I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 133
บทที่ 133 ควบคุมไฟ
สิบนาทีต่อมา หลินเฉิง ที่วิ่งตามหลังชายหนุ่มคนหนึ่ง ก็เห็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นบนเนินเขาอยู่ไม่ไกลออกไป หลังจากที่เขาสังเกตอย่างถี่ถ้วนเขาพบว่าบ้านเหล่านี้ทํามาจากก้อนหิน หลังคาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของกระเบื้องสีเขียวที่ไม่ค่อยเคยเห็นในยุคนี้แล้ว นอกจากนี้ในหมู่บ้านยังมีระเบียงเรียงกันอย่างเรียบร้อยมองเห็นถึงความสงบและเรียบง่าย
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในหมู่บ้านตอนนี้ค่อนข้างแย่ ไฟกําลังลุกไหม้ทุกหนทุกแห่งพร้อมกับเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากภายในเป็นครั้งคราว
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ หลินเฉิง ทิ้งความรู้สึกเพลิดเพลินทิ้งไปและรีบคว้าตัวชายหนุ่มที่ชื่อ มูซาน ขึ้นและเร่งความเร็วไปยังหมู่บ้านที่อยู่ด้านหน้า!
หลังจากวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน หลินเฉิง เห็นชาวบ้านที่วิ่งออกมาตามถนนแคบๆและ ตอกซอกซอยเพื่อหลบหนีไฟ เขาลูบหัวโคล่าสั่งให้มันวิ่งไปทางเหนือพร้อมกับสูดลมหายใจเต็มแรง แล้ววิ่งตามหลังมันไปอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะ ไปจัดการมัน!”
หลังจากที่ผ่านตอกซอกซอยหลายแห่ง หลินเฉิง ผลักชาวบ้านที่วิ่งออกมาขวางทางหลบไป และเห็นโคล่าหายไปยังมุมด้านหนึ่ง เขารีบติดตามไปทันที หลังจากที่เขาพ้นตรงหัวมุมเขาเห็นร่างของมนุษย์กําลังลุกไหม้เป็นไฟกลายเป็นซากศพที่ถูกเผาไหม้อยู่ไม่ไกล
ในที่สุดเขาก็พบ หลินเฉิง โบกมือให้โคล่าหลบออกไปเขาดึงดาบออกมาและพุ่งตรงไปทันที
“ฟิ้ว!”
ใบมีดน้ําแข็ง 3 เล่มพุ่งตรงไปยังตัวกินคนทันที แต่ผลลัพธ์เป็นเหมือนที่ หลินเฉิง คาดการณ์ เอาไว้มันสามารถสร้างกําแพงไฟขึ้นมาเพื่อปิดกั้นใบมีดน้ําแข็งของเขาได้
หลังจากที่ใบมีดน้ําแข็งและกําแพงไฟปะทะกันเกิดควันสีขาวออกมาจํานวนหนึ่งพร้อมกับละลายหายไป
ในเวลาเดียวกันตัวกินคนก็หันมาสนใจ หลินเฉิง และขว้างดวงไฟ 3 ดวง ใส่ หลินเฉิง ทันที
หลินเฉิง ยกดาบดําขึ้นมันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะตอบโต้การโจมตีจากนั้นเขาปักใบมีดลงบนพื้น
“บูม!” เกิดกําแพงน้ําแข็งรอบๆตัวตัวกินคน ทันที
หลินเฉิง ใช้ความคิดของเขาสร้างห้องน้ําแข็ง 5 ทิศทางเพื่อบีบตัวกินคนให้อยู่ในนั้น เขาพยายามเรียกหนามน้ําแข็งออกมาเพื่อใช้ในการจัดการตัวกินคนคล้ายกับหวังเฉิง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงตัวกินคนคํารามอย่างโกรธเคือง ภายในห้องน้ําแข็งของเขาก็เกิดไฟลุกโชติช่วง
“ซี่ซี่”
ห้องน้ําแข็งที่หนาเกือบ 1 เมตรถูกไฟทําให้กลายเป็นไอน้ําทันทีหลังจากนั้นไฟยังคงลุกโชติช่วงตลอดและระเบิดออกมาราวกับปืนใหญ่!
“บัดซบ…มันกินไวอากร้าเข้าไปหรือไง?”
เมื่อมองเห็นดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หลินเฉิง กลืนน้ําลาย และสรุปได้ว่าตัวกินคนที่กลายพันธุ์นี้ดุร้ายยิ่งกว่าหวังเฉิง
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเฉิง สงบสติอารมณ์ และกําหมัดแน่นดูเหมือนว่าตัวกินคนนี้จะบังคับให้เขาต้องเอาจริงซะแล้ว หลินเฉิง หัวเราะเยาะตัวเองและยกดาบสีดําขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียง “แกร็บๆ” ดังขึ้นในซอย ทันใดนั้นพื้นดินที่อยู่ในซอยก็รวมตัวกันเป็นชั้นน้ําแข็งควบแน่นและก็เป็นทางน้ําแข็งพุ่งตรงไปยังทิศทางของตัวกินคน
เมื่อเห็นว่าน้ําแข็งเกาะอยู่ที่เท้าของมันตัวกินคนพยายามที่จะใช้กรงเล็บของมันทําลายน้ําแข็งโดยตรง
“ แกร็บๆๆๆๆ”
ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถหลุดพ้นจากน้ําแข็งที่พันธนาการเท้าข้างหนึ่งของมันไว้ได้ ชั้นน้ําแข็งเริ่มก่อตัวคืบคลานเข้าไปบนร่างกายของมัน และเพียงไม่กี่วินาทีร่างของมันก็กลายเป็นรูปปั้นน้ําแข็ง
ในเวลาเดียวกัน หลินเฉิง ก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายใจและค่อยๆเดินไปยังรูปปั้นน้ําแข็ง จากนั้นยกเท้าขวาขึ้นมาและเตะทันที
ปัง!
ตอนนี้ใต้ฝ่าเท้าของเขาเป็นเศษเลือดเนื้อของตัวกินคนที่ทําลายหมู่บ้านก่อนหน้านี้
“ เป็นยังไงบ้างท่าโจมตีของฉัน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคลื่นความเย็นที่เพิ่งเกิดไป แกคิดจะใช้ไม้ขีดไฟเบาๆเพื่อทําลายน้ําแข็งของฉันอย่างนั้นหรอ ฮ่าฮ่า”
เขาได้รับคะแนนจากการฆ่าตัวที่กินคนนี้ถึง 5000 คะแนนอีกครั้ง หลินเฉิง พูดกับตัวเองและ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความชอบใจ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้การปรากฏตัวของตัวกินคนที่กลายพันธุ์สามารถพ่นไฟได้นี้แสดงให้เห็นถึงการล่มสลายของมนุษย์ และนั่นหมายความว่าในอนาคตเขามีโอกาสที่จะเจอกับตัวกินคนที่กลายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น
“คงต้องระวังตัวมากขึ้น!”
หลินเฉิง เตือนตัวเอง เบาๆ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลังเขาจึงหยุดคิดเรื่องนี้ และหันกลับไปพร้อมกับคาบบุหรี่อยู่ในปาก และพบว่ากลุ่มคนที่เขาทิ้งเอาไว้ด้านหลังเพิ่งจะมาถึง
“นั่นอะไรแล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นล่ะ?”
เมื่อมองเห็น หลินเฉิง กําลังยืนสูบบุหรี่อย่างสบายใจ ฮีฉีฮัน ที่วิ่งกลับมาด้วยความเหนื่อยหอบรีบมองหาสัตว์ประหลาดและเห็นเศษเนื้อบนพื้นเขาจึงถามอย่างเร่งรีบ
หลินเฉิง โบกมือและโยนบุหรี่ทิ้งจากนั้นชี้ไปยังเศษน้ําแข็งที่อยู่ด้านหลังเขา
“มันอยู่ที่นี่!”
เมื่อมองไปที่เศษเนื้อที่อยู่ด้านหลังดวงตาของ ฮีฉีฮัน ก็เบิกกว้างและถามออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่สามารถพ่นไฟอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่มันนั่นแหละ แต่ไฟก็สามารถดับได้เสมอ!”
หลังจากพูดสองสามคํา หลินเฉิง มองไปรอบๆและเห็นว่าไฟในหมู่บ้านยังไม่ดับเขาจึงพูดขึ้นว่า
“ไม่จําเป็นต้องมาสนใจมันตอนนี้ คุณควรที่จะไปดับไฟให้เร็วที่สุด!”
เมื่อชายชราได้รับคําเตือนจาก หลินเฉิง เขารีบสั่งให้คนข้างหลังของเขารีบไปดับไฟ หลังจากหันหน้ามาเขาพบว่า หลินเฉิง พร้อมที่จะจากไปจากที่นี่พร้อมกับโคล่าแล้ว จากนั้นชายชราจึงตะโกนขึ้นมาว่า
“อย่าเพิ่งไปหนุ่มน้อย! ถ้าฉันเดาไม่ผิดนายคงถูกปิดกั้นจากทางหลวงด้านล่างเลยต้องการข้ามภูเขาฟีนิกซ์ใช่ไหม?”
หลินเฉิง หยุดเดินและหันหลังกลับไป
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรอ?”
ไม่ได้ยินคําตอบที่ยืนยันของ หลินเฉิง ฮีฉีฮัน อดไม่ได้ที่จะสายหัวและถอนหายใจ
“หากเป็นอย่างนั้นฉันแนะนําให้นายพักที่นี่ 1 คืนก่อน สําหรับเหตุผลฉันจะอธิบายให้ฟังหลังจากเมื่อดับไฟเสร็จ!”
ดูเหมือนว่าชายชราไม่ได้พูดโกหก เขาจึงขมวดคิ้วและพูดว่า
“ มันเป็นเรื่องยากที่จะข้ามภูเขาฟีนิกซ์อย่างนั้นหรอ?”
“เอ่อ…”
ฮีฉีฮัน โบกมือแล้วพูดว่า
“ ไม่เลยเถึงแม้ว่านายจะเก่งมาก แต่นายยังคงมีแค่สองมือ ตอนนี้พระอาทิตย์กําลังจะตกภูเขาฟีนิกซ์ในตอนกลางคืนนั้นน่ากลัวมาก ฉันเกรงว่านายจะเอาชีวิตไปทิ้งซะก่อน!”