I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 237 การแทรกแทรง
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 237 การแทรกแทรง
บทที่237 การแทรกแทรง
“ถามเลยถามมาเลย!”
ฉาเพงมองไปยังแฮมที่เย้ายวนใจก้อนนั้นบนมือของหลินเฉิง น้ำลายของเขาไหลโฉก เขาอยากจะแย่งมันมาด้วยซ้ำถ้าไม่ติดที่ว่า แรงกดดันของหลินเฉิง ดูสูงมากจนเข้าไม่กล้าแม้แต่ขยับไปไหน
“อันดับแรกปีศาจที่นายพูดถึงมันคือตัวอะไร? อย่างที่สอง นายรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของฐานทัพทางทะเลของเมืองนี้ไหม? นายจะได้เสบียงนี้มากขนาดไหนขึ้นอยู่กับคำตอบของข้อที่สอง!”
มองไปยังฉาเพง ที่ดูลุกลี้ลุกลนอยากจะวิ่งเข้ามาแต่ทำไม่ได้อยู่นั้น หลินเฉิงก็เริ่มขี้เกียจเล่นก็เลยถามคำถามไปตรงๆ
เมื่อฉาเพงได้ยินคำถามทั้งสองข้อเขาก็หันไปมองเฟยหยู และเฟยหยูก็กำลังมองเขาอยู่ ก่อนที่เฟยหยูจะพยักหน้ารอให้เขาตอบ “เขาคือพี่หลิน เขาเคยช่วยชีวิตกูไว้ แล้วก็มีพลังเหนือมนุษย์ด้วย! แกเชื่อใจเขาได้เว้ย ตราบใดที่แกยอมตอบคำถามเขาอะนะ พี่หลินไม่ทำอะไรแกแน่นอน!”
ฉาเพงได้ยินแบบนั้นเขาก็พอจะรู้ถึงที่มาของความกดดันที่เขากำลังเจออยู่ เขาไม่กล้าแม้แต่จะทำตัวอืดอาด รีบตอบคำถามทันที “ฐานทัพเรือนั้นอยู่หลังหุบเขาฉีหนิ? ฉะ..ฉันรู้ว่ามันเป็นเขตหวงห้าม พวกนายอยากรู้อะไรเกียวกับมันหละ?”
ได้ยินคำตอบนั้นหลินเฉิง ก็เลิกคิ้วขึ้นและถามกลับ
ก่อนที่จะได้ถามฉาเพง ก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย “เพราะว่าจริงๆ แล้วฉันควรจะเป็น แฮ็คเกอร์ ! ฉันชอบที่จะพูดคุยกับเพื่อนผ่านทางอินเตอร์เน็ตลึกลงไปและอ่านไปเจอฟอรั่มหนึ่ง เกียวกับสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกหวงห้าม การหาเรื่องเกียวกับความลับก็เหมือนกับหารูปโป๊เลยหละในฟอรั่มนี้! ฉันเป็นคนจากเมืองจงโฉว จึงอยากที่จะเข้าไปในนั้นมากเป็นพิเศษ ฉันพยายามตามหาจนเจอ ฐานทัพนั้น….”
“จริงหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้าก่อนที่จะถามต่อ “นายรู้วิธีเข้าไปในนั้นไหม?”
ฉาเพง พยักหน้าตอบ “”รู้สิ! ฉันเคยเข้าไปในนั้นมาแล้วด้วย แต่ก็ไม่กล้าเขาไปลึกนะ เพราะยังไงๆ มันก็คือเขตหวงห้ามทางการทหาร เดินไปสองก้าวสามก้าวก็เจอความลับของชาติ ที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ ถ้าฉันเข้าไปลึกกว่านี้ รัฐบาลคงชวนฉันไปงานปาตี้น้ำชาแล้ว….”
“โฮ่!เยียมไปเลย!” ไอรีนโนเวล
เมื่อเขาได้เจอคนที่รู้เรื่องสถานที่ลับนั้นจริงๆเขาก็ดีใจขึ้นมา เขาดีใจจริงๆ ที่มาถูกที่!
“แล้วไอปีศาจนั้นหละว่ายังไง?”
เฟยหยูที่กำลังตื่นเต้นอยู่นั้นนึกถึงเรื่องปีศาจนั้นได้พอดีจึงถามออกไป เมื่อได้ยินข้อสงสัยของเฟยหยูท่าทางของฉาเพงก็เปลี่ยนไป เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
“ไอปีศาจบ้านนั้นมันตัวใหญ่มาก!กุกำลังนั่งกินข้าวอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากชั้นล่าง! กูอยู่ชั้นเกือบจะบนสุดก็จริงแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้มองลงไปนอกหน้าต่าง…. ”
พอเขาจะพูดต่อคอก็เริ่มแห่งหยิบน้ำทีเฟยหยูยื่นให้มาดื่มก่อนจะพูดต่อ“กูก็เห็นปีศาจสี่ตัวกำลังไล่โจมตีมนุษย์อย่างบ้าคลั่งอยู่ชั้นล่าง! กูจำคนพวกนั้นได้พวกเขาก็เป็นคนที่อาศัยอยู่แถวนี้ด้วย หลังจากโลกใบนี้ถึงจุดจบ ทุกคนก็เริ่มรวมตัวกันออกหาสเบียง แต่ก็ไม่ทันระวังพวกเขาก็โดนกลืนไปทั้งตัว….”
“ตอนแรกกูก็กลัวแต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น เพราะกูอยู่ตั้งชั้นที่ 16 แต่แล้วพวกมันก็เริ่มปีนตึกขึ้นมาไล่กินคนต่ออีก! พวกมันปีนไปยังห้องที่ครอบครัวกูอาศัยอยู่ เมือกูเห็นมันปีนขึ้นมาก็เกิดอาการปอดแหกอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล เมือวิ่งหนีมาถึงโถงทางเดินก็ได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก ตอนนี้กูเหลือแค่สองทางเลือกคือกระโดดลงไปตามบันได หรือหนีมายังห้องนี้หวังว่ามันจะหากูไม่เจอ…”
หลังจากฟังฉาเพงอธิบายด้วยควาตื่นกลัวที่เบาลงแล้วหลินเฉิงก็พยักหน้าเข้าใจ “แล้วนายมีกุญแจห้องนี้ได้ยังไง?”
ได้ยินแบบนั้นฉาเพงก็พูดอย่างยินดี“ชีวิตฉันยังมีขอดีอยู่ ทุกครั้งที่เจอความชิบหายจะมีอะไรบางอย่างดึงฉันออกไปเสมอ รอบนี้พวกนายก็โพลมาตอนฉันกำลังจะอดตาย ฉันมีกุญแจห้องนี้เพราะว่า มันเป็นห้องของญาติฉัน เธอไปเที่ยงต่างประเทศกับพี่เขยของฉัน เธอกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลห้องให้อาหารปลาทองของเธอ เธอจึงฝากหน้าที่นี้ไว้กับฉัน แล้วก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นทางรอดของฉันซะได้”
“โอเค…”
หลังจากได้ยินคำอธิบายนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้าอยู่เงียบๆ “นายน่าจะเป็นคนโชคดีที่สุดที่ฉันเคยเห็นแล้วหละ! ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรที่ไม่คาดฝันหละก็นะ โชคของนายในอนาคตน่าจะดีกว่านี้อีก…”
“ทำไม…นายถึงพูดแบบนั้นหละ?”
หลังจากที่ฉาเพงได้ยินประโยคหลังใจของเขาก็เริ่มสั่นรัว
เห็นชายที่กำลังหิวและจิตใจกำลังล่องลอยหลินเฉิงก็ทำอะไรไม่ได้ตบมือเรียกสติเขากลับมา “ไหนๆ นายก็รู้ที่อยู่ของฐานทัพนั้นแล้ว พาพวกเราไปหน่อยสิ!”
ฉาเพงได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปและงัดพลังเฮือกสุดท้ายกระหนีไปอยู่หลังโซฟาอยากจะหนีออกไป!
“แกร็ก!”
หลินเฉิงชักปืนออกมารีบเข้าไปดูฉาเพง เขาถามออกไปเล่นๆ ว่า “วิ่งหรอ ทำไมไม่วิ่งหนีออกไปเลยหละ?” ฉาเพง รู้สึกถึงไอเย็นจากปากกระบอกปืนจ่อหัวของเขาก่อนจะพูดออกมาอย่างเศร้าสร้อย “พะ….พี่ใหญ่ผมรู้ดีว่าข้างนอกอันตรายขนาดไหน พี่ไม่กลัวไอพวกนั้นหรอ แต่ผมเป็นแค่ชายที่อยู่ติดกับบ้านกากๆ คนนึง ผ..ผมวาดแผนที่ให้ได้นะครับ แต่อย่า…เอาผมไปด้วยเลยได้ไหม?”
“ได้สิ!”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ประทับใจอีกไปแบบหนึ่ง“‘งั้นก็วาดเลย วาดเสร็จพวกเราก็ไปกันแล้ว!”
หลังจากได้ยินหลินเฉิงสัญญาแบบนั้นเขาก็สงสัยเล็กน้อยก่อนที่จะถามออกไป “ละ..แล้วสัญญาก่อนหน้านี้หละครับ…?”
“ฉันสัญญาอะไรไว้หรอ?”
หลินเฉิงยิ้มที่มุมปากเมื่อ ฉาเพง เห็นว่าเขากำลังจะถูกเบี้ยวสัญญาเขาก็รีบตอบ “พี่บอกผมไว้หนิว่าจะให้เสบียง ไส้กรอก แล้วก็แฮมกับผมหลังจากที่ผมตอบคำถามอะ?”
“อ่าใช่ฉันพูดแบบนั้นแต่เมื่อฉันพอใจกับคำตอบ แต่สิ่งที่นายทำล่าสุดมันไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะงั้นเลย…” เมื่อเห็นหน้าของ ฉาเพง เต็มไปด้วยความโกรธ เขาก็โบกมือและพยายามอธิบาย
หลังจากได้ยินคำอธิบายนั้นฉาเพง ก็เข้าใจว่าหลินเฉิงตั้งใจจะให้เขานำทางตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเขาไม่ตกลงก็น่าไม่มีอะไรกิน หลินเฉิง ไม่ได้ให้เขากินอะไรก่อนเลย
เขารู้สึกเหมือนถูกมัดอยู่เขาตรัสรู้แล้ว ถ้าเขาไม่ไปกับพวกหลินเฉิง มันจะเป็นการฆ่าตัวตายเพราะอดตายจากการที่เสบียงหมด ทั้งหมู่บ้านมีตึกเหลืออยู่อีกหลังแต่มันก็เต็มไปด้วยพวกปัศาจซึ่งเขาจะไม่เข้าไปสู้ด้วยแน่ๆ
ถ้าเขาไปด้วยกับคนพวกนี้ก็ต้องเดินทางไกลกว่า60 กิโลเมตรไปยังฐานทัพนั้น ร่างที่เหมือนผีรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบนเส้นทางนั้นมันเต็มไปด้วยผีดิบและปีศาจมากชนิดเรียกว่านับไม่ถ้วน แม้ว่าเฟยหยูจะบอกว่าหลินเฉิงเก่งมากก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นกับตาตัวเองสักที
—————————-