I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 112
SC-บทที่ 112 มีคนอยู่
ได้ตอนเย็นเขตหมู่บ้านหยุนเจียง
หลินเฉิง ขับรถช้าๆไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวในบริเวณของบ้านพัก มีบ้านพักหลังเดี่ยวซ่อน อยู่หลังต้นไม้ใหญ่ 2 ด้านข้างถนนซึ่งทําให้ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในได้ นอกเหนือจากหิมะหนาบนท้องถนนแล้วแม้แต่เงาซอมบี้ก็ยังมองไม่เห็น
“โอ้ คนรวยนี่ดีนะหากอยู่ในที่แบบนี้เมื่อเกิดวันอวสานโลกพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการระบาดของซอมบี้ได้ล่วงหน้า”
หลินเฉิง ขับรถเข้าไปยังบริเวณบ้านพักซึ่งห่างไกลจากซอมบี้ หลินเฉิง อดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ
ใบหน้าของ ฟางหยู ในเวลานี้กําลังขัซีดขาว เธอเดินทางผ่านทางทุรกันดารมาเกือบชั่วโมง หลายครั้งที่เธอต้องอาเจียนออกมาเพราะความปั่นป่วนในท้อง เมื่อได้ยินคําสรรเสริญของ หลินเฉิง เธอพูดอย่างไร้พลังว่า
“ถึงแม้ว่ามันไม่มีซอมบี้ แต่นายเชื่อไหมว่ามีตัวกินคนหลายร้อยตัวแอบซ่อนอยู่ที่นี่ ?”
หลินเฉิง ยักไหล่และพูดว่า
“ตอนนี้พวกเราเดินทางมานานแล้ว บ้านปู่ของเธออยู่อีกไกลแค่ไหน!”
“ ด้วยความเร็วในปัจจุบันนี้ควรจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะถึงที่นั่น บริเวณบ้านพักใหญ่มาก ฉันเคยหลงหลายครั้งเมื่อฉันยังเป็นเด็ก”
ในที่สุดเธอก็ได้กลับบ้าน ฟางหยู ขดตัวอยู่บนที่นั่งเธอกําลังระลึกถึงความทรงจํา หลังจากตอบ หลินเฉิง อย่างไม่ตั้งใจเธอเปิดหน้าต่างเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
“บูม!”
สิบนาทีต่อมา หลินเฉิง หันพวงมาลัยเพื่อฆ่าซอมบี้ที่อยู่แถวนั้น จากนั้นเขาเหยียบเบรกเพื่อหยุด ข้างต้นไม้ ฮอลลี่ เขานั่งอยู่บนรถแล้วจ้องมองไปยังบ้านพัก 3 ขั้นที่ซ่อนอยู่ในป่าลึก
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่ได้ขับรถต่อไปฟางหยูรู้สึกแปลกใจ
“ทําไมไม่เข้าไปล่ะ?”
“เธอสายตาสั้นหรือตาบอดกันแน่ไม่เห็นหรอว่ามีรถจอดอยู่ที่ชั้นล่าง?”
เมื่อได้ยินคําพูดของ ฟางหยู หลินเฉิง พูดขึ้นด้วยความโมโห
ฟางหยู รีบเช็ดฝ้าบนกระจกหน้าต่างรถและมองไปยังบ้านพัก น่าเสียดายที่หิมะข้างนอกตกหนักทําให้สายตาของเธอถูกปิดกั้น เธอพยายามเพ่งมองอย่างละเอียดแต่เธอก็ไม่เห็นรถยนต์ใดๆ ทําให้เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า
“ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากนี้ปู่ของฉันมีรถอยู่ 2 คัน มันก็ไม่น่าแปลกที่จะมีรถอยู่ที่บ้านไม่ใช่หรอ?”
“โอ้ งั้นรถของปู่เธอถูกดัดแปลงเพื่อต่อกรกับซอมบี้หรือเปล่าล่ะ!”
หลินเฉิง ขี้เกียจเกินไปที่จะพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ จากนั้นก็หันไปตบหัวโคล่าและพูดว่า
“ไปดูสถานการณ์สิ ระวังตัวด้วยอย่าให้ถูกพบ!”
โคล่าพยักหน้าและใช้อุ้งเท้าของมันดึงประตูออกอย่างคล่องแคล่วและกระโดดลงไป จากนั้นปิดประตูด้วยอุ้งเท้าของมันอย่างฉลาด ก่อนที่จะวิ่งไปยังบ้านพักที่อยู่ด้านหน้า
ฟางหยู รู้สึกตกใจเมื่อเห็นสติปัญญาของโคล่า เธอคิดว่าโคล่าเป็นหมาที่ฉลาด แต่หลังจากที่เห็นมันสื่อสารกับ หลินเฉิง อย่างง่ายดายทําให้เธอรู้สึกว่า มันเกินกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้
“นั่น โคล่าฉลาดเกินไปหรือเปล่า นายฝึกมันยังไง”
เมื่อ หลินเฉิง เห็นว่าโคล่าออกไปปฏิบัติงานเขานั่งอยู่บนรถและจุดบุหรี่สูบอย่างเงียบๆ ตอนนี้ฟางหยูถามเรื่องโคล่าด้วยความประหลาดใจ เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วพูดว่า
“ ง่ายนิดเดียว ให้มันอ่านหนังสือพิมพ์ กินขนมน้อยลง และนอนให้มากขึ้น”
“ห๊ะ!”
ด้วยการแสดงอารมณ์ขันด้วยสีหน้าเย็นชาของ หลินเฉิง ทําให้ ฟางหยูอดที่จะหัวเราะไม่ได้และพึมพำออกมาว่า
“บ้า!”
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นสักพักโคล่าก็วิ่งกลับมาอย่างเงียบๆ เมื่อเห็น ฟางหยู ลงมาจากรถมันใช้อุ้งเท้าของมันยกขึ้น
“ มี 3 คนอยู่ชั้นแรกแล้วชั้นบนล่ะ มองไม่เห็นหรอ?เอาล่ะ…แล้วอาวุธล่ะ…ก็ไม่เห็นเหมือนกัน! ”
ชายคนหนึ่งและสุนัขกําลังแลกเปลี่ยนการสื่อสารกันบางครั้งก็มีเสียงตําหนิมาจาก หลินเฉิง เมื่อโคล่าถูกดุ มันจึงพยายามใช้อุ้งเท้าของมัน แตะที่ หลินเฉิง
“โอ้ เจ้าตัวน้อย คิดจะเถียงหรอ!”
เมื่อได้ข้อมูลที่อยากรู้แล้ว หลินเฉิง ค่อนข้างอารมณ์ดี หลินเฉิง จ้องมองไปที่โคล่า มันพยายามหันหัวของมันไปทางบ้านพักจากนั้นการแสดงออกของมันราวกับกําลังดูถูกมนุษย์ที่อยู่ที่นั่น
หลินเฉิง ส่ายหัวและหัวเราะอย่างขมขื่น เขายืนขึ้นและหันไปหา ฟางหยู ที่อยู่ในรถและพูดว่า
“ มีคนอยู่ข้างในอย่างแน่นอน ผมจะเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนเธออยู่ที่นี่!” จากนั้นเขาหันหลังกลับและอุ้มโคล่าไปยังบ้านพักด้วย
“เดี๋ยวก่อนฉันจะไปด้วย!”
เมื่อ ฟางหยู ได้ยินว่ามีใครบางคนอยู่ในบ้านพักเธอกระโดดลงจากรถและส่งเสียงอย่างกระตือรือร้น หลังจากนั้นเธอเดินตาม หลินเฉิง เพียงไม่กี่ก้าว หลินเฉิง หันกลับมาและขมวดคิ้วใส่เธอ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า
“มีเอกสารลับมากมายในบ้านพักของปู่ ฉันอยากจะดูว่าพวกมันถูกทําลายไปหรือเปล่า! นายมั่นใจได้แม้ฉันจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนายได้ฉันก็จะไม่เป็นภาระให้กับนาย!”
เมื่อได้ยินคํารับรองของหญิงสาว หลินเฉิง ขมวดคิ้ว และเมื่อเห็นว่าท้องฟ้ากําลังจะมืดสนิท หลินเฉิง จึงขี้เกียจเกินไปที่จะต่อต้านหญิงสาวจากนั้นเขาจึงพูดว่า
“อยากเป็นตัวถ่วงผมแล้วกัน!”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเธออีก เธอเดินตามชายหนุ่มและโคล่าไปยังบ้านพักอย่างช้าๆ
พวกเขาเห็นแสงไฟสลัวสลัวส่องผ่านหน้าต่างบนชั้น 3 หลินเฉิง มองขึ้นไปและยังคงเห็นเงาของคนเคลื่อนไหวเป็นบางครั้ง หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาจึงหันไปหา ฟางหยู และถามว่า
“ห้องนอนปู่ของเธออยู่ที่ชั้นไหน?”
“ ชั้น3” เมื่อได้ยินคําถามของ หลินเฉิง ฟางหยู ตอบอย่างตั้งใจ
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจของ หลินเฉิง มืดมนเขารีบแอบข้างต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง
“ผมเกรงว่าโทรศัพท์ดาวเทียมของเขาจะตกอยู่ในมือของคนเหล่านี้แล้ว! แต่มันก็ยังไม่แน่ ดังนั้นผมจะเข้าไปตรวจสอบสถานะการภายใน เธอและโคล่ารออยู่ที่นี่และเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์!”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของ หลินเฉิง ฟางหยู ไม่ได้ขอเข้าร่วมอีกต่อไปเธอพยักหน้าและพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นนายระวังตัวตัวย! แต่ว่านายแข็งแกร่งมากคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนาย… ใช่ไหม?”
หลินเฉิง ไม่ตอบหญิงสาว และใช้ประโยชน์จากพายุหิมะปกปิดตัวเองและรีบวิ่งตรงไปยังบ้านพัก
อย่างไรก็ตามในไม่กี่วินาทีต่อมา หลินเฉิง ก็สามารถไปยังด้านหลังของบ้านพักได้และใช้มีดของเขาตัดหน้าต่างเตรียมที่จะกระโดดเข้าไปด้านในห้อง แต่ทันใดนั้นเสียงประตูก็เปิดออก มีผู้หญิงคนนึงอายุประมาณ 17-18 ปีเดินพร้อมมากับเทียนไขที่อยู่ในมือซ้ายและกระติกน้ำร้อนที่อยู่ในมือขวาของเธอ หลังจากปิดประตูเธอวางเทียนไขลงบนตู้เสื้อผ้าและถอดเสื้อผ้าออก…