I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 255 พลังที่คาดการไว้!
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 255 พลังที่คาดการไว้!
บทที่255 พลังที่คาดการไว้!
หลินเฉิงคิดถึงเรื่องนั้นที่หลินเฉิงหยีเล่าแล้วเขาก็ถาม“งั้นลุงก็หมายความว่า ที่ลุงกับป้าฉินและเสี่ยวเดียสามารถอยู่ดีกินดีได้ทุกวันนี้เป็นเพราะฉางเหวินฉวนหรอ?”
หลีเฉิงยีรู้สึกขายหน้าเมื่่อได้ยินแบบนั้นแต่เขาก็พยักหน้ายอมรับมัน “ใช่แล้วหละ เราสามารถอาศัยอยู่ที่นี้ได้ก็เพราะความสามารถของเสี่ยวเดีย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยต่อจากนี้ถ้าไม่มีเขา…”
“ภายใต้ความดูและของฉางเหวินฉวนป้าฉินและลุงถึงมีหน้าที่การงานอยู่ได้ทุกวันนี้ ตอนนี้ลุงเป็นรองผู้ว่าของแผนกบุคคล ฉันไม่มีส่วนรับผิดชอบอะไรมากก็จริงแต่ก็มีรายได้ดี ป้าฉินเป็นผนักงานบัญชีแผนกการเงินรายได้ก็ดีเหมือนกัน นอกจากนี้เสี่ยวเดียออกไปรวมรวมทรัพยากรกับทีมสองครั้งต่อสัปดาห์ เราก็เป็นครอบครัวที่เพียบพร้อมแล้วในตอนนี้มาตราฐานของฐานทัพทะเลน้ำเงินเป็นมาตราฐานระดับสูงแล้วเราก็อยู่ได้เหมือนที่หลานพูดก็เพราะว่า ฉางเหวินฉวน…”
พ่อหลีเฉิงหยีพูดออกไปหลินเฉิงก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา “เพราะความช่วยเหลือของเจ้าหนูเหวินฉวน ครอบครัวเราทั้งสามคนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และในเวลาเดียวกันเราก็เห็นใช่ไหมหละ ว่าเสี่ยวเดียก็ชอบเหวินฉวน แต่เพราะเธอเป็นคนขี้อาย ในการที่เขาจะดูและเธอได้นั้นก็เป็นไปไม่ได้ง่ายๆ ในช่วงนี้ พวกเขาก็เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว ลุงไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้อีกนานหรอกนะ…”
ก่อนที่เขาจะได้พูดต่อก็มีเสียงทุกอย่างรุนแรงจากห้องข้างๆห้องนั้่งเล่นนี้ ประตูบานนั้นก็เปิดออกมาจากอีกฝั่งทันที!
ป้าฉินเดินเข้ามาด้วยความโมโหหลินเฉิงก็ตกตะลึงเขาไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้น เมื่่อหลีเฉิงหยีเห็นสีหน้าของฉินซูหยี สีหน้าขของเขาก็แย่ลงในทันที “หลีเฉิงหยี!ฉันไม่สนว่าความฝันของแกที่จะเป็นพ่อทูนหัวให้ผู้บังคับบัญชากองพันที่หนึ่งนั้นจะเป็นอย่างไร แต่ฉันก็ไม่อนุญาติให้แกเอาเรื่องนี้มาคุยกับน้องส้ม! ไม่รู้สึกว่ามันหยามเกียรติตัวเองบ้างหรอ? ที่แกจะได้ใช้ชีวิตอันสุขสบายโดยการขายลูกสาวของตัวแลกกับความั่งคั่ง!”
เมื่่อเธอเข้ามาในห้องก็มองไปยังหลีเฉิงหยีก่อนเลยเมื่่อเห็นเขาทำหน้าตาหน้าโง่อยู่นั้นเธอก็ด่าในทันที ใบหน้าของเธอ เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
หลังจากด่าออกไปได้นิดหน่อยฉินซูหยีก็รู้สึกสับสนในตัวเองเล็กน้อย ปล่อยตัวลงไปนั่งบนโซฟาและไม่สามารถควบคุมความโกรธจนตัวสั่นนี้ได้ แม้ว่าหลินเฉิงจะพยายามเข้ามาปลอบเธอแล้วก็ตาม น้ำตาไหลก็พรากออกมา
หลังจากที่จบประโยคแล้วตาของเธอก็เป็นสีแดง หยิบทิชชูที่หลินเฉิงยื่นให้มาซับ เธอหันกลับไปมองหน้าหลีเฉิงหยี ผู้ที่มานัยตาสีเขียวเข้ม และพูดด้วยเสียงที่แหบ ‘ฉันบอกไปแล้วว่าให้เราทำสุดความสามารถ แม้ว่ามันอาจจะขมขื่นแต่สุดท้ายแล้วเราอาจจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ บางที่เราสักคนก็อาจจะยืนอยู่ที่ประตูแห่งชีวิตอย่างมีความสุขก็ได้! แกกล้าที่จะปฏิเสธไอฉางเหวินฉวนที่จะมายื่นคำสู่ขอวันพรุ่งนี้ไหมหละ? แกจะปฏิเสธเขาไปได้ยังไง!? ไอเหวินฉวนนั้นมันมีอะไรดีนักหนา? ที่มันทำให้ทั้งพ่อและลูกสาวขายวิญญาณให้กับมันโดยแค่มองตามันเท่านั้น!’ ไอรีนโนเวล
“มุมมองของผู้หญิง!ฉางเหวินฉวนมีอะไรดีอย่างงั้นหรอ? เปิดประตูออกไปข้างนอกสิเธอจะหาผู้ชายดีๆ ที่มีหน้าที่การงานดีและหล่อเหลา มากความสามารถอีกได้ที่ไหน เขาก็รักลูกสาวของเราแล้วในตอนนี้ ถ้าเพื่อความสุขของลูกแล้ว เขาต้องทำงานหนักเพื่อไอแก่อย่างเราทั้งสองคน เขาทำอย่างนั้นได้ไหมหละ? เขาก็ทำได้หนิ? ในท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเดียก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เธอเป็นแม่นะเห็นใจลูกหน่อยเถอะได้ไหม?”
หลังจากที่ถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียวหลีเฉิงหนีก็ลุกขึ้นตอบโต้
“อะแฮ่ม…”
เมื่่อเห็นคู่รักเก่าแก่สองคนทะเลาะกันต่อหน้าต่อตาเขาเพราะปัญหาเรื่องฉางเหวินฉวนที่พึ่งคุยกันมาหลินเฉิงก็อดถอนหายใจไม่ได้ เขาไอกระแอมไปสองครั้งเพื่อขัดจังหวะของคงทั้งสองคนที่กำลังต่อปากต่อคำกันอย่างแทบเป็นแทบตาย
หลังจากถูกขัดจังหวะโดยหลินเฉิงทั้งสองก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลินเฉิงยังอยู่ใกล้ๆ
พวกเขาก็รู้สึกขายหน้าเข้าไปอีกได้แต่กระแอมแก้เขินและนั่งลงไปบนโซฟาไม่พูดจาอะไรกันเลย
เมื่่อเห็นคนคู่นี้ที่อายุน่าจะเข้าใกล้หลักร้อยกันอยู่แล้วกำลังนั่งทำใจกับความขายหน้าหลินเฉิงก็ส่ายหัวและถามป้าฉิน “ก่อนที่พวกท่านจะจุดไฟสงครามกันอีกรอบ ผมขอถามหน่อยว่าทำไมป้าถึงปฏิเสธในตัวตนของ ฉางเหวินฉวน? มันต้องมีเหตุผลอยู่แล้วใช่ไหมครับ ฉางเหวินฉวนไม่ใช่แค่มีหน้าที่การงานความสามารถและหน้าดีแล้ว แต่ก็เหมือนจะมีใจให้เสี่ยวเดียแค่คนเดียวเท่านั้นอีกด้วย ป้าไม่เห็นมีอะไรที่ต้องไม่พอใจเขาเลยหนิครับ?”
ป้าฉินก็มองมายังหลินเฉิงและถอนหายใจยาวๆและอธิบายกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจในตัวเองสักเท่าไรเลย “ก็…จะบอกเธอยังไงดีนะน้องส้ม ป้าไม่สามารถชอบเขาได้จริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขาแล้ว ป้าก็ไม่รู้วว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ป้าคิดเสมอว่าผู้ชายใจป้ำเปย์ หญิงเทน้ำเทท่าไม่ใช่คนดีแน่นอนอยู่แล้ว!”
เมื่่อเห็นสีหน้าของหลินเฉิงที่คิดว่าบ้าไปแล้วฉินชูหยีก็รู้สึกได้เลยว่าเหตุผลนั้นมันฟังไม่ขึ้นหลังจากที่ยิ้มอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้ว เธอก็พูดต่อ “ฉันรูว่าทุกคนคิดว่าฉันเป็นบ้าต้องแต่เริ่มคุยกันเรื่องนี้แล้ว ที่ฉางเหวินฉวนดูแลพวกเราเป็นอย่างดีด้วยมารยาทแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ป้ารู้สึกดีด้วยเลยแม้แต่น้อย! บางที่ป้าก็คิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วรึเปล่า แต่ป้าก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองด้วยงูพิษ นั้นแหละคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงขอให้ลุงหลีและเสี่ยวเดียเลิกยุ่งกับเขาซะและเขาก็มาหาพวกเราหลายครั้ง นั้นทำให้พวกเขาไม่เชื่อป้า พวกเขาก็ยังคงพบปะสนิทสนมกับฉางเหฺวินฉวนจนทุกวันนี้ป้าก็ยังนอนหลับสบายไม่ได้สักที…”
ได้ยินแบบนี้ใจของหลินเฉิงก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเขาดึงสติกลับมาหันหลังกลับไปหาหยูซานที่นั้งอยู่ใกล้ๆ กับเขา เขากำลังฟังเรื่องของป้าฉินอย่างตั้งอกตั้งใจ ถามหยูซานด้วยเสียงเบาๆ “เธอเห็นอะไรไหม?”
หยูซานขมวดคิ้วตอบกลับไปอย่างไม่แน่ใจ“หนูว่า หนูรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง?”
“อื้มคิดเหมือนกันเลย!”
เมือรู้ว่าหยูซานคิดเหมือนกันหลินเฉิงก็พยักหน้า เขาหันกลับไปหาป้าฉินที่กำลังมองเขาสองคนด้วยท่าทีสงสัย เขายิ้มและบอกเหตุผลไป “เธอถามผมว่าเมื่่อไรจะได้กินข้าวครับ…”
“โอ้ให้ตายสิ!ป้าลืมไปเลยว่าต้องทำอาหารแล้ว ซาน ซาน รอแปปนึงนะเดี๋ยวป้าจะไปทำอาหารให้เดี๋ยวนี้แหละ!”
ป้าฉินนิ่งไปสักแปปก่อนที่จะตีขาตัวเอง มันเกือบจะสองทุ่มแล้วเธอรีบเข้าไปในครัวทันทีเพื่อทำอาหาร
เมื่่อเห็นป้ากลับไปทำอาหารด้วยเหตุผลที่เขาพึ่งปั้นขึ้นมาหลินเฉิงก็ลุกขึ้นใปห้ามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงครับป้าผมมีคำถามจะถามป้านิดหน่อยก่อนที่จะไปทำอย่างอืนครับ!”
————————-