลย”
เมื่อแอบฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองคนตอนที่อยู่ในห้องเรียน ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเธอตกลงกันว่าจะไปเที่ยวเล่นกันที่เกมเซนเตอร์ อามามิซังที่ปกติจะมีคนจำนวนมากต้องการชวนเธอออกไปเที่ยวเล่น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะทำการยกเลิกนัด และปฏิเสธคำเชิญทั้งหมดไปเพราะต้องการให้ความสำคัญกับอาซานางิในวันนี้
“เห~ หายากนะเนี่ย มันเป็นเกมแบบไหนหรอ?”
“เกมเพิ่มเหรียญน่ะ”
“เพิ่ม? ปกติถ้าเล่นเกมเหรียญมันต้องลดลงไม่ใช่หรอ??”
อามามิซังเอียงศีรษะอย่างสงสัย ดูเหมือนว่าอาซานางิกำลังวางแผนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอทีละเล็กทีละน้อย แต่เกมแข่งม้าอาจจะเกินไปหน่อยนะ
[ มาเอะฮาระ ] : อาซานางิ
[ อาซานางิ ] : ฉันรู้แล้วน่า
[ อามามิ ] : อะไรอะไร? กำลังพูดเรื่องอะไรกันน่ะ?
[ มาเอะฮาระ ] : อามามิซัง มีเพียงคุณเท่านั้นที่ผมไว้ใจ ถ้าอาซานางิไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ผมขอให้คุณยึดเหรียญของเธอมาซะ
[ อามามิ ] : ? อือ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าฉันเห็นว่ามันอันตรายฉันจะทำตามที่บอกแล้วกันนะ
[ อาซานางิ ] : นี่พวกเธอสองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ? ฉันควบคุมตัวเองได้อยู่แล้ว
[ มาเอะฮาระ ] : พวกผีพนันทุกคนก็พูดแบบนี้แหละ
[ อามามิ ] : ?? นี่พวกเธอสองคนกำลังพูดถึงอะไรกันแน่เนี่ย~!
หลักจากเรื่องนั้นผ่านไป อามามิซังก็ได้เข้าร่วมกลุ่มแชทที่ปกติจะมีเพียงสองคนมาจนถึงตอนนี้ และเวลามีเรื่องอะไรที่พวกเราต้องคุยกันก็จะใช้แชทกลุ่มนี้ในการสื่อสาร
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าห้ามมีการคุยกันแบบส่วนตัว ดังนั้นผมก็ยังสามารถพิมพ์ตอบโต้กับอาซานางิเพียงสองคนได้เหมือนเดิม แต่ในตอนนี้ส่วนมากเราจะใช้กลุ่มนี้ในการพูดคุยกันเป็นส่วนใหญ่
[ มาเอะฮาระ ] : ถ้างั้นผมกลับบ้านก่อนนะ
[ อามามิ ] : อือ ขอบคุณที่เหนื่อยนะ มากิคุง
[ อาซานางิ ] : โอซึคาเร (ขอบคุณที่เหนื่อยนะ)
ผมแอบอ่านข้อความ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านคนเดียวเหมือนปกติ
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่โดดเดี่ยวหลังจากที่ห่างหายไปนาน
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
“…นะ หนาวสุดๆ เครื่องทำความร้อนก็มาพังซะหมดเลย”
แม่น่าจะแจ้งซ่อมไปแล้ว แต่อย่างไวช่างก็น่าจะมาภายในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นก็แสดงว่าอย่างน้อยก็ต้องทนหนาวไปก่อนในคืนนี้
ผมทำการเตรียมกาแฟร้อนๆ และนำผ้าห่มออกมาจากห้องนอน หากผมทำการเปลี่ยนชุดเป็นชุดสเวตเตอร์และห่มทับด้วยผ้าห่มก็คงจะไม่ต้องกลายเป็นน้ำแข็งตอนที่นั่งเล่นอยู่ในห้อง
“ซุซุ…ฟู~”
ในขณะที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มพร้อมกับจิบกาแฟร้อนๆ ผมก็รู้สึกผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าจะสามารถอยู่แบบนี้ได้จนกว่าจะถึงเวลาอาบน้ำล่ะนะ
ที่เหลือก็แค่ข้าวเย็น ผมจึงตัดสินใจว่าจะสั่งซุปร้อนที่ปกติไม่เคยสั่งมาก่อน
“สวัสดีครับ มาเอะฮาระเองครับ”
“อ๊ะ สวัสดีค่า~ วันนี้รับเหมือนเดิมใช่ไหมค่ะ?”
“ใช่ครับ เอ่อ…แล้วก็ขอซุปข้าวโพดเพิ่มด้วยครับ”
“ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ~ อ๊ะ วันนี้ทางร้านพนักงานคนไม่ค่อยพอ ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในจัดส่งนานสักหน่อยนะคะ”
“อา ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ครับ”
“ขอบคุณมากค่า~ ถ้าอย่างนั้นทางร้านจะให้พนักงานที่ไปส่งประจำเป็นคนจัดส่งให้นะคะ”
หลังจากสั่งเรียบร้อย สิ่งที่ผมต้องทำก็คือรอให้พิซซ่ามาส่ง
“เอาล่ะ คราวนี้ก็…”
ผมคิดอยู่สักพักว่าจะทำอะไรต่อดี ก่อนจะตัดสินใจเล่นเกมเหมือนทุกที ก่อนหน้านี้ผมเอาแต่เล่นกับอาซานางิที่กำลังหัดเล่น ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเล่นแบบออนไลน์เป็นครั้งแรกหลังจากไม่ได้เข้ามานาน
“ซึ แย่แล้วสิ ทำพลาดซะได้…อ๊ะ ตายแล้ว”
ทักษะในการต่อสู้ของผมลดลง อาจจะเป็นเพราะผมอยู่ห่างจากสนามรบมานานเกินไป เพราะตลอดสามเดือนที่ผ่านมาผมเอาแต่แกล้งอาซานางิดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ฝีมือจะตกลงไป
“…เลิกเล่นดีไหมนะ”
โดยปกติผมจะเล่นจนลืมเวลาไปเลย แต่ตอนนี้หลังจากที่แพ้ติดต่อกันสิบตารวดผมก็ปิดเครื่องเล่นเกม ก่อนจะเดินเข้าห้องไปหยิบมังงะมาอ่าน
นี่เป็นมังงะเรื่องโปรดของผม ปกติผมสามารถอ่านมันในเวลาว่างๆซ้ำไปซ้ำมาได้ไม่มีเบื่อ
“อื~ม…รู้สึกแปลกๆแฮะ”
แต่หลังจากผมเปิดอ่านไปได้สองสามหน้า ผมก็ปิดหนังสือ
หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจทำอย่างอื่น แต่ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม และสุดท้ายผมก็เลือกลงไปนอนบนโซฟาพร้อมกับฟังเพลงบนทีวีไปด้วย
สิ่งที่ผมทำก็เหมือนปกติที่เคยทำมาตลอด และผมก็ควรจะสนุกไปกับมันสิ
แน่นอนว่าสาเหตุนั้นผมรู้อยู่แล้วล่ะ
“…นี่มันแตกต่างจากปกติเพราะไม่มีอาซานางิอยู่ด้วยใช่ไหม?”
เนื่องจากช่วงนี้จะไม่มีอาซานางิมาอยู่ข้างๆ ตอนแรกผมคิดว่าจะได้ผ่อนคลายและสนุกกับการได้อยู่คนเดียวบ้างสักพัก แต่ผมกลับไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
อาซานางิที่ทำหน้าเสียเวลาโดนยิงพรุนเป็นรังผึ้ง อาซานางิที่หัวเราะไปกับหน้งเกรด B และอาซานางิที่ไม่ยอมรัพฟังอะไรเวลาที่พูดถึงตัวละครตัวโปรดของเธอ
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในช่วงเวลานี้…ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม ผมมักจะมีผู้หญิงที่ชื่อว่าอาซานางิอยู่เคียงข้างเสมอ 「เพื่อน」คนนี้ของผมที่ปกติจะแสดงให้คนอื่นเห็นถึงความเก่งกาจของเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่ยอดเยี่ยม ความจริงใจ บุคลิกที่สุดแสนจะคูล…แต่เวลาที่เธออยู่ต่อหน้าผม เธอทั้งหน้าด้าน ขี้อาย ขี้ขลาด แถมยังนิสัยเสีย…แต่ว่า…เธอก็มีรอยยิ้มที่น่ารักมาก
หากไม่มีอาซานางิอยู่ข้างๆ สุดท้าย…คนที่รู้สึกไม่สบายใจก็คือผมเอง
แต่ว่า…นี่คือเรื่องที่พวกเราตัดสินใจร่วมกัน
อาซานางิกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับอามามิซัง ชดเชยเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นและจะได้กลายมาเป็นเพื่อนที่แท้จริงของอามามิซัง
แบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผมเช่นกัน ถึงตอนนี้จะต้องอยู่คนเดียว แต่มันก็ไม่ใช่ว่าผมต้องอยู่คนเดียวตลอดไป
เพราะผมกับอาซานางิก็จะได้กลับมาเล่นด้วยกันอีกครั้งอย่างแน่นอน
เราแค่หยุดเจอกันช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
…ปิ๊งป่อง
“! เอ๊ะ มาส่งแล้วงั้นเหรอ? เงินๆอยู่ไหนนะ”
ยังไงก็กินข้าวให้อิ่มท้องก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดอีกทีว่าหลังจากนี้จะทำอะไรดี
“ครับๆ เปิดประตูให้เรียบร้อยแล้ว…”
“ยะโฮ~ มากิคุง”
“! เอ๊ะ อามามิซัง?”
ภาพของคนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอไม่ใช่พี่คนที่มาส่งพิซซ่าเป็นประจำ แต่คืออามามิซังที่สมควรจะอยู่ที่เกมเซนเตอร์ ณ เวลานี้
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอามามิซังถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“อือ พอดีมีของมาส่งให้มากิคุงน่ะ…เอาล่ะ ฉันเปิดให้แล้วนะ ไม่ต้องอายหรอกน่า มานี่เลยนะ”
“ดะ-เดี๋ยวสิยู เข้าใจแล้วๆ หยุดดึงได้แล้ว…”
“! เสียงนั่น…”
อามามิซังที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าดึงอีกคนให้เข้ามาปรากฏตัวอยู่บนหน้าจอ
“สะ-สวัสดี พิซซ่าร็อคเก็ตค่ะ”
“…ปลอมตัวได้แย่มาก อาซานางิ”
“นะ-หนวกหูน่า ไอบ้ามาเอะฮาระ ฉันเกลียดนาย”
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าภาพของอาซานางิที่หันหน้าหลบสายตาของผมในตอนนี้นั้นดูน่ารักมากจริงๆ
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. แว๊บๆ หายตัว~~~