I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 260 ตั๋วทะเลน้ำเงิน
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 260 ตั๋วทะเลน้ำเงิน
เห็นหยูซานพยักหน้ารับหลินเฉิงก็ยืดเส้นยืดสายดัดนิ้วดัดกระดูก ก่อนที่จะให้อาหารโคล่ากับเทียนซือและปล่อยให้พวกมันเฝ้าบ้าน เขาพาหยูซานไปยังบ้านของป้าฉิน
บ้านของหลินเฉิงกับบ้านของป้าฉินห่างกันไม่ถึง 100 เมตร พวกเขาไปถึงบ้านของป้าฉินก่อนที่จะได้พูดคุยอะไรกันเสียอีก
“ก็อก ก็อก ก็อก!…”
เคาะประตูอยู่สามครั้ง“กำลังมาเลยค่ะ” ก็ได้ยินเสียงตอบรับจากข้างในประตูถูกเปิดออกมา หลีเหมิงเดียทีกำลังคาบแปรงสีฟันอยู่ในปากฟองฟอดออกมา เธอมองหน้าของหลินเฉิงด้วยความอึ้ง
“ตื่นเร็วจังครับแม่หนูน้อย!”
เมื่อเขาเห็นน้องสาวรีบร้อนออกมาเขาก็อดหยอกเล่นไม่ได้ ได้ยินแบบนั้นหลีเหมิงเดียก็นิ่งไปสักแปปก็ที่จะตามทุกอย่างทันเธอส่งเสียง “อ๊า” ออกมา ก่อนที่จะเอามือปิดหน้าแล้ววิ่งขึ้นไปเข้าห้องน้ำชั้นสอง ขณะที่เธอกำลังวิ่งเธอก็พูดด้วยเสียงอู้อี้ “ทำไม่พี่ถึงมาเร็วถึงอย่างนี้! น้องยังไม่ได้ล้างหน้าเลยเนี๊ย!”
“ผู้หญิงคนนี้…”
เมื่อเห็นความเด๋อของน้องเขาได้แต่ส่ายหน้า ก่อนที่จะนำหยูซานเข้าไปในบ้าน
รอบนี้ยังไม่มีใครอยู่ในชั้นล่างเขากับหยูซานก็นั่งเล่นรออยู่สักพัก ก็ได้กลิ้นโจ๊กลูกเดือยลอยออกมาจากห้องครัว นั้นทำให้ได้ยินเสียงท้องร้อง ไม่เขาก็หยูซานแหละที่ทนรอที่จะได้ทานข้าวเช้าไม่ไหวแล้ว
ควาจริงแล้วตั้งแต่เขาพาหยูซานออกมาจากหุบเขาฟิกนิกส์อาหารที่ได้กินระหว่างทางก็จัดได้ว่าไม่แย่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเทียบมันกับอาหารก่อนวันที่โลกแตกได้ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง หยูซานพยายามทำอาหารอย่างสุดความสามารถด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้หลินเฉิงรู้สึกสบายมากที่สุดเท่าทีทำได้แล้ว
แต่โจ๊กฝีมือป้าฉินนี้มีความหมายกับเขามากแม้ว่าจะเหลือเวลาไม่กี่เดือน ตราบใดที่ได้กินโจ๊กฝีมือป้าด้วยตัวเองอีกครั้ง มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับอยู่ที่บ้านได้อีกครั้ง บ้านที่เขาจากมานาน….
หลังจากที่นั้งรออยู่บนโซฟาเป็นเวลานานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นหลินเฉิงเห็น ฉินชูหยีและหลีเฉิงหยีสวมชุดกีฬาเดินเข้ามาเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เห็นหลินเฉิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นฉินชูหยีที่กำลังจะเดินขึ้นไปอาบน้ำก็สงสัยและถามเขา “ทำไมตื่นเช้าจังน้องส้ม? ไม่นอนให้มากกว่านี้หน่อยหรอหลังจากที่เดินทางมาไกล?”
ได้ยินแบบนี้หลินเฉิงก็โบกมือพร้อมกับยิ้มและตอบอย่างลวกๆ “ผมพักเต็มที่แล้ว…ป้ารีบไปอาบน้ำเถอะผมหิวจะแย่อยุ่แล้ว!”
“ดีเลยงั้นรอแปปนึงนะป้าจะรีบลงมา!” เห็นหลินเฉิงรอไม่ไหวป้าฉินก็รีบขึ้นไปข้างบนทันที
…
“มาแล้วน้องส้มโจ๊กลูกเดือยของโปรดของหลานไง ระวังนะมันร้อน”
เธอถือชามใส่โจ๊กมาให้และใส่เกลือรวมถึงผักโรยหน้าให้หลินเฉิงเธอยิ้มและอธิบายให้หลินเฉิงระมัดระวังก่อนที่จะกลับไปช่วยหลีเฉิงหยีเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อต่อไป
มองไปยังชามที่มีข้าวสีเหลืองอ่อนตั้งอยู่เบื่องหน้าของเขาดวงตาของหลินเฉิงก็เปร่งประกาย เขาไม่พูดอะไรออกมา รีบหยิบช้อนขึ้นมาตักกินทันที
รสชาติเหมือนกับแส่งอโรม่าอันทรงพลังข้าวนั้นละลายในปากของเขามันชโลมไปทั่วต่อมรับรส จิตใจของหลินเฉิงได้รับการฟื้นฟูอย่างแท้จริงแล้วในตอนนี้ แม้จะผ่านพ้นปัญหามามากมายนับไม่ถ้วน และมีอีกมากมายที่ยังไม่พบ เขาก็แค่ต้องการโจ๊กชามนี้ทำให้เขาผ่อนคลายได้ โจ๊กลูกเดือยมีอีกชื่อว่า “เดอะมิดเดิลฟิวเรส”
..”ไม่พอหรอยังเหลืออยู่ในหม้ออีกนะ!”
เห็นหลินเฉิงกินโจ๊กถ้วยนั้นหมดอย่างรวดเร็วและกำลังกระพริบตาปริบๆ ฉินชูหยีก็ยิ้มและบอกเขาว่ายังมีเหลืออยู่
หลินเฉิงไม่ห่วงความสุภาพแล้วในตอนนี้“ลุยเลยนะครับป้า!” เมื่อเขาจัดการกับถ้วยตรงหน้าเสร็จเขาก็เข้าไปตักอีกถ้วยเพิ่มในทันที!
เห็นแบบนี้ฉินชูหยีก็ทำอะไรไม่ได้มองมายังเขาหลังจากที่เขาตักถ้วยที่สอง ป้าฉินก็พูด “อย่ารีบกินแบบนั้นสิ รอป้าด้วย!”
เมื่อป้าฉินพยายามให้เขารอนั่งอยุ่บนเก้าอี้หลินเฉิงก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมากินพักหมักเกลือรอแทน
เขากินขนมปังอบก้อนใหญ่นั้นเข้าไปด้วย
“พี่หลินพอพี่พักเต็มที่แล้วพี่มีแผนอะไรไหม?”
น้องสาวของเขาที่นั่งกินอยู่ข้างๆถามขึ้นมา เธอกินเสร็จก่อนเข้าสักพักแล้ว เธอเห็นหลินเฉิงกลืนขนมปังก่อนนั้นไปทั้งอัน เธอก็อึ่งกับความเจริญอาหารของพี่ เธอก็หยิบขนมปังอีกก้อนขึ้นมากินบ้างสักคำสองคำ ก่อนที่จะหักส่วนที่เหลือแบ่งให้พี่ชายของเธอ ก่อนที่จะถามถึงแผนในอนาคต
หลังจากที่เขารับขนมปังส่วนที่เหลือของน้องสาวมาและโจ๊กอีกถ้วยที่ป้าให้มาเขาก็กินต่ออย่างมีความสุข และตอบคำถามของน้องคร่าวๆ “ฮืมมมม… น้องมีแผนอะไรให้พี่รึปล่าวหละ?”
ได้ยินแบบนั้นหลีเหมิงเดียก็ไม่ปกปิดบอกเขาไปตรงๆ“ก็มีนะพี่ พี่มากความสามารถจะตาย แล้วก็พลังของพี่ที่ตื่นขึ้นมานั้นก็หายากมากด้วย ทำไมไม่มาร่วมกับหน่วยค้นหาทรัพยากรณ์และออกไปข้างนอกกับน้องหน่อยหละ? ที่ฐานทัพแห่งนี้ก็ไม่ค่อยมีหน่วยค้นหาแบบน้องเยอะด้วย ถ้าดวงยังไม่กุด พี่ก็จะได้ตั๋วทะเลน้ำเงินมาใช่จ่ายเยอะแยะเลยนะ!” “ตั๋วทะเลน้ำเงิน?”
“ใช่แล้ว!”
เห็นหลินเฉิงสงสัยหลีเหมิงเดียก็ตอบในทันทีเธอเข้าใจความหายของตั๋วนั้นดี“เราต้องใช้ตั๋วทะเลน้ำเงินในการซื้อของทุกอย่างในฐานทัพแห่งนี้ มันมีอำนาจในการซื้อขาย และมันก็ทรงพลังมากๆ ด้วย ตั๋วเพียง 1,000 ใบ ก็เพียงพอสำหรับครอบครัว ครอบครัวนึงอยุ่ได้ทั้งเดือนเลยนะ! และถ้าพวกเราออกไปสองครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์แบบนี้ ก็เท่ากับว่าได้เงินเฉลี่ย 5,000 หยวนต่อเดือน มันเป็นรายรับที่ดีมากด้วยละ”
ได้ยินคำอธิบายของน้องสาวหลินเฉิงก็นึกถึงข้อสงสัยอะไรได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างเกียวกับกระดาษที่ป้าฉินยัดใส่มือน้องสาวของเขาก่อนที่จะใช้ให้เธอไปซื้อของ เขารู้ว่าฐานทัพเหลียนเฉิงเขตปลอดภัยนั้นก็มีอะไรแบบนี้
แต่อย่างไรก็ตามตามที่หลีเหมิงเดียว่า พลังในการซื้อขายและความมั่งคั่งในฐานทัพแห่งนี้ ตั๋วพวกนั้นดูมีค่ามากกว่าในฐานทัพเหลียนเฉิงนั้นอีก และเหตุผลของความแตกต่างนี้ น่าจะมีส่วนกับความโด่งดังของ “บอส” ที่วางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้วอย่างแน่นอน
ระหว่างที่เขากำลังคิดเขาก็เห็นสีหน้าของน้องสาวที่กำลังลุ้นกับคำตอบของเขา หวังว่าพี่ชายของเธอจะร่วมทีมกับเธอ เขาหัวเราะอย่างแข็งๆ
ถ้าเขามาที่นี้เพื่ออยู่ร่วมกับญาติๆการร่วมทีมค้นหากับน้องสาวก็ไม่ใช่อะไรที่ผิด ไม่ใช่แค่ทำให้เขามีอะไรทำบ้าง แต่ก็มีรายได้ด้วย งั้นเขาคงไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก
อย่างไรก็ตามหลินเฉิงยังไม่สังเกตุเห็นคนๆนึง ที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันมาตั้งแต่แรก เขาไม่ได้รู้สึกถึงความลับที่เขาจะได้รู้ระหว่างทางโดยไม่รู้ตัว แม้เป่าหมายหลักจะเป็นการมาหาญาติ แต่หลังจากที่สำเร็จเป้าหมายขั้นแรกได้ เขาก็เห็นว่าป้ามีความสุขดี แต่ก็มีเบื้องหลังอันมืดมนดั่งตรีศูลแห่งความมืดอยุ่ข้างหลังของเธอ!
————————