I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 474: สายเลือดของหลิง!
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 474: สายเลือดของหลิง!
SC:บทที่474: สายเลือดของหลิง!
เมื่อถูกหยุนเฟิงดุด้วยใบหน้าเย็นชาหัวใจของหลิงเหมิงก็สั่นระริกขึ้นมาอย่างฉับพลัน เธอไม่เข้าใจอารมณ์ของแม่ตัวเองแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าในเวลาส่วนใหญ่ แม่ของเธอคนนี้จะทำตัวเหมือนกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่มักปกป้องลูกของตัวเอง แต่ถ้าหากเธอโกรธมากเมื่อไหร่ เธอจะเปลี่ยนไปเป็นเสือเพศเมียที่แม้แต่พ่อของเธอเองก็ยังต้องยอมแพ้!
ไม่กล้าขัดคำของหยุนเฟิงอีกหลิงเหมิงมองหลินเฉิงด้วยสายตาเกลียดชัง เธอส่งเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็นั่งลงที่เดิมและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวสงบลงหลังจากที่ถูกเธอดุหยุนเฟิงก็ผ่อนคลายลง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในการต่อสู้เมื่อวาน แต่การตายและการบาดเจ็บของคนของเธอหลังจากสงคราม และเสียงกรีดร้องจากของคนที่บาดเจ็บที่ถูกผู้ที่บาดเจ็บน้อยกว่าพากลับมา จนถึงเมื่อเช้านี้ ก็ค่อยๆลดลง นี่ถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอเคยเจอมา!
มิหนำซ้ำหลิงฉงและฉินมู่เองก็ได้เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งและความคิดของหลินเฉิงอีกครั้งหลังจากที่พวกเขากลับมา ด้วยระดับสติปัญญาของเธอ เธอจึงสามารถสรุปความแข็งแกร่งของผู้คนในกลุ่มได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องต่อสู้กับหลินเฉิงแค่คนเดียว แต่อัตราการชนะก็ยังต่ำกว่า10%อยู่ดี!
เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าลูกของเธอจะถูกหลินเฉิงแช่แข็ง และพอกลับมาที่นี่เธอก็ต้องฝืนใจรักษาชีวิตของลูกด้วยการพึ่งพลังไฟและพลังรักษาของคนจำนวนมาก และตอนนี้ลูกสาวเธอก็ถูกหลินเฉิงจับไปเป็นตัวประกัน แต่เพราะสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน เธอจึงต้องพิจารณาถึงการมีอยู่และล่มสลายของคนทั้งกลุ่มมากกว่าความปลอดภัยของครอบครัวของตัวเธอเอง เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงอยากฟังจากปากของหลินเฉิงหลังจากที่หลิงเหมิงได้เล่าให้เธอฟัง เธอรีบมาถามเหตุผลจากหลินเฉิง เพราะจากคำบอกเล่าของหลิงเหมิง เธอจึงรู้ว่าหลินเฉิงเองก็กลับมาที่ฐานพร้อมหลิงฉงและหลิงเหมิงด้วย และถ้าหากหลิงเหมิงล้มเลิกทุกอย่างกลางทาง ความกดดันทั้งหมดจะต้องตกไปอยู่ที่หลิงฉง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดและปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมาย!
ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมนายถึงยืนกรานที่จะมาที่ฐานของเผ่ารัตติกาลของพวกเราในฐานะแขกผู้มาเยือนแต่ในเมื่อนายอยู่ที่นี่แล้ว นายคิดว่าที่นี่เป็นยังไง?
หลังจากคิดทั้งหมดภายในหัวหยุนเฟิงก็เชิดหน้าจะเอ่ยกับหลินเฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินคำถามหลินเฉิงก็มองไปที่หลิงฉงที่ยังคงยืนอยู่ที่ประตู และเห็นว่าชายชรายังไม่พร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เขาก็หัวเราะออกมาและถาม แล้วคุณล่ะ คิดยังไงเกี่ยวกับเผ่ารัตติกาล?
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาง่ายๆราวกับจิ้งจอกแก่ๆตัวหนึ่งหยุนเฟิงก็ยักคิ้วขึ้นและหรี่ตามองอีกฝ่ายเป็นเวลานานก่อนเธอจะพูดขึ้น มันจะเป็นการดีกว่าสำหรับเราที่จะร่วมกันแก้ปัญหา ถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่นายก็ชนะสงคราม ก็อย่างที่นายเห็น พวกเราทนรับแบบเมื่อวานไม่ไหวอีกแล้ว มันคือการสูญเสีย เพราะฉะนั้น ตราบใดที่นายไม่เป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่องพวกเราก่อน พากเราก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับนายอีกเลย!
อืม…
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของหยุนเฟิงหลินเฉิงก็จับคางตัวเองครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามออกไป คุณเป็นตัวแทนการตัดสินใจของเผ่ารัตติกาลทั้งกลุ่มได้หรอ?
ได้สิ!
ไม่รอให้หยุนเฟิงตอบอะไรทันใดนั้น หลิงฉงที่ไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานานก็พูดขึ้น ในเผ่ารัตติกาลของพวกเรา การตัดสินใจของภรรยาของหัวหน้ากลุ่มนั้นเด็ดขาดและเสมือนกับเป็นคำของตัวท่านหัวหน้าเอง! ในเมื่อหยุนเฟิงบอกว่าไม่ต้องการที่จะสู้กับนาย ก็จะไม่มีใครกล้าข้ามขีดจำกัดนั้น นายสบายใจเถอะ
ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!
เมื่อได้ยินหลิงฉงพูดหลินเฉิงก็พยักหน้าเบาๆ ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ ผมเกลียดการมีปัญหามาก และแน่นอน ผมเกลียดการต่อสู้! ทั้งหมดที่ผมทำก็เพื่อการปกป้องคนในครอบครัวจากอันตรายและเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ผมสงสัย ผมก็แค่ไม่คิดว่าสุดท้ายทุกอย่างมันจะแย่แบบนี้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับความตั้งใจแรกของผม…
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาก็เห็นว่านอกจากหลิงเหมิงแล้ว หยุนเฟิงและหลิงฉงเองก็ขมวดคิ้วและตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด จากนั้นเขาจึงพูดต่อ ในเมื่อคุณอยากจะเจรจา ซึ่งผมก็ไม่อยากทำนัก! ถึงแม้ว่าผมจะดูเหมือนฆาตกรไปบ้าง แต่จริงๆแล้วผมเป็นคนที่มีเหตุผลพอสมควรเลยนะ ผมจะไม่ลงมืออะไรกับปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา! แน่นอนว่าพวกคุณคงคิดว่าผมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด แต่ลองคิดดูดีๆ ผมเคยเป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่องพวกคุณก่อนรึเปล่า? คุณเป็นคนเอากระบอกปืนมาจ่อผม มันไม่ใช่ความผิดผมไม่ใช่รึไง?
เปล่า…
เมื่อได้ยินที่หลินเฉิงพูดหยุนเฟิงก็รีบทำมือปฏิเสธ ฉันเชื่อว่านายเป็นชายหนุ่มที่มีเหตุผล และฉันก็ยอมรับด้วยว่าฝั่งเราเป็นคนเริ่มหาเรื่องนายก่อน ดังนั้นถ้ามันไม่จำเป็น เราเลิกพูดเรื่องนี้กันก่อนได้รึเปล่า? ในเมื่อถึงตรงนี้แล้ว ฉันว่านายน่าจะมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับพวกเราใช่หรือเปล่า? ทำไมเราไม่พูดเรื่องนี้กันล่ะ?
หืม?
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดของเขาจริงๆหลินเฉิงก็มองเธออีกครั้งอย่างอดไม่ได้ เขาเคยเจอผู้หญิงที่ชาญฉลาดมาแล้วหลายคน แต่สำหรับคนที่เฉลียวฉลาดจนเกือบจะเหมือนปีศาจ นอกจากชูฉิงที่อยู่ที่ฐานทัพสมุทรสีครามแล้วก็มีหญิงผู้เป็นภรรยาของหัวหน้ากล่มปีศาจรัตติกาลที่แหละที่เขาเคยพบเจอ!
ในเมื่อเธอได้พูดสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาออกมาหลินเฉิงก็ไม่คิดจะปิดมันอีกต่อไป เขายิ้มและจุดบุหรี่ขึ้นสูบ จากนั้นจึงพูดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉางเหวินฉวนเพิ่งตายไปถูกมั้ย? แต่กองกำลังที่หนึ่งของฐานทัพสมุทรสีครามจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากคนที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ทะเลาได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องอดตายโดยไม่ต้องรอให้พวกคุณได้แก้แค้น! เพราะฉะนั้น…
ฉันเข้าใจสิ่งที่นายต้องการจะสื่อแล้ว!
แต่ก่อนที่หลินเฉิงจะพูดจบหยุนเฟิงก็ส่ายหน้าเบาๆและเอ่ยขัด นายอยากพาคนของปีศาจราตรีที่ชำนาญพลังของ ‘จอมอสูร’ กลับไปด้วยสินะ?
จอมอสูร?
เมื่อได้ยินแบบนี้หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วทันที ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนของเผ่ารัตติกาลอย่างพวกคุณสามารถสื่อสารกับพวกสัตว์ทะเลกลายพันธุ์ได้หรอกหรอ?
แน่นอนว่าไม่!
เมื่อเห็นหน้าตาสงสัยของหลินเฉิงหยุนเฟิงก็ทำมือตลกๆ ถึงแม้ว่าการสื่อสารกับสัตว์ทะเลกลายพันธ์จะเป็นความสามารถเฉพาะของพวกเรา แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพลังนี้ การที่จะทำให้พลังนี้ตื่นขึ้น อย่างแรก คนๆนั้นจะต้องมี สายเลือดของหลิง !
สายเลือดของหลิง?
เมื่อได้ยินหลิงเฉิงก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาคิดว่าคนของเผ่ารัตติกาลทุกคนจะสามารถสื่อสารกับสัตว์ทะเลได้เสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น
ใช่สายเลือดของหลิง!
ตอนนี้สีหน้าของหยุนเฟิงเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเผ่ารัตติกาลอย่างพวกเราจะมีจำนวนคนน้อย แต่พวกเราก็ยังมีเลือด เผ่ารัตติกาลธรรมดาจะมีแค่การตื่นของ พลังเวทย์ เท่านั้น ในขณะผู้ที่มี สายเลือดของหลิง จะมีความสามารถอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือ จอมอสูร !
——————————