I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 9 – มุมมองความรักของมาเอะฮาระ
- Home
- I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class
- ตอนที่ 9 – มุมมองความรักของมาเอะฮาระ
บทที่ 9 – มุมมองความรักของมาเอะฮาระ
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมยังโชคดีที่ได้พบกับอาซานางิซังอีกครั้งตอนสุดสัปดาห์ ดังนั้น…ผมจึงตัดสินใจขอโทษเธอเกี่ยวกับเรื่องที่แอบฟังตอนเธอโดนสารภาพรักเมื่อวันก่อน
“อ่า เรื่องนั้นนะหรอ ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอก นายน่าจะแค่บังเอิญไปอยู่ตรงนั้นพอดีมากกว่า ไม่ได้แอบตามฉันมาซะหน่อย คนผิดน่าจะเป็นทางนี้มากกว่านะ”
ผมคิดว่าเธอจะโมโหซะอีก แต่เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มในขณะกินพุดดิ้งที่ซื้อมากจากร้านสะดวกซื้อ
“แน่ใจนะ?”
“แน่ใจสิ ฉันไม่ได้กังวลเรื่องที่จะถูกแอบตามหรอกนะ ฉันหมายถึง ที่ต้องแอบออกมาก็เพราะเป็นห่วงคนที่จะมาสารภาพต่างหาก เพราะดูเหมือนจะมีคนชอบปล่อยข่าวลือแปลกๆอยู่น่ะ…นายรู้จักนิตตะไหมที่อยู่ห้องเดียวกับเรา?”
“นิตตะซัง…อา…คนนั้นนะเหรอ คนที่อยู่กับอาซานางิบ่อยๆน่ะ”
“ใช่ คนที่ชอบอยู่ข้างๆฉันน่ะ ไม่น่าผิดคนหรอก”
ตามที่สัญญาไว้ ผมตัดสินใจที่จะซ่อนความจริงที่ว่าผมได้พบกับอามามิซังและนิตตะซังเอาไว้ เรื่องนั้นจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอ
แน่นอน รวมถึงเรื่องที่ผมได้เบอร์โทรศัพท์ของอามามิซังด้วย
แต่ว่านะเรากำลังพูดถึงอาซานางิซัง ผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทของอามามิซัง
“ผมไม่แน่ใจว่าควรจะถามเธอเรื่องนี้ดีไหม?”
“หืม?”
“อาซานางิ…ไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรอ?”
“อืม…ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่ากับยูหรอกนะ”
ถ้าหากเธอที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมยังมีคนมาสารภาพถึงห้าคน(ตามที่นิตตะซังบอก)ในเวลาน้อยกว่าครึ่งปี แล้วอามามิซังล่ะ จะโดนสารภาพรักกี่ครั้งกัน? 30ครั้ง? จะถึงไหมนะ?
“อะไรๆ อิจฉาเหรอมาเอะฮาระ?”
“ไม่หรอก…ตรงข้ามเลย มันฟังดูยุ่งยากน่ะ…”
“หืม ทำไมล่ะ?”
“อาจ…เป็นเพราะผม…เป็นพวกโดดเดี่ยวล่ะมั้งนะ”
แม้ว่าเธอจะถามถึงเหตุผล แต่มันก็ตอบยากจริงๆ
สุดท้ายแล้ว คนที่แม้แต่จะขอเป็นเพื่อนกับเพื่อนร่วมชั้นเพศเดียวกันยังลำบากแบบผม จะมีหน้าไปพูดเรื่องเกี่ยวกับความรักได้ยังไง
“ลองพยายามอธิบายดูสิ ฉันสัญญา ว่าจะไม่หัวเราะเยาะนาย”
“มีประโยคว่า ‘ฉันสัญญา’ กับ ‘จะไม่หัวเราะเยาะ’…นั่นมันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด”
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่บอกมาว่ามาเอะฮาระคิดยังไง”
“…เหมือนจะไม่มีทางเลือกนะ”
ถึงแม้ว่าจะถูกเธอหัวเราะเยาะ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่เป็นไรเพราะที่นี่มีอาซานางิอยู่เพียงคนเดียว
“…ผมจินตนาการไม่ออกน่ะ การเป็นคนดัง เป็นที่นิยมหรืออะไรทำนองนั้น ผมหมายถึง…คนอื่นๆจะสนใจเรามากขึ้นหากเราดังใช่ไหมล่ะ พวกเขาอาจจะอยากรู้จักเรามากขึ้น หรือบางที…อาจจะอยากมีความสัมพันธ์ที่พิเศษอะไรแบบนั้น…”
“อืม…นั่นก็จริงนะ”
การเป็นคนดังหรือเป็นที่นิยม มันแสดงให้เห็นว่าคุณนั้นพิเศษกว่าคนทั่วไป มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การเป็นที่นิยม ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนี้จะดีสำหรับคุณเสมอไป
ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนชายที่สารภาพรักกับอาซานางิเมื่อวันก่อน
“มีคนหลาบประเภทอยู่รอบตัวเรา มีทั้งคนที่ชอบเรา คนที่ไม่ได้สนใจเรา…หรือแม้แต่…คนที่เกลียดเรา เราต้องมานั่งวางแผนจัดการความสัมพันธ์พวกนี้ให้ดี ผมมองว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากน่ะ ผมไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น…แล้วผมก็สงสัยว่าทำไมเราต้องเหนื่อยขนาดนั้นด้วย”
แม้แต่อาซานางิซัง การที่เธอจะให้คำตอบกับคนที่มาสารภาพรักกับเธอ เธอก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง จริงๆแล้วอาจมีบางคนแค่พูดว่า ‘ฉันเกลียดคุณ’ หรือ ‘น่าขยะแขยง’ แล้วก็โยนเรื่องที่ถูกสารภาพทิ้งไป แต่การทำแบบนั้นมีแต่จะสร้างความขุ่นเคืองโดยไม่จำเป็น
ความรู้สึกของคนที่ชอบและไม่ชอบนั้นเป็นสิ่งที่รับมือได้ลำบาก
“พอผมคิดแบบนี้ ผมก็รู้สึกดีที่ผมไม่เป็นคนดังหรือเป็นที่นิยม ถึงมันจะยากที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว แต่นั่นหมายความว่าผมก็ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
“…ความคิดแบบนั้น…ไม่โดดเดี่ยวไปหน่อยหรอ?”
“ผมรู้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมโดดเดี่ยวยังไงล่ะ”
ถ้าผมไม่เปลี่ยนความคิดนี้ ผมอาจจะมีชีวิตที่น่าเบื่อไปตลอดกาล
…แม้แต่ความกล้าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า…ผมยังไม่มีมันเลย…
“…นั่นคือมุมมองเกี่ยวกับความรักของผม”
“อืม ฟังดูเหมือนพวกเวอร์จิ้นเลยแฮะ”
“อึ๊ก!!”
ถึงจะเจ็บใจ แต่เนื่องจากมันเป็นเรื่องจริง ผมจึงไม่สามารถทำอะไรได้
“มาเอะฮาระที่เป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้เกลียดสักหน่อย…อ๊ะ แน่นอนว่าในฐานะ「เพื่อน」นะ เข้าใจไหม? นายอย่าเข้าใจผิดล่ะ”
“ผมก็ด้วย ผมก็ไม่ได้เกลียดอาซานางิเหมือนกัน แน่นอนว่าในฐานะ「เพื่อน」เธอเองก็อย่าเข้าใจผิดล่ะ”
“โอ้? ถึงจะเคยบอกนายไปรอบแล้วก็เถอะนะ นายมันไอหนุ่มเวอร์จิ้น แถมยังอวดดีด้วย”
“อะไรนะ อยากไฟต์หรอ ได้…จัดมาเลย วันนี้อยากสู้กี่ครั้งล่ะ สิบครั้ง? หรือร้อย? เดี่ยวพี่จะยิงให้พรุนเป็นรังผึ้งเลย เตรียมใจไว้ด้วยล่ะ!!”
“ฉันพร้อมทุกเมื่อ ยังไงนายก็ต้องโดนฉันสอยลงไปนอนตัวสั่นอยู่บนพื้นอยู่ดี”
“ปากกล้าดีนี่ ทั้งๆที่พึ่งจะหัดเล่นแท้ๆ”
เรื่องราวเกี่ยวกับความรักถูกตัดบทไป และผมกับอาซานางิก็หันกลับไปสนใจที่หน้าจอเกมอีกครั้ง
ผมคิดว่าสิ่งนี้เหมาะกับผมมากกว่าพวกเรื่องความชอบและไม่ชอบอะไรพวกนั้น
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. นึกว่าจะไม่ได้ลงซะแล้วครับ วันนี้มีเรียน แถมต้องเดินทางไปตจว. แต่สุดท้ายก็สามารถแปลได้ไป 1 ตอนถ้วน
ปล2. ชื่อตอนปวดหัวอีกแล้ว 恋愛(เร็นไอ) ที่แปลว่าความรัก แต่ในเนื้อหานี่จะพูดว่าคุยกันเรื่องความรักก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ แต่ก็ถูๆไถๆว่าเป็นเรื่องความรักไปแล้วกันนะครับ (ฮา)
ปล3. ตัวเอกทั้ง2 เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง อารมณ์ก็จะประมาณตอนท้ายบทนี่แหละครับ ไม่แน่ใจว่าจะมองว่ามันหวานได้ไหม (แต่ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ)
สุดท้ายขอฝากเพจ Durimtok Channel | Facebook ไว้เหมือนเดิมนะครับ