I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 231 ไบเฉิง
บทที่231 ไบเฉิง
“ดี!เธอเริ่มว่องไวขึ้นแล้ว!”
หลังจากเห็นการต่อสู้ทั้งหมดของหยูซาน,หลินเฉิง ก็พยักหน้าพอใจกับไหวพริบของผู้หญิงคนนี้.
เมื่อได้ยินคำชมของหลิงเฉิน , หยูซาน ก็ยิ้มอย่างเขินอาย แม้ว่าจะเป็นการชมแบบธรรมดา ๆ แต่มันก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกมีความสุขได้
“ธะ..เธอ…เก่งขนาดนี้เลยหรอ?”
เมื่อได้เห็นความเก่งกาจและดุดันจากการต่อสู้ของสาวน้อยในสังกัดหลินเฉิง,เฉินเฟยหยู ก็รู้สึกทันทีว่าการที่ต้องรับมือกับพวกกุ้ย 5 คน นั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอะไรเลย จางซวน ไม่ได้หยิบเรื่องนี่ไปคิดมากนัก ผู้หญิงบางคนที่ไม่สามารถทนเสียงกระซิบหรือเสียงเอื่อยเฉื่่ยได้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก “ฆ่าไอพวกตัวกินคน เป็นเรื่องที่แย่หรอ? ฉันว่านายยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ….”
และมองไปยังร่างของซอมบี้สองตัวที่เต็มไปด้วยแพลเหวอะหวะ หลินเฉิง ก็พูดอย่างดูถูกออกมา
“ตอนนี้ถ้าพวกเราไม่สามารถหาต้นตอของปัญหาได้และแก้ไขมันให้ทันเวลาแล้วหละก็ มันไม่ต่างอะไรกับการโยนเนื้อมนุษย์เข้าไปในปากพวกมันทีละคนเลย และอีกอย่าง อย่าคิดว่าการได้ฆ่าไอพวกซอมบี้มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจนักหละ ไอพวกซอมบี้มันไม่แม้แต่จะจำอายุของตัวเองได้ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ไอพวกตัวปัญหา ตัวกินคน ก็ด้วย!”
เขาบอกให้ทุกคนรู้ถึงจุดจบอันโหดร้ายของเจ้าของร่างสองร่างนั้นหลินเฉิง เปิดประตูรถ SUV ที่จอดอยู่ข้างหลัง และนั่งลงบนที่นั่งคนขับ
“คลิก,คลิก..คลิก…”
หลังจากที่เขากดปุ่มสตาร์ทรถหัวสูบกว่า 7 หัวของเครื่องยนต์รุ่น GLS พยายามที่จะขยับได้แต่ส่งเสียงอันน่าขัดหูออกมาเท่านั้น
“แบตเตอรี่มันยังไม่หมดใช่รึปล่าวนะ?”
พอรู้แบบนี้หลินเฉิง ก็บ่นพึมพัมก่อนที่จะอ้อมไปยังกระโปรงหน้ารถเพื่อเช็คระบบภายใน และเขาก็พบกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด มันถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความโหดร้ายอันดุเดือด มานานเป็นเวลากว่า 3 ถึง 4 เดือน แน่นอนว่าพลังที่สถิตอยู่ในแบตเตอร์รี่ตอนนี้ก็คงไม่เหลืออยู่แล้วอย่างแน่นอน
หลังจากที่เขาพบต้นตอของปัญหาหลินเฉิงก็ไม่กังวลอะไร ในตอนนี้เขาอาจจะขาดอะไรหลายๆ อย่าง แต่ไม่ใช่กับรื่องวัตถุดิบแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม!
เขาหยิบชิ้นส่วนพลังงานฉุกเฉินออกมาจากคลังในตัวแคปซูลเพื่อใช้มันเป็นพลังทดแทน เชื่อมสายจากแบตเตอร์รี่สองสายก่อนที่ หลินเฉิงจะกลับเขาไปนั่งในรถและกดปุ่มสตาร์ทอีกครั้ง!
เปรี้ย!มีเสียงการชนกันของประจุไฟฟ้าดังขึ้น นั้นหมายความว่าพลังที่ขาดหายไปของเครื่องยนต์ได้รับกาารเติมเต็มแล้ว SUV ออฟโร้ด คันหรู ที่ถูกทิ้งไว้เป็นเวลาหลายเดือนกลับมาทำงานอีกครั้ง!
ทุกคนได้ยินเสียงเครื่องยนต์สันดาปเฉินเฟยหยู ผู้ที่ยืนกังวลอยู่ข้าง ๆ รถ ก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะกระโดนขึ้นไปนั่งในเบาะหลัง และตบลงไปบนเบาะหนังนั้นแทนการฉลอง
เมื่อได้รับเสียงเชียของผู้รอดชีวิตที่มีอยู่ประปรายหลินเฉิง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นก็ปนไปด้วยความเศร้าอันแสนขมขื่น
แต่นี่ก็เพียงเวลา3 หรือ 4 เดือน ภายใต้ความไร้เมตตาที่กำลังดึงโลกทั้งใบลงไปสู่จุดจบอันสิ้นหวัง เขาก็เปลี่ยนไป จากนักเรียนที่ทำอะไรไม่เป็นแม้แต่ลงโปรแกรมให้กับคอมพิวเตอร์ กลายเป็นพลขับอวุโสที่สามารถเช็คปัญหาให้กับรถยนต์และแก้ไขได้อย่างง่ายดาย….
หลังจากหมดปัญหาเรื่องยานพหานะหลินเฉิงไม่มีเวลามาเฉลิมฉลองอะไรกับผู้ที่นั่งอยู่ข้างหลัง เขากลับลงไปพร้อมกับดาบยาวเล่มหนึ่ง
“ไม่นะ!”
เมือเขาพังที่กั้นถนนหน้ารถพวกเขาเห็นดาบมันตัดผ่านเนื้อเหล็กกั้น ออกเป็นสองท่อนโดยไม่เกิดผลเสียกับตัวดาบเลยยังงั้นรึ? หลิงเฉิง ไม่หยุดแค่นั้น เขากวัดแกว่งดาบยาว ต่อไปเพื่อเปิดทางแก่รถ ออฟโร้ด
เฉินเฟยหยูและ จางซวน อาศัยข้อได้เปรียบของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางหลินเฉิงให้เกิดประโยชน์ แม้ว่าพวกเขากำลังทึ่งอยู่กับอำนาจของดาบยาวในมือของหลินเล่มนั้นก็ตาม พวกเขาไม่ได้ติดใจอะไรแม้จะอยู่ภายใต้เรื่องตกตะลึงก่อนหน้านี้ก็เถอะ
หลังจากสังเกตุเห็นทางลาดข้างใต้พวกเขานั้นมีช่องว่างอยู่ หลินเฉิงเห็นว่าทางลาดตลอดแนวนั้นชันเกินมานิดหน่อย มันสะดวกกว่าถ้าเทียบกับทางลาดที่เกือบจะเป็นแนวดิ่งก่อนหน้านี้ ถ้ายังขับต่อไปได้สะดวกแบบนี้หละก็ มันก็เหมือนกับทางด่วนที่จะนำพวกเขาไปสู่ทุ่งข้างล่างดีๆ นี้เอง
หลังจากเครียเส้นทางทุกอย่างแล้วหลินเฉิง กลับไปนั่งที่คนขับแบบเดิม อย่างแรกคือเขามองไปรอบ ๆ เจอคนกลุ่มหนึ่ง และพบว่าทุกคนพร้อมและขึ้นมาโดยสารบนรถ SUV หมดแล้ว เขาหันไปถาม เฉินเฟยหยู ผู้ช่วยคนขับทันที “งั้นก็,ไปที่ต่อไปเลยครับ,คุณผู้นำทาง!”
“เราจะเป็นทางไหนกันดีนะ….ไม่มีชื่อที่ดีกว่านี้แล้วรึไงครับ?”
เฉินเฟยหยูระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมน้ำตา หลังจากปฏิเสฐชื่อเล่นอันน่ารังเกียจอย่างสุดใจ เขาชี้ไปที่ถนนลูกรังห่างออกไปด้านล่าง “งั้น….ไปทางนั้นครับ!”
ได้ยินแบบนั้นปุ๊ปหลินเฉิงก็พยักหน้า มองไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว เขาเหยียบคันเร่ง รถ USV ก็มุ่งนำหน้าออกไปยังทุ่งโล่ง
…. ในยามค่ำคืนณ ไบเฉิง. ไอรีนโนเวล
หลินเฉิงและ ทีมของเขา เริ่มเดินทางจาก ฝั่ง ณ เวลา 13:30น. พวกเขาเจอกับอุบัติเหตุกลางทะเลอีกครั้ง กว่าพวกเขาจะไปถึงเกาะ หนานซู ก็ผ่านไป ถึงหกโมงเย็น แล้ว
หลังจากที่มาถึงพวกเขาก็เสียเวลาอยู่นานไปกับการหายานพหานะเพราะมันเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อพวกเขาแก้ปัญหาได้สำเร็จก็พร้อมที่จะเดินทางต่อแล้ว ตอนนั้นเวลาประมานสองทุ่มพอดิบพอดี !
แม้ที่ท้องฟ้าหนานซู จะมืดช้ามากด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่เมื่อขับรถต่อไปอีก 2 ชั่วโมง ทุกอย่างก็มืดมิด มองไม่เห็นถนนหรือเส้นทางแม้แต่นิดเดียวยากที่จะไปต่อได้
เพื่อความปลอดภัยแล้วหลินเฉิง ไม่ต้องการที่จะไปต่อ และ หลังจากที่พบกับอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ทุกคนก็เริ่มอ่อนล้าและหมดแรง เขาต้องพักก่อนสักระยะ อ่านข้อมูลบนแผนที่เพื่อหาที่พัก ที่ทุกคนจะสามารถฟื้นฟูพละกำลังได้อย่างเต็มที่ หลังจากพิจรณาดีแล้วหลินเฉิงก็หยุดที่ๆหมายตาไว้คือฝั่งตะวันออกกลางของเกาะ หนานซู ,ไบเฉิง นั้นเอง
หลินเฉิงไม่ค่อยจะรู้สถานการที่ไบเฉิงสักเท่าไหร่ เขาได้ยินมาบ้างจากปากของ เฉินเฟยหยู ว่าเป็นเมืองอิสระมีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่กว่า 10 ชาติพันธุ์
แต่นั้นไม่สำคัญเขาแค่อยากจะหาที่พักในคืนนี้เขาไม่ได้สนใจจุดเด่นนี้ของเมืองสักเท่าไหร่
หลังจากเดินทางอีกสักพักก็มาถึงเมือง ด้วยรถ ออฟโร้ด คันยาวนี้ หลินเฉิง พบกับโรงแรมห้าดาวหรูหราตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ณ ใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยตึกใหญ่หลายตึก ไฟเฉิดฉายไปทั่วทำให้มองเห็นรอบแม้จะเป็นตอนกลางคืน
หลังจากจอดรถที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากโรงแรมหลินเฉิง ก็ตบมือปลุกคนที่นอนหลับเป็นตายกองกันอยู่หลังรถ พร้อมกับเรียก “ตื่นโว้ย! อย่านอนตรงนี้ ฉันเจอโรงแรมที่โคตรหรู สำหรับพวกเราแล้ว เราจะพักกันอย่างเต็มที่คืนนี้!!”
พูกจบเขาก็นำกระโดดออกไปจากรถ
ได้ยินแบบนั้นแม้จะงัวเงียและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน บางคนก็ใจแข็งขึ้นมา ด้วยจิตวิญญาณที่กลับมาบ้างแล้ว รีบกระโดดตาม หลินเฉิง ไป
หลังจากที่ปิดและล็อคประตูรถเสร็จหลินเฉิง เปิดสัมพัสทั้งหก สำรวจทุกอย่างโดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีภัยคุยคามในบริเวณนี้ เขาโบกมือเรียกทุกคนก่อนที่จะเดินนำไปยังโรงแรม
“นี่พวกเราจะได้พักที่โรงแรมนานาชาติ เทียนฮ่าว จริงๆ หรอ!?”
แค่เดินเข้ามายังส่วนหน้าของโรงแรมเฉินเฟยหยู มองขึ้นยังป้ายเหนือหัวขอเขา และตะโกนขึ้นมาอย่างสุดเสียง!
หลินเฉิงเห็น เฉินเฟยหยู ตกใจเหมือนกับพบสมบัติ ก็อดถามไม่ได้ “หะะ? โรงแรมนี้มันดังขนาดนั้นเลยหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นเฉินเฟยหยู ก็ถลึงตาใส่มองลงลงไปยังนัยตาของหลินเฉิงเหมือนกับเขาเพิ่งเห็นเอเลี่ยนตัวเป็น ๆ ยังไงยังงั้น “แน่สิครับ! นี้คือหนึ่งในเครืออุตสาหกรรมของบริษัท เทียนฮ่าว และมันก็ยังเป็นโรงแรมนานาชาติชั้นหนึ่งของโลกอีกด้วย พี่ไม่รู้จักจริง ๆ หรอ!? ”
—————————-