I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 75
หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็นวันศุกร์ พวกเราไม่ได้กลับไปเล่นด้วยกันที่บ้านของผมเหมือนปกติ แต่กำลังนั่งรถไฟเดินทางไปที่ย่านใจกลางเมือง
ถ้าผมจำไม่ผิด ครั้งล่าสุดที่ผมมาที่นี่ก็คือตอนที่ออกมาเที่ยว ทั้งการไปกินข้าวกันที่ร้านคุชิคัตสึ ทั้งการพาอุมิไปเล่นเกมแทงม้ากันต่อที่เกมเซ็นเตอร์นั่นด้วย…จะว่าไปก็เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วสินะ
ผมยังจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ จะว่ายังไงดี…ก็เรื่องที่เกือบจะทะเลาะกับอามามิซัง นิตตะซัง แล้วก็คนอื่นๆ…เมื่อลองมองย้อนกลับไป มันช่างเป็นการกระทำที่น่าอายเกินไปแล้ว แต่พอคิดดูอีกที เพราะเรื่องในตอนนั้น ผมกับอุมิจึงได้เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยรวมแล้วมันก็ไม่ถือว่าเป็นความทรงจำที่เลวร้ายไปซะหมดล่ะนะ
แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่อุมิลูบหัวผมด้วย
แต่ช่างเรื่องสถานที่แห่งความทรงจำนั้นไปก่อนเถอะ ความจริงแล้ววันนี้พวกเรามีแผนที่จะไปเลือกซื้อเสื้อผ้าสำหรับที่จะใส่ในการเดทพรุ่งนี้ แต่ปัญหาคือ เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนน่ะสิ
“ขอโทษทีนะ อามามิซัง เป็นความผิดของผมเองที่ไปทำให้แผนของมามิซังต้องเปลี่ยนแบบนี้”
“อือฮึ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เพราะว่านี่เป็นเดทแรกของพวกเธอทั้งสองคน ดังนั้ันจึงต้องจริงจังกับมันให้มากๆนะ…เฮะๆ จะแต่งตัวมากิยังไงดีน้า”
“…อะ เอ่อ ช่วยออมมือด้วยนะครับ”
วันนี้นอกจากอุมิแล้ว พวกเรายังมีอามามิซังตามมาเลือกซื้อชุดให้ผมด้วย เดิมทีแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่อามามิซังตั้งใจที่จะทำ แต่เป็นอุมิที่เป็นคนก็รวมแผนซื้อชุดสำหรับงานปาตี้ของพวกเธอเข้ามาในวันนี้ด้วย
“พวกเราจะไปดูที่ร้านเสื้อผ้ามือสองกันก่อน ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวานะ ระวังอย่าให้พลัดหลงกันล่ะ โดยเฉพาะมากิ”
“ไม่ต้องห่วง…ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกนะ ไม่เคยคิดเลยว่าคนจะเยอะขนาดนี้”
อาจจะเป็นเพราะว่านี่คือช่วงปลายปีที่มีทั้งงานเลี้ยงส่งท้ายปีของบริษัท และงานฉลองอื่นๆ ทำให้ที่สถานีจึงคึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมาก—เป็นช่วงปลายปีที่ทั้งเมืองค่อนข้างวุ่นวาย และนอกจากนี่นตอนที่เรานั่งรถไฟมา วิวด้านนอกของขบวนรถไฟนั้นสว่างไสวไปด้วยไฟประดับตกแต่งเป็นประกายระยิบระยับให้เข้าไปกับบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาส
“เห~ ถึงฉันจะค่อนข้างคุ้นเคยกับฝูงชนก็เถอะ แต่เยอะขนาดนี้มันก็…อุหว่า!?”
ในขณะที่พวกเรากำลังค่อยๆเดินไปที่บันไดได้อย่างช้าๆ อามามิซังผู้ที่เดินอยู่ด้านหลังของผมก็เสียการทรงตัว บางทีเธออาจจะเดินไปสดุดกับขาของใครสักคนเข้าพอดี
ที่ชานชาลาของสถานีนั้นค่อนข้างกว้าง แต่มีบันไดเลื่อนที่ขึ้นได้ทีละคนเท่านั้น นอกจากนี้บันไดที่อยู่ด้านข้างก็แคบมาก ดังนั้นถ้ามีคนใช้งานจำนวนมาก บริเวณแถวนี้ก็จะแน่นขนัดไปหมด และถ้าหากไม่ระวังให้ดีก็อาจจะหลุดหลงหายเข้าไปในฝูงชนได้ง่ายๆ
“อามามิซัง ส่งมือมา”
“อะ อืม โทษทีนะ”
ผมยื่นมือไปหาอามามิซัง และเธอก็คว้ามันไว้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียการทรงตัว
มือของอามามิซังที่ผมพึ่งเคยจะจับเป็นครั้งแรกนั้นเล็กกว่าที่ผมคิดไว้เมื่อเทียบกับอุมิ…แต่ก็นั่นก็เป็นเพราะว่าผมไม่มีโอกาสได้จับมือเด็กผู้หญิกสักเท่าไหร่ด้วย
“มือของมากิคุงหยาบกว่าที่คิดไว้อีก ให้ความรู้สึกว่าเป็นมือของผู้ชายดีนะ”
“ก็เพราะว่าต้องเป็นคนทำงานบ้านล่ะนะ แต่ถ้าเทียบกับพวกที่อยู่ชมรมกีฬาแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรหรอก ก็เพราะว่าเอาแต่เล่นเกมด้วยล่ะนะ”
คำพูดของอามามิซังทำให้ผมนึกถึงโนโซมุขึ้นมา เนื่องจากเขาอยู่ชมรมกีฬา ดังนั้นมือของเขาจึงมีขนาดใหญ่โดยธรรมชาติ และตุ่มเนื้อบนมือก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนเนื่องจากต้องทำกิจกรรมชมรมอยู่ทุกวัน และมันส่งผลให้มือของเขานั้นเหมือนถูกเคลือบด้วยหินเลยล่ะ
ผมจับมืออามามิซังให้แน่นขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่พลัดหลงกัน ก่อนที่พวกเราจะเดินตามไปหาอุมิที่รออยู่ด้านหน้า
“เห็นไหม บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวัง”
“เฮะๆ ขอโทษน้าอุมิ”
“เอาเถอะ ดีแล้วล่ะที่เธอไม่ล้มจนบาดเจ็บ…แต่ว่านะยูซัง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ดังนั้นถึงเวลาได้แล้วนะ?”
“เอ๊ะ?”
“นั่นน่ะ…มือน่ะ มือ”
“มือ?…อ๊ะ”
ผมไม่ทันสังเกตเนื่องจากพึ่งจะหลุดออกมาจากฝูงชน แต่ดูเหมือนตอนนี้มือของอามามิซังจะยังคงจับมือของผมไว้แน่น
แล้วอุมิก็เลื่อนสายตาจ้องมองมาที่ผม
ริมฝีปากของอุมิขยับเป็นคำว่า…ตาบ้า
“ฉันขอโทษนะมากิคุง ฉันไม่ทันระวังเอง”
“ไม่หรอก ผมเองก้เหมือนกัน”
อุมิก็คงจะเห็นในตอนที่อามามิซังกำลังจะล้มเหมือนกัน แต่ถึงจะแค่แปบเดียว การที่อุมิเห็นผมไปจับมือผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนักอยู่ดี
ผมอยากที่จะขอโทษอุมิทันที แต่ถ้าทำอย่างนั้นอามามิซังก็จะดูไม่ดี และมันอาจจะเป็นการสร้างบรรยากาศที่อึดอัดขึ้นมา
แล้วถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทำยังไงดีล่ะ?
อ่า…ใช่ว่าเรื่องที่ผมทำได้จะมีมากนักหรอกนะ
“…………”
พวกเราสามคนเดินออกจากสถานีและเลี้ยวไปทางร้านแรกที่ตั้งเป้าไว้
ผมเดินไปข้างๆอุมิ ก่อนที่จะแตะมือของเธอเบาๆ
“…มีอะไร?”
“เปล่า แค่…ฉันไม่อยากแยกกับอุมิ ก็เลย…”
“…หืม ก็ได้ ฉันยกโทษให้”
“ขอบคุณนะอุมิ…แต่ว่าฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ดังนั้น ขอโทษนะ”
“…ตาบ้า”
พูดจบอุมิก็คว้าแขนของผมไปกอดไว้แน่น
“เอ่อ~ อุมิซัง?”
“งะ เงียบไปเลย”
สำหรับผมการได้ฉับมือกับอุมิก็ถือว่าดีอยู่หรอกนะ แต่…ตอนนี้มีสายตาหลายๆคู่กำลังมองพวกเราอยู่ และรวมไปถึงอามามิซังที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสกำลังจ้องมองสถานการณ์นี้อยู่ที่ด้านหลังของพวกเรา…และนั่นทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่
เอาเถอะ ผมเป็นคนผิดเองที่ทำให้อุมิหึง ดังนั้นผมเลยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับสภาพแต่โดยดี
“เอ๊ะ? ทำไมฉันมองทางข้างหน้าไม่เห็นเลยล่ะ~?หรือเพราะว่าอุมิกับมากิคุงเปล่งประกายเกินไป? แย่แล้วตาฉันจะบอดแล้ว~”
“งั้นยูก็มาให้ฉันหิ้วไปด้วยเลยดีไหมล่ะ? แล้วฉันจะได้รู้ว่าเธอน้ำหนักลดลงบ้างหรือเปล่าด้วยนะ?”
“ทำไมทำเหมือนฉันเป็นพวงกุญแจซะอย่างนั้นล่ะ? แต่ว่าก็ฟังดูน่าสนใจอยู่นะ…ว๊าย!”
“โอ้ย…หนักเกินไปจนแบกไม่ไหวจริงๆด้วย…โม่ ฉันหายโกรธแล้วก็ได้ เอาล่ะรีบไปก่อนที่ร้านจะปิดกันได้แล้ว”
ผมรู้สึกดีใจที่อุมิยอมปล่อยแขนของผม แต่จนกระทั่งพวกเราเดินไปถึงร้าน มือของผมกับอุมิก็ยังคงจับกันไว้แน่น