I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 134
บทที่ 134 ดับไฟ
“เอาชีวิตไปทิ้งอย่างนั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคําพูดของชายชรา หลินเฉิง ขมวดคิ้วและถามอย่างจริงจัง
ฮีฉีฮัน พยักหน้าและกําลังที่จะอธิบายแต่เขาก็เห็นชายหนุ่ม 2 คนวิ่งผ่านไปพร้อมกับถังน้ําเขาจะพูดว่า
“เอาไว้คุยกันทีหลัง นายพึ่งฆ่าสัตว์ตลาดตัวนี้ได้ พักอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากดับไฟเสร็จ!”
จากนั้นชายชราก็โบกมือและเข้าร่วมในการช่วยการในการดับเพลิง
เมื่อมองไปที่ชาวบ้านกําลังตะโกนและกรีดร้องพร้อมกับวิ่งไปรอบๆเพื่อดับไฟ หลินเฉิง ถอนหายใจและพาโคล่าเข้าร่วมสมทบในการช่วยดับไฟทันที
2 ชั่วโมงต่อมา
ไฟที่โหมกระหน่ําได้ดับลง หมู่บ้านเกือบครึ่งถูกทําลายศพที่ไหม้เกรียมถูกนํามากองรวมกันไว้ในจัตุรัสเล็กๆกลางหมู่บ้านรอบๆเต็มไปด้วยชาวบ้านที่รอดชีวิตกําลังโศกเศร้า ญาติของผู้เสียชีวิตหลายคนกําลังร้องไห้และเป็นลม
หลินเฉิง ยืนพิงกําแพงและสูบบุหรี่อย่างเงียบๆ เขากําลังมอง ฮีฉีฮัน ที่กําลังทําหน้าที่อยู่กลางหมู่บ้านเขาพยายามใช้คําปลอบโยนเพื่อบรรเทาความทุกข์ให้กับทุกคน มีเด็กชายอายุ 6 ขวบคนหนึ่งกําลังกอดที่ต้นขาของเขาแน่น
“นี่คือจุดจบของเรื่องราว พวกเราที่รอดชีวิตจะต้องสู้ชีวิตต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอด เสี่ยวซาน พาคนอีกสองสามคนไปฝังศพคนเหล่านี้”
ฮีฉีฮัน รอให้มซานกับชาวบ้านช่วยกันนําศพไปฝัง จากนั้น ฮีฉีฮัน ก็ชี้มาที่ หลินเฉิง และพูดกับฝูงชนว่า
“การที่เราสามารถรอดพ้นมาได้ในวันนี้และหมู่บ้านของเราไม่ถูกทําลายเป็นเพราะความช่วยเหลือจากชายคนนี้ เรามีความขัดแย้งกับเขาในภูเขาก่อนหน้านี้แต่เรื่องได้ผ่านไปแล้วเราจะไม่พูดถึงมันอีกต่อไป เขาจะพักค้างคืนที่หมู่บ้านของเราในคืนนี้ ฉันหวังว่าทุกคนจะปฏิบัติต่อเขาอย่าง
พูดจบดวงตาของ ฮีฉีฮัน ก็หันไปมองชายผิวซีดที่เคยจูโจม หลินเฉิง ในปาก่อนหน้านี้
“สําหรับพลังของเขา ฉันคงไม่จําเป็นต้องบอกทุกคน แล้วหวังว่าทุกคนจะรู้ตัวเองดี!”
จากนั้นชายชราก็พยักหน้าให้กับ หลินเฉิง และมอบหลานชายของเขาให้กับชาวบ้านจากนั้น ส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มเดินตามเข้าไป เมื่อเห็นว่า ฮีฉีฮัน พยักหน้าให้ หลินเฉิง ทิ้งก้นบุหรี่และไม่ ได้มองไปที่ชาวบ้านตรงกลางหมู่บ้านแม้แต่น้อย เขาเดินตาม ฮีฉีฮัน เข้าไปในซอย
“ตั้งแต่วันสิ้นโลกมาถึงหมู่บ้านของพวกเราถูกโจมตีโดยซอมบี้และตัวกินคน! โชคดีที่ข้าสามารถปลุกความสามารถในการควบคุมสิ่งต่างๆได้ตั้งแต่เริ่มต้น และหลังจากนั้นต่อมาชายหนุ่ม หลายคนได้ปลุกพลังของเขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง..”
ฮีฉีฮัน เดินนําอยู่ด้านหน้าในขณะพูดคุยกับ หลินเฉิง
“ การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นเวลานาน ผู้คนถูกสังหารเป็นส่วนมากคนที่เหลือได้รับผลกระทบทางจิตใจ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในปาพวกเขาอาจประพฤติตัวไม่เหมาะสม
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินเฉิงขัดจังหวะการพูดของชายชรา
“ ผมไม่ต้องการพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้! คุณควรบอกบางสิ่งที่เกี่ยวกับภูเขาฟีนิกซ์ให้กับผม”
เห็นได้ชัดว่า หลินเฉิง ไม่ได้ใส่ใจเรื่องความขัดแย้งก่อนหน้านี้มันทําให้ ฮีฉีฮัน ค่อนข้างรู้สึกผ่อนคลายลงและพูดขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องรีบร้อนฉันจะพานายไปยังที่พักก่อน”
จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกต่อไป หลินเฉิง เดินเข้าไปในซอยที่คดเคี้ยวเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงบ้านที่ทําด้วยอิฐสีแดงซึ่งเห็นได้ชัดว่าหรูหรากว่าบ้านอื่นๆ
ฮีฉีฮัน ชี้ไปยังอาคาร 3 ชั้นแล้วพูดขึ้นว่า
“นี่คือบ้านที่หรูหราที่สุดในหมู่บ้านฟีนิกซ์ หลังจากเกิดวันอวสานโลกครอบครัวของพวกเขา… ตอนนี้มันว่างอยู่ฉันจะให้ใครบางคนช่วยหาเครื่องนอนมาให้ นายสามารถพักอยู่ที่นี่!”
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็เปิดประตูน้ํา หลินเฉิง เข้าไปด้านใน พบว่าด้านในเป็นห้องที่ว่างเปล่า
“คือว่า…เพราะว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ดังนั้นเครื่องตกแต่งบ้างบางชิ้นจึงถูกเคลื่อนย้ายออกไป แต่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่บ้างในห้องนอนบนชั้น 2 ซึ่งน่าจะเพียงพอสําหรับนาย…”
เมื่อเห็นสายตาของ หลินเฉิง เหลือบห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า ฮีฉีฮัน พยายามอธิบายอย่างอับอาย
“เข้าใจแล้วแค่มีเตียงผมก็นอนได้!”
ฮีฉีฮัน รู้สึกอึดอัดเมื่อ หลินเฉิง บอกปัด
ดังนั้น ฮีฉีฮัน ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไปเขาพา หลินเฉิง ขึ้นไปบนห้องนอนบนชั้น 2 จาก นั้นพวกเขานั่งลงบนเก้าอี้หวายในห้องนอนพร้อมกับจุดบุหรี่
“ หมู่บ้านฟีนิกซ์ของเราเป็นหมู่บ้านของชาวเย้าซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 200 ปีตั้งแต่สมัยโบราณ จริงๆแล้วมีชาวฮั่นหลายคนเช่นเจ้าของบ้านหลังนี้”
“มีเพียงหมู่บ้านเดียวบนภูเขาฟีนิกซ์ ดังนั้นการพบปะผู้คนจึงเป็นเรื่องยากมาก พวกเราไม่รู้เรื่องด้วยซ้ําในช่วงเริ่มต้นของวันสิ้นโลก! แต่เนื่องจากมีสัตว์ประหลาดตัวแรกปรากฏขึ้นในหมู่บ้าน และเริ่มสังหารชาวบ้านหลายคนดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่!”
ฮีฉีฮัน สูดหายใจลึกบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“เนื่องจากสัตว์ประหลาดนั้นทําให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายกันมากชาวบ้านเริ่มหวาดกลัวและพวกเราพยายามที่จะย้ายหมู่บ้านออกจากที่นี่ แต่เมื่อเราพยายามที่จะออกจากหมู่บ้านและเข้าไปยังภูเขาลึก แต่แล้วก็ถูกจับโดยสัตว์ประหลาดที่ออกมาจากหลุม ทําให้เราบาดเจ็บล้มตายเป็นอย่าง มากในที่สุดพวกเราก็ต้องย้อนกลับมา!”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลินเฉิง มีข้อสงสัยบางอย่าง
“ถ้าคุณไม่ได้ออกจากภูเขาเลยตั้งแต่วันอวสานโลกแล้วคุณรู้ได้ไงว่าทางหลวงด้านล่างถูกปิดกั้น!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮีฉีฮัน ถอนหายใจและพูดว่า
“เพราะนายไม่ใช่คนแรกที่ข้าม ภูเขาฟีนิกซ์ เราได้พบ 2 -3 ทีมที่ผ่านมาที่นี่และถูกปิดกั้นจากด้านล่างและต้องการที่จะข้ามภูเขาไป พวกเขามีผู้คนจํานวนมากและไม่ได้ให้ความสําคัญกับพวกเราจากนั้นพวกเขาก็เสียชีวิตภายในปาลึก!
เมื่อได้ยินคําอธิบายของ ฮีฉีฮัน หลินเฉิง พยักหน้าและฟังเขาพูดต่อไป
“เมื่อเราออกสํารวจนอกหมู่บ้าน เราพบว่ามีหลุมจํานวนมากอยู่รอบหมู่บ้าน พวกเรารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากและพยายามจัดให้ชายหนุ่มในหมู่บ้านคอยระวังและเฝ้าดูตลอดกลางวันและกลางคืน!”
“การที่ฉันไม่ปล่อยให้นายเข้าไปในปาตอนกลางคืนก็เพราะ มีหลุมของพวกมันอยู่ในป่ามากมาย สัตว์ประหลาดเหล่านี้เจาะหลุมอยู่ แม้ว่านายจะมีพลังที่แข็งแกร่งแต่ฉันเกรงว่า เมื่อถูกพวกนั้นล้อมรอบนายคงอยู่ในสภาพไม่ดีนัก!”
เมื่อได้ยินคําพูดของ ฮีฉีฮัน หลินเฉิง ก็เข้าใจแล้วว่าทําไมชายชราห้ามเขาก่อนหน้านี้
“ผมรู้แล้ว ขอบคุณมากสําหรับคําเตือน ผม..”
ในขณะที่เขาจะพูดเขาก็ถูกขัดจังหวะโดย ฮีฉีฮัน
“ ฉันต่างหากที่เป็นควรพูดคําขอบคุณ แม้ว่าฉันไม่รู้ว่าทําไมนายถึงสนใจสัตว์ประหลาดที่พ่นไฟได้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านายได้ช่วยหมู่บ้านเอาไว้! ฉันไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถตอบแทนนายได้อย่าง นั้นข่าวที่พวกเรามีอยู่พอที่จะชดเชยความเมตตาของนายใดบ้างไหม?
เมื่อเห็นว่าชายชรากังวล หลินเฉิง จึงยิ้มอยากขมขึ้นและพูดว่า
“ OK…ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องผม”
เมื่อเห็น หลินเฉิง ไล่เขาออกไป ฮีฉีฮัน เข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มนั้นความจริงแล้วเป็นคนใจดี และห่วงใยผู้อื่น เขาหยุดขึ้นแล้วพูดว่า
“จากนี้ฉันจะไม่รบกวนนาย แต่ฉันจะส่งบางอย่างมาให้กินในคืนนี้ และรอถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยออกไป!”
หลังจากนั้นเขาก็โบกมือลา หลินเฉิง และลงบันไดออกจากบ้าน