I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 76
ที่แรกที่เรามาถึงตามการนำทางของอุมิก็คือร้านขายเสื้อมือสองเล็กๆแห่งหนึ่ง
ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในชั้นแรกของตึกที่ตั้งอยู่ระหว่างอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ 2 แห่ง มันเป็นตึกที่มีการแบ่งพื้นที่ให้เช่าจึงมีร้านค้าหลายร้านอยู่รวมกันในตึกนี้ และทันทีที่เราเปิดประตูเข้าไปในร้านกลิ่นอับผสมกับกลิ่นไม้เก่าก็พุ่งเข้ามาสัมผัสกับจมูกทันที ให้อารมณ์เหมือนกับการเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าเก่าๆ
“มาเริ่มกันที่เลือกชุดท่อนบนก่อนแล้วกัน…ว่าแต่มากิ วันนี้มีงบอยู่เท่าไหร่?”
“แม่ให้มา 20,000 เยนน่ะ”
เงินจำนวนนี้ถือว่าค่อนข้างมากสำหรับนักเรียนมัธยม แต่เมื่อวันก่อนตอนที่ผมบอกกับแม่เกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ตอนที่เธอกำลังจะออกไปทำงาน พอเธอได้ฟังเธอก็ยื่นแบงค์ 10,000 เยนจำนวนสองใบให้ผมในทันที แถมแยกต่างหากจากค่าขนมที่ได้ตามปกติอีกด้วย
ถึงจะเป็นการซื้อชุดใหม่ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เถอะ แต่อะไรที่ควรประหยัดได้ก็ควรประหยัดล่ะนะ ซึ่งอุมิเองก็น่าจะคิดแบบเดียวกัน
“นี่~นี่~อุมิ เธอว่าชุดนี้เป็นไง? เพราะมากิคุงเป็นผู้ชาย ฉันคิดว่าเขาน่าจะชอบแนวๆนี้หรือเปล่านะ”
“ชุดสไตล์ทหารงั้นเหรอ?…แต่ฉันคิดว่ามากิเตี้ยเกินไปที่จะใส่แนวนี้นะ มันจะดูเหมือนเด็กที่ใส่ชุดผู้ใหญ่เอาน่ะสิ”
“งั้นเหรอ? แต่ฉันว่าออกจะน่ารัก”
สิ่งที่ผมต้องทำมีเพียงการยื่นอยู่เฉยๆทำตัวเป็นตุ๊กตาให้พวกเธอแต่งตัวได้ตามใจชอบ
เพราะช่วงนี้มีอุมิคอยเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้ จึงทำให้ผมไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของแฟชั่นสักเท่าไหร่ ดังนั้นปล่อยให้ทั้งสองคนเป็นคนจัดการน่าจะดีกว่า
แต่มันออกจะหน้าอายอยู่เหมือนกันนะ เมื่อหันไปมองคุณพนักงานที่ยืนยิ้มอยู่พร้อมกับเครื่องคิดเลขในมือที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
“อืม~ฉันว่าเสื้อนอกเอาไว้ตัดสินใจทีหลังดีกว่า ตอนนี้ต้องเลือกเสื้อตัวในให้ได้ก่อน…มากิ มาตรงนี้หน่อยสิ”
“อ๊ะ ได้สิ”
หลังจากที่พวกเธอเลือกเสื้อตัวนอกไว้สามตัว ผมก้โดนพาไปที่ชั้นวางที่เป็นในส่วนของเสื้อที่จะใส่ไว้ด้านใน
ยังไงก็ต้องใส่เสื้อทับข้างนอกอีกชั้นอยู่แล้ว…ดังนั้นผมจึงไม่มีคอมเม้นอะไรในเรื่องนี้
“อุมิ เอาพวกเครื่องประดับด้วยไหม? อย่างพวกผ้าพันคออะไรพวกนี้”
“ไม่ล่ะ ฉันให้ผ้าพันคอมากิเอาไว้แล้ว ดังนั้นมากิ นายห้ามใส่ผ้าพันคอของตัวเองเด็ดขาดเลยนะ”
“…รับทราบครับ”
หรือจะพูดให้ชัดๆก็คือผ้าพันคอที่อุมิให้ไว้เมื่อวันก่อน ก็คืออันที่ผมกำลังใส่ไว้อยู่ในตอนนี้นั่นเอง
มันเป็นผ้าพันคอลายตารางหมากรุกสีแดงสลับกับสีเทาเข้ม ถึงผมจะคิดว่ามันไม่ค่อยเข้ากับชุดนักเรียนเท่าไหร่ แต่เนื้อผ้ามันดีมากและยังอุ่นมากด้วย ดังนั้นผมจึงใส่มันเป็นประจำแทนที่ผ้าพันคอของตัวเอง
…แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าผ้าพันคอผืนนี้มันมีกลิ่นของอุมิติดอยู่ด้วยต่างหาก แต่มันก็เป็นเรื่องน่าอายเกินกว่าที่จะเอาไปพูดบอกใครได้น่ะสิ
(TL: อยากจะแหมมมมมมมมมมมมไปให้ถึงดาวอังคาร)
หลังจากนั้นพวกเราก็ใช้เวลาเลือกชุดกันจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่ร้านจะปิด และตัดสินใจเลือกชุดที่ชอบที่สุดมา 1 ชุด
แจ๊กเก็ตแบรนด์ดังที่อยู่ในช่วงลดครึ่งราคา พร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสที่ทำจากผ้าเนื้อดีที่ทั้งหนาและทนทาน บวกกับเครื่องประดับอื่นๆอีกเล็กน้อย โดยรวมแล้วเราใช้เงินไปประมาณ 10,000 เยน
จริงๆแล้วผมได้ลองสวมดูแล้วในห้องลองชุด มันดูดีมากจนเหลือเชื่อและยังอุ่นมากสมกับคุณภาพ แต่มันติดอยู่อย่างเดียวคือหน้าตาของผมที่มันดูดีไม่คู่ควรกับชุดที่ใส่สักเท่าไหร่
ผมรู้สึกขอบคุณอุมิอย่างมากที่เลือกชุดให้ผมอย่างจริงจัง…แน่นอนว่ารวมถึงอามามิซังด้วย
“ขอบคุณนะ อุมิ”
“ไม่เป็นไรน่า อ๊ะ ผ้าพันคอเบี้ยวอีกแล้วนะ”
“เอ๊ะ? งั้นเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ ถ้านายไม่ใส่ใจมันให้ดีๆ มันก็จะเบี้ยวๆแบบนี้แหละ…เอาล่ะ เรียบร้อย”
ทันทีที่เราออกมาจากร้าน อุมิก็ทำการจัดผ้าพันคอของผมให้เข้าที่เข้าทาง
ผมคิดว่าแค่พันมันเอาไว้รอบๆคอก็เพียงพอแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นแฮะ ยังมีอะไรที่ผมต้องเรียนรู้อีกมาก
ผมก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าการแต่งตัวตามแฟชั่นน่ะมันไม่ง่าย แต่ในมุมมองของผมที่เห็นคนอื่นๆกลับทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป…สุดยอดกันจริงๆ
“อืม~ มากิกับอุมินี่เหมือนคู่สามีภรรยากันเลยแฮะ นี่พวกเธอสองคนยังไม่ได้คบกันจริงๆหรอ?”
“”ก็นะ…มันมีเหตุผลหลายๆอย่างน่ะ
“อือ ตามนั้นแหละ…”
“อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพอพวกเธอสองคนเริ่มคบกันเมื่อไหร่ช่วยบอกฉันเป็นคนแรกเลยนะ ฉันอยากแสดงความยินดีให้พวกเธอให้เร็ววที่สุดน่ะ”
แม้แต่อามามิก็บอกแบบนี้งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกเราควรจะรีบๆเครียเรื่องต่างๆให้ได้เร็วๆแล้วสิ แล้วผมก็หวังว่าการออกเดทในวันพรุ่งนี้จะช่วยในการสร้างบรรยากาศและปูทางไปสู่เรื่องนั้นไม่มากก็น้อยล่ะนะ
หลังจากออกจากร้านเสื้อมือสอง พวกเราก็ตระเวนไปตามร้านค้าต่างๆเพื่อเลือกซื้อชุดในส่วนที่เหลือรวมถึงรองเท้าด้วย และเมื่อได้ครบตามต้องการในที่สุดพวกเราก็ได้หยุดพักสักที
“นะ เหนื่อยชะมัด…”
หลังจากแยกตัวมาเพื่อเข้าห้องน้ำ ผมก็ถอนหายใจหนักๆระบายความเหนื่อยล้าอยู่คนเดียวภายในห้องน้ำ
ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มนึงแล้ว พอคิดว่าเรามาถึงสถานีตอนห้าโมงเย็น ดังนั้นเราใช้เวลาเดินซื้อเสื้อผ้าไปทั้งหมด 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ไม่ใ่ว่าผมไม่เคยมาเดินซื้อของ แต่โดยปกติแล้วผมจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ก่อนว่าจะซื้ออะไร และตรงไปที่ร้านเป้าหมายในทันที
แต่อุมิกับอามามิซังดูจะไม่เหนื่อยเลยสักนิด พวกเธอเดินเที่ยวไปรอบๆพร้อมกับคุยกันไปพลางอย่างสนุกสนาน…บางทีนี่คงเป็นวิธีการช็อปปิ้งแบบที่พวกสาวๆเค้าทำกันล่ะมั้ง
ในตอนแรกผมกะว่าจะกลับไปกินข้าวกันที่บ้านของผม…แต่วันนี้ผมรบกวนพวกเธอไว้มาก ดังนั้นผมก็เลยกะว่าวันนี้จะต้องตอบแทนพวกเธอสักหน่อย
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่วันนี้ แต่รวมถึงวันพรุ่งนี้อีกวันด้วย
…พอคิดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้ผมได้ตระหนักขึ้นมาว่าวันนี้เป็นเพียงแค่การเตรียมตัวเท่านั้น ของจริงคือพรุ่งนี้ต่างหาก
ทันใดนั้นก็มีข้อความส่งมาจากอุมิ
[ อาซานางิ ] : นี่ ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?
[ มาเอะฮาระ ] : ยังอยู่ดีอยู่นะ
[ อาซานางิ ] : งั้นเหรอ? ถ้างั้นรีบกลับมาได้แล้วนะ พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไปกินข้าวเย็นกันที่ไหนดี
[ อาซานางิ ] : นานแล้วที่ไม่ได้กินเนื้อ วันนี้จะกินให้เต็มที่ไปเลย
[ มาเอะฮาระ ] : หืม จัดไป
[ อาซานางิ ] : อ๊ะ แล้วอีกอย่าง
[ อาซานางิ ] : ขอบคุณนะ มากิ
[ อาซานางิ ] : ที่ยอมทำตามใจของฉัน แล้วมาเที่ยวพร้อมกันทั้งฉันแล้วก็ยูด้วย
[ มาเอะฮาระ ] : ไม่เห็นเป็นอะไรนี่
[ มาเอะฮาระ ] : แค่พวกเธอรู้สึกสนุก ฉันก็มีความสุขแล้วล่ะ
[ อาซานางิ ] : ฉันดีใจที่นายคิดอย่างนั้นนะ
[ อาซานางิ ] : นี่ มากิ
[ มาเอะฮาระ ] : ว่า?
[ อาซานางิ ] : พรุ่งนี้ตั้งตารอไว้ได้เลย
[ อาซานางิ ] : ฉันจะแต่งตัวน่ารักๆไปหานะ
พูดอีกอย่างก็คือ อุมิจะไม่ใส่เสื้อฮูดตัวใหญ่ กับรองเท้าผ้าใบที่เคยใส่ประจำ แต่จะเป็นชุดสำหรับการออกเดทสินะ
แต่จริงๆแล้วถึงเธอจะไม่ทำอะไร อุมิก็น่ารักมากเกินไปอยู่แล้ว
แต่พอจินตนาการอุมิในชุดน่ารักๆ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“…เอาล่ะ ตอนนี้ฟื้นพลังเรียบร้อยแล้ว กลับไปลุยกันต่ออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป”
และในตอนที่ผมกำลังออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปหาทั้งสองคน
“…โอ๊ะ!”
“!? อุหวา…”
ผมก็ชนเข้ากับคนในชุดสูทคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี
และของที่อยู่ในมือชายคนนั้นก็หล่นกระจัดกระจายลงบนพื้น
…แย่แล้ว ต้องรีบขอโทษ
“ขะ ขอโทษครับ พอดีผมรีบไปหน่อยเลยไม่ทันระวัง…เดี๋ยวผมเก็บของให้นะครับ”
“อา ไม่เลย ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ทันระวังเหมือนกั….”
ในขณะที่พวกเราเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะไปหยิบกระดาษเอกสารแผ่นเดียวกัน คนในชุดสูทก็หยุดเคลื่อนไหวไป
“….อะไรกัน นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็มากิเองหรอกเหรอ?”
“เอ๊ะ?”
เมื่อชื่อของผมถูกเรียกออกมาจากปากของชายคนนั้น ผมก็เงยหน้าขึ้นทันที และพบกับชายคนหนึ่งที่ผมไม่มีวันลืม
“!…พ่อ”
“ไม่เจอกันนานนะ มากิ”
คนที่เคยลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยนในอดีต เขาก็คือ มาเอะฮาระ อิซึกิ
นั่นคือชื่อของพ่อแท้ๆผู้ที่ให้กำเนิดผมมานั่นเอง
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ฝากเพจกันอีกทีนะครับ Durimtok Channel
ขอบคุณครับ