I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 74
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ไปโรงเรียนด้วยกันกับอุมิ ผมก็ถามอุมิเกี่ยวกับเรื่องของอามามิซังที่เกิดขึ้นเมื่อวานในตอนที่เธอแวะมารับผมที่บ้าน
“–หืม? อืม~ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนะ ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่บ่นให้กันฟังมากกว่า”
หลังจากที่กินเค้กร้อนที่ผมเป็นคนทำกับจิบกาแฟหลังอาหาร อุมิก็พูดขึ้นมา
“เรื่องที่บ่นงั้นหรอ…ฉันจะไม่ถามเกี่ยวกับรายละเอียดเเล้วกัน อย่างที่คิดจริงๆ อามามิซังก็มีเรื่องที่ลำบากเหมือนกันสินะ”
“ไม่สิ จะว่าไปเมื่อไม่นานมานี้ฉันเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“เอ๊ะ? ตอนนี้เหรอ?”
อุมิสะดุ้ง ก่อนที่ร่างของเธอจะแข็งทื่อไป
ตอนที่ผมถามคำถามนี้ไปก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ปฏิกิริยาตอบรับของอุมิดูจะแปลกไปสักหน่อย
งั้นมาดูกันว่าเธอจะตอบว่ายังไงกันดีกว่า
“ตะ ตอนนี้สินะ”
“อือ”
“คือว่าเรื่องนั้น…ฉันหมายถึง บางทียูก็ชอบคุยเรื่องความรักจนฉันตามไม่ค่อยทันน่ะนะ”
“……”
“กะ-ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ฉันเองก็ระวังตัวอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็เพราะว่ายูเอาแต่ถามมาไม่หยุดจนฉันคิดไม่ทัน…ก็เลยหลุดปากไปนิดหน่อยเอง…”
“แล้วหลุดไปขนาดไหนล่ะ?”
“เอ่อ…ก็เรื่องก่อนหน้านี้…ประมาณถึงเรื่องตอนที่อยู่ในลิฟต์…”
“นั้นมันก็ทุกอย่างจนเกือบถึงล่าสุดเลยไม่ใช่เรอะ!”
สำหรับคนคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง พวกเรามาเลี้ยงขนมที่อามามิซังชอบจนกว่าเธอจะพอใจกันเถอะ
แล้วนอกจากเรื่องใหญ่อย่างเรื่องความรักของพวกเรา ตามที่อุมิเล่ามาก็มีเรื่องของคำสารภาพรักของโนโซมุ ดูเหมือนว่าอามามิซังจะกังวลกับภาพลักษณ์ของโนโซมุภายในห้องเรียน พวกเธอจึงไม่ได้กลับมาทานอาหารกลางวันที่ห้อง และเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศของผู้ที่ไปแอบดูตอนกลับมาที่ห้อง ผมคิดว่าการตัดสินใจของอามามิซังนั้นถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งเซกิคุงและผมต่างก็มีความหวังลมๆแล้งๆว่าบางทีอามามิซังอาจจะมีความสนใจเล็กน้อยเกี่ยวกับคำสารภาพรักของเขา แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะคิดผิด
“จะว่าไป ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่ามากิกับเซกิจะกลายมาเป็นเพื่อนกันได้…จะว่าไงดีละ ฉันคิดว่าพวกนายเหมือนอยู่กันคนละโลกซะอีก”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่ฉันกับอุมิก็ยังมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ได้เลยนะ…จะว่าไปเราก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าเราจะเข้ากับใครได้จนกว่าเราจะได้คุยกับคนๆนั้นล่ะนะ”
“ก็คงอย่างนั้นล่ะมั้ง? แต่ยังไงมันก็ถือเป็นเรื่องดี หลังจากฟังเรื่องที่มากิเล่าให้ฟัง ฉันคิดว่าพวกนายคงสามารถจะคบกันไปยาวๆจนหลังเรียนจบได้ล่ะนะ เพื่อนแบบนี้นะหาเจอได้ไม่บ่อยหรอกนะ ดังนั้นนายก็ดูแลมันดีๆล่ะ”
“อืม ฉันว่าจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว”
โทรศัพท์ของผมที่มีเพียงสามรายชื่อ คือ แม่ อุมิ และอามามิซัง ในตอนนี้เบอร์โทรของโนโซมุก็ได้ถูกเพิ่มเข้าไปเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับผม โนโซมุคือเพื่อนผู้ชายคนแรก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกค่อนข้างมีความสุข
แน่นอนว่าผมมีอุมิเป็นเพื่อนคนแรก และยิ่งรู้สึกโชคดียิ่งกว่าเมื่อความสัมพันธ์ของเรามีการพัฒนาจนกลายมาเป็นมากกว่าเพื่อน(แต่ยังไม่ใช่แฟน)…แต่ยังไงก็ตามผมยังรักตัวเองอยู่ ดังนั้นผมต้องระวังไม่ให้ตัวเองหลุดพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไป…
“จะว่าไป ไม่อยากให้ฉันช่วยให้ความร่วมมือจริงๆใช่ไหม? ถ้าเซกิจริงจังจริงๆ ฉันก็ยินดีช่วยนะ”
“ขอบคุณนะ แต่ตอนนี้เราสองคนขอลองทำอะไรด้วยตัวเองดูก่อน ถึงตอนนี้จะยังไม่มีแผนอะไรก็เถอะนะ ถือว่าช่วงนี้ใช้เวลาศึกษาข้อมูลกันไปก่อนก็แล้วกัน”
ดูเหมือนว่าโนโซมุตอนช่วงม.ต้นจะมีผลการเรียนค่อนข้างดี แต่เกรดของเขาก็เริ่มตกลงในช่วงม.ปลายเพราะว่ายุ่งกับกิจกรรมชมรม และดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางผ่านการสอบที่กำลังจะมาถึงไปได้
และถ้าเขาได้คะแนนไม่ดี ดูเหมือนว่าเขาจะต้องมาเรียนเสริมในวันคริสต์มาส ดังนั้นแผนในตอนนี้คือการเตรียมตัวสำหรับการสอบที่จะมาถึง
“อ่า เหมือนเราจะลงเรือลำเดียวกันนะ ตอนนี้ฉันเองก็ต้องมาคอยคุมคุณหนูม้าดีดกระโหลกอยู่คนนึงเหมือนกัน”
(tl: ประโยคต้นฉบับรุนแรงจนไม่รู้จะแปลยังไงเลยครับ 5555+ เลยเอามาแบบซอฟๆแล้วกันครับ)
“หมายถึงอามามิซังสินะ”
อามามิซังเป็นอัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่างในสิ่งที่เธอสนใจไม่ว่าจะเป็นทางด้านกีฬาหรืองานศิลปะ แต่ดูเหมือนว่าในด้านวิชาเรียนเธอจะทำได้ไม่ค่อยดีนะ หรือแม้กระทั่งเวลาอ่านหนังสือสอบ อามามิซังก็พร้อมที่จะหลับไปทันทีหากอุมิเผลอปล่อยให้เธอคลาดสายตา
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่อุมิรู้สึกทึ่งสุดๆเมื่ออามามิซังสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมของเราได้
“ฉันคิดว่าถ้ายูมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียนก็คงไม่มีปัญหาอะไรล่ะนะ”
“เหมือนจะมีสอบวันศุกร์หน้าใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น…ทำไมเราไม่จัดติวสอบก่อนหน้าที่จะถึงวันสอบล่ะ”
“หมายถึง…ติวพร้อมกันสี่คน?”
“ใช่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะช่วยกันจับตาดูอามามิซังได้ด้วย”
ผมกับอุมิเก่งกันคนละวิชา ดังนั้นถ้าเราร่วมมือกันติวหนังสือก็สามารถครอบคลุมได้เกือบทุกวิชา
แต่ถ้าอามามิซังยังอึดอัดใจเกี่ยวกับเรื่องคำสารภาพรักของโนโซมุ เราก็สามารถแยกกันติวสอบได้เหมือนเดิม
“เข้าใจล่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะนัดเรื่องเวลากับยูอีกที่นึง ว่าแต่ติวที่บ้านมากิได้ใช่ไหม?”
“ได้สิ ฝากบอกอามามิซังด้วยว่างฉันจะเตรียมของว่างอร่อยๆไว้ให้ด้วย”
“หืม ถ้าอย่างนั้นฉันคิดว่ายูคงรีบตอบตกลงทันทีเลยล่ะ ผู้หญิงน่ะชอบของหวานที่สุดเลยนะรู้ไหม?”
“นั่นรวมถึงอุมิด้วยใช่ไหม?”
“ฮะๆ นั่นสินะ”
ดังนั้น ตารางของสัปดาห์หน้าจึงเต็มไปด้วยการติวสอบ
…ที่เหลือก็คือเรื่องแผนการสำหรับเวลาหลังจากนั้น
จากนี้ไป มันคือประเด็นหลักจริงๆแล้ว
“คะ…คือว่านะ อุมิ”
“หืม~?”
ผมมองไปที่ใบหน้าของอุมิที่กำลังจัดทรงผมให้ผมอยู่เหมือนที่ทำเป็นประจำทุกเช้า
มองยังไงก็น่ารัก แน่นอนว่าไม่ใช่แค่หน้าตาเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะรูปร่างที่เธอยังสามารถรักษาสัดส่วนเอาไว้ได้แม้จะกินเยอะขนาดไหนก็ตาม หรือไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัยที่เป็นคนจริงจัง ไม่ว่าตรงไหนก็น่ารักไปหมด
ถึงแม้อุมิจะเป็นคนจริงจัง แต่เธอกลับชอบทำตัวบ้าๆบอๆเวลาที่อยู่ใกล้กับคนที่เธอสนิทด้วย ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรื่องดี
มีเด็กผู้หญิงน่ารักแบบนี้มาคอยดูแลตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ ผมช่างเป็นคนที่ช่างมีความสุขจริงๆ
“อะไรน่ะ? ทำไมจ้องหน้าฉันแบบนั้น”
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าอุมิน่ารักดี….เดี๋ยวสิ ไม่ได้อยากจะพูดเรื่องนั้นสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นมีอะไรล่ะ? มากิจัง?”
“ยะ อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กสิ”
“เอ๋~? ก็ตอนนี้มากิทำตัวน่ารักเหมือนเด็กขี้อายอยู่นี่นา”
อุมิมองมาที่ผม พร้อมกับรอยยิ้มซุกซน
บางที่ความสัมพันธ์ของผมกับอุมิคงจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน ในฐานะผู้ชายผมอาจจะรู้สึกน่าสมเพชเล็กน้อย แต่เธอจะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อเราอยู่กันเพียงลำพังสองต่อสอง ดังนั้นผมจึงไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร
“อุมิ ช่วงวันหยุดสัปดาห์นี้มีแผนจะไปไหนหรือเปล่า?”
“วันหยุด? หมายถึงวันเสาร์อาทิตย์ไม่ใช่วันศุกร์ใช่ไหม?”
“อือ ถ้า…ไม่ได้มีแผนจะไปที่ไหนก็กะว่าจะชวนไปดูหนังน่ะ”
“นั่นหมายถึง…ชวนเดท?”
“ก็แบบนั้นแหละ ตอนงานวัฒนธรรมอุมิเป็นคนชวนใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันเลยตัดสินใจเป็นฝ่ายชวนดูบ้าง”
ในครั้งนั้นเราโดนขัดจังหวะจากอามามิซังกับเพื่อนของเธออีกสองคน และก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ผมก็เลยยังไม่ได้ให้คำตอบอุมิไป
“มีแผนอะไรไหมน้า~…แต่เพราะมันเป็นเดทแรกของเรา ฉันก็อยากจะตอบ OK อยู่นะ”
“หรือว่ามีนัดกับอามามิซังพอดี?”
“อือ แล้วก็มีนีน่าด้วยอีกคน คือนัดกันว่าจะไปเลือกซื้อชุดสำหรับใส่ไปงานปาร์ตี้น่ะ”
“งั้นเหรอ…ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ชวนเธอเร็วกว่านี้
ดูเหมือนว่าคนที่ว่างจนไม่ทันคิดจนถึงช่วงนาทีสุดท้ายจะมีเพียงคนแบบผมที่ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก
“อ่า ก็ไม่ใช่ว่ารีบร้อนอะไรหรอกนะ ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นช่วงเดือนหน้า…อุมิ?”
“อ๊ะ ขอโทษนะมากิ ขอออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกห้องแปบนึงนะ”
ก่อนที่ผมจะพูดจบ อุมิที่ผมพึ่งจะชวนออกเดทก็โทรศัพท์ไปที่ไหนสักที่ ก่อนจะขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ที่นอกห้อง
แล้วหลังจากนั้นประมาณ 3 นาที
อุมิก็กลับเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้ามีความสุข
“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว ไปดูหนังกันเถอะ”
“เอ๊ะ? ไปได้หรอ?”
“อือ ตอนที่ฉันบอกทั้งสองคนว่ามากิชวนไปออกเดท พวกเธอก็บอกว่าฉันควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนน่ะ แล้วนีน่าก็บอกว่าค่อยมาเล่าเรื่องให้ฟังทีหลังด้วย”
ผมคิดว่าการไปเลือกซื้อชุดสำหรับใส่ไปงานปาร์ตี้ก็สำคัญเช่นกัน…แบบนี้จะไม่เป็นอะไรจริงๆหรอ?
“อา ถ้าว่างแล้วก็โอเค…ถ้าอย่างนั้นวันเสาร์เจอกันนะ”
“อือ อ๊ะ! ฉันจะชวนนายไปเที่ยวกันช่วงเย็นวันศุกร์ เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำตัวให้ว่างไว้ด้วยล่ะ”
“ก็ว่างเป็นปกติอยู่แล้วล่ะนะ…ว่าแต่มีแผนจะไปทำอะไรงั้นเหรอ?”
“ก็ถ้าเราจะไปเดทกันวันเสาร์ นายก็ต้องมีเสื้อผ้าสำหรับไปเดทสิจริงไหม?”
“…..เอ๊ะ?”
“เอ๊ะ?”
ถึงตรงนี้อุมิกำลังทำหน้าเหมือนกับมองตัวประหลาดอยู่
ว่าแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเสื้อผ้าด้วยอย่างนั้นเหรอ? พวกเราแค่ออกไปดูหนังที่โรงหนังใกล้ๆนี่เอง…ไม่สิ คิดว่าหลังจากดูเสร็จก็คงชวนกันไปเดินเล่นในเมืองต่ออีกสักพัก
“นายคงไม่ได้คิดจะใส่ชุดที่นายมีอยู่ตอนนี้หรอกใช่ไหม?”
“…ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้!”
“ตะ แต่มันมีฟังก์ชั่นการ…”
“ไม่ได้!!”
“…ครับ”
ดังนั้นแผนการในวันศุกร์จึงถูกกำหนดเป็นที่เรียบร้อย
พูดถึงเรื่องเงิน ผมคงไม่มีทางเลือก ต้องเล่าสถานการณ์และคุยกับแม่อย่างตรงไปตรงมาแล้วล่ะ
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. สวัสดีครับ Durimtok เจ้าเก่าเจ้าเดิมเองครับ(ฮา) ที่มี v2 ก็เพราะตอนนี้กลายร่างเป็นร่าง 2 ครับ ช่วงนี้ตะลุยกินบุฟเฟ่จนเหนื่อยเลยครับ จนบางทีก็คิดว่าหรือบางทีเราควรหัดไปเอาดีเรื่องรีวิวร้านอาหาร(ฮา) แล้วก็ติดเกมด้วยครับ แล้วรอบนี้ที่หยุดแปลไปก็ไม่มีอะไรครับ ขี้เกียจล้วนๆครับ แบบว่าอิ่มแล้วก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว เล่นเกมดีกว่า(ประมาณนั้นครับ) จนรู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาหลายเดือนซะแล้ว แล้วก็แบบว่ารู้สึกผิดครับ (แต่ว่า dragon quest 11 ผมเล่นจนปล่อย auto last boss ชิวๆเลยนะเอ่อ)
แล้วคราวนี้ที่ได้มีไฟกลับมาแปลนี่ก็ต้องขอบคุณเพจ ดอกไม้ไฟ (Hanabiakira) ดอกไม้ไฟ เลยครับ จุดไฟในตัวคุณขึ้นมาอีกรอบด้วยตอนพิเศษเทศกาลคริสต์มาสของ sneaker bunko เลยครับ เลยแบบว่ากลับมาแปลดีกว่า จังหวะมันได้แล้ว ก็จะพยายามแปลวันละนิดวันละหน่อยนะครับ ค่อยๆลง
ขอบคุณที่ลอยคอมาเสมอครับ
Durimtok Channel
ขอบคุณครับ