I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 261 ใบปลิว
หลินเฉินมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้วถ้าเขาเห็นปัญหาหรือข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาก็จะรีบจัดการกับตัวแปรที่ไม่แน่นอนพวกนั้นในทันที ซึ่งตอนนี้ก็มีสถานะการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของป้าฉิน ถ้าเขาไขปริศนาของฐานทัพแห่งนี้และจัดการกับมันไม่ได้ จิตใจของเขาก็จะเป็นสุขไม่ได้สักที!
ดังนั้นเขาจึงพิจารณาทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนเขาไม่ต้องการที่จะร่วมทีมกับหลีเหมิงเดียแล้ว เพราะเขาต้องวิเคราะห์สถานที่ที่ต้องสงสัยมากที่สุดในฐานทัพแห่งนี้ให้ได้เสียก่อน สิ่งที่เขาต้องทำให้สำเร็จคือการหาโอกาสเข้าร่วมกับกองพันที่หนึ่งให้ได้ และเจาะหาข้อมูลเบื้องลึกของกองพัน
เมื่อคิดได้แบบนี้หลินเฉิงก็ต้องปฏิเสธน้องสาวของเขาไปฉินชูหยีกับหลีเฉิงหยีกำลังมองมาที่เขาอย่างใจจดใจจ่อ คงกำลังรอฟังคำตอบของเขา พวกเขาได้แต่เกาหัว เรียบเรียงคำพูดก่อนที่จะเสนอมันให้กับเขา
หลีเฉิงหยีเป็นนายทหารเก่าเขารับราชการมานานกว่า 20 ปี แม้เขาจะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่เขาตระหนักถึงความไม่เต็มใจของหลินเฉิง หลังจากที่คิดหาทางออกอยู่ซักแปป ลุงหลีก็พูดกับหลีเหมิงเดีย
“ทีมค้นหาทรัพยากรมีความสำคัญค่อนข้างมากสำหรับฐานทัพแห่งนี้แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน แล้วพี่ของเธอหละ? เขาเก่งกาจมากก็จริงแต่เขาพึ่งกลับมาเธอจะส่งเขากลับออกไปมันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรอ…”
ได้ยินแบบนั้นหลีเหมิงเดียทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่ ฉินชูหยีก็พูดขึ้นมาด้วย “ใช่แล้ว! น้องส้มพึ่งกลับมาเองนะ ป้าว่าไอเด็กไม่ดีคนนี้น่าจะออกไปเก็บทรัพยากรมากเกินไปจนไม่นึกถึงจิตใจของพี่เขาบ้างเลย ต่อให้เธอออกไปมาแล้วเป็นร้อยรอบ ฉันก็ไม่เห็นด้วย!”
เห็นหลินเฉิงมีอะไรจะพูดฉินชูหยีก็โบกมือปัด เธอดุใส่หลีเหมิงเดียกำลังทำหน้ามุ่ยอยู่
“ใครตั้งระเบียบข้อบังคับว่าทุกคนต้องทำงานกัน?พวกเราสามคนมีงานการทำสามารถเลี้ยงดูพี่ชายของเธอได้อยู่แล้ว ไม่ต้องออกไปเสี่ยงข้างนอกหรอก!”
ใช้จังหวะที่ป้ากำลังพูดให้เป็นประโยชน์หลินเฉิงก็พูดขัดขึ้นมา
“ป้าฉิน…ผมขอขัดจังหวะก่อน!แม้ว่าการที่ต้องนั่งอยู่เฉยๆ อยู่ที่บ้านและมีกินข้าวทุกวันมันก็สบายดีอยู่หรอกครับ ถ้าเป็นคนแก่นะครับ ถ้าข่าวนี้กระจายออกไปก็คงไม่ดีต่อลุงและป้าอย่างแน่นอนเลยครับ”
แต่ฉินชูหยีก็ยืนหยัดในคำพูดของตน“คนอื่นจะพูดยังไงก็ช่าง! ตั้งนานมาแล้วครอบครัวของเราก็โดนแบบนี้อยู่ตลอด คำดูถูกของพวกมันทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวเราไม่ได้หรอก ปล่อยพวกมันทำตามใจตัวเองไปเลย!”
เห็นป้าฉินกำลังจะพาลไปถึงเรื่องฉางเหวินฉวน หลินเฉิงก็รีบขัดจังหวะในทันที “ป้าอาจจะทนไหวแต่ผมทนไม่ไหวหรอกครับ ป้าก็น่าจะรู้จักผมดี ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่นผมก็ทำงานมาทุกประเภท แล้วอยู่ๆ ป้าก็จะให้ผมไม่ทำอะไรเลยนั่งอยู่เฉยๆ ผมก็คงจะอยู่ไม่สุขหรอกครับ…”
พูดออกไปแล้วสีหน้าของฉินชูหยีก็ผ่อนคลายลง เขารีบอาศัยจังหวะนี้ในการทำตามแผนของเขา
“แต่ก็เหมือนที่ป้าว่าผมไม่อยากทำงานหาของอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ในตอนนี้ ไม่อยากเอาตัวเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ผมมีแผนของผมแล้วตั้งแต่เมื่อวานแล้วหละ….”
“พี่คิดว่าจะทำอะไรหรอ?”หลีเหมิงเดียถาม เธอและป้าฉินก็สงสัยกับสิ่งที่พี่ชายของเธอจะบอกจริงๆ
เห็นทุกคนกำลังรอคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อหลินเฉิงก็กลือนขนมปังก้อนสุดท้ายลงไปและพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ผมจะไปร่วมกับกองพันที่ 1”
“ห๊ะ!” ”ไม่มีทาง!”
“ฉันไม่เห็นด้วย!” ไอลีนโนเวล
ได้ยินคำตอบแบบนี้คนทั้งสามก็ร้อนลนรีบหยุดความคิดของเขาในทันที!
เห็นปฏิกริยาของคนทั้งสามหลินเฉิงก็อดสงสัยไม่ได้ “ทำไมหละกองพันที่ 1 มีอะไรแปลกหรอ? ทำไมถึงมีท่าทีกันแบบนี้?”
“ปัญหาใหญ่เลยหละ!”
หลีเฉิงหยีตอบเขาก่อนเป็นคนแรก“หลานไม่รู้หรอ กองพันที่หนึ่งมีอัตตราการตายสูงที่สุด ในทุกตำแหน่งงานแล้วนะ! แม้ว่ามันจะอยู่ภายใต้การนำของฉางเหวินฉวนก็ตาม ทุกครั้งที่ออกเดินทางจะมีผู้เสียชีวิตอย่างไม่มีข้อยกเว้น! ถ้าหลานจะร่วมกองทัพนี้ลุงว่าหลานไปอยู่ทีมค้นหาดีกว่านะ มันก็อันตรายแต่ถ้าเทียบกับกองพันที่1 แล้วก็ดีกว่าเยอะ แถมยังมีน้องอยู่ด้วย…”
“ไร้สาระเป็นข้อเสนอที่ไม่เข้าท่าเลย!”
ได้ยินคำแนะนำของหลีเฉิงหยีฉินชูหยีก็มองมายังเขาด้วยสายตาดุร้าย ก่อนที่จะหยิกแขนของหลีเฉิงหยีและด่า “ทำไมถึงเป็นเด็กไม่ดีอย่างนี้! พึ่งปีนออกมาจากถ้ำจอมมารได้ก็อยากจะกลับลงไปอีกแล้วหรอ! ฉันไม่เห็นด้วย หลานมาอยู่ที่นี้ก็พอไม่ต้องไปไหนหรอก! เดียวพวกเราจัดการให้เอง!”
“ใช่แล้วพี่แม้ว่าคนจากกองพันที่1 จะได้รับความเคารพอย่างมากในฐานทัพแห่งนี้ และก็ยังมีรายได้สุงที่สุด แต่พวกเขาก็แลกมาด้วยเลือดและน้ำตา ซึ่งน้องว่ามันไม่คุ้มค่าหรอก! ถ้าพี่ไม่อยากไปกับหนูจริงๆ ก็อย่าไปร่วมกับกองพันที่1เถอะนะ น้องมีเพื่อนเยอะแยะช่วยพี่หางานที่ดูดีกว่านี้ได้ พี่จะออกไปต่อยตีแล้วกลับมาดืมชาทุกวันยังได้เลย รายได้ก็พอสำหรับพี่และซานซานด้วย…”
เห็นสีหน้าของป้าฉินกำลังโกรธกับการตัดสินใจของหลินเฉิงหลีเหมิงเดียก็เข้ามาไกล่เกลี่ยกับหลินเฉิงด้วยสีหน้าเเป็นห่วง
หลินเฉิงคิดว่าการตัดสินใจของเขานอกจากจะทำให้แผนของเขาคืบหน้าแล้วก็ยังช่วยเหลือครอบครัวนี้ได้ด้วย
โดยไม่คาดคิดสิ่งที่เขาพูดดันเหมือนกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟ และระเบิดห้องนั่งเล่นแห่งนี้ได้เลยทีเดียว พวกเขาไม่เห็นด้วยจนเกือบทำให้เขาเปลี่ยนใจ
แต่เพื่อให้แผนการของเขาไปต่อได้แล้วมันก็ไม่มีทางที่เขาจะถอยหลังกลับไป หลินเฉิงคิดและพูดออกมา “ผมเข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วงผมมาก แต่นี้คือสิ่งที่ผมตัดสินใจแล้ว นอกจากนั้นผมก็เห็นโลกใบนี้มามากแล้ว ผมรู้ว่าทะเลมันอันตรายขนาดไหน มากกว่าทุกคน! ผมไม่ได้ตัดสินใจผ่านๆ นะ ผมคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว แต่ผมอยากจะเข้าไปในแนวหน้าเพื่อดูว่าพวกเขาอยู่กันได้อย่างไร มันสำคัญมากกับผมในอนาคต ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ…”
ได้ยินคำอธิบายอย่างพยายามเต็มที่ของหลินเฉิงหลีเหมิงเดียก็มองพี่ชายคนเดิมใหม่อีกครั้งก่อนที่จะถึงวันโลกาวินาศพี่ชายของเธออยู่ห่างไกลจากครอบครัวมาก เธอได้เจอกับหลินเฉิงไม่บ่อยนัก ครังสุดท้ายที่เธอเจอกับเขาก่อนที่หายนะจะเกิด เธอเห็นเขาเป็นคนที่โดดเดียว เยือกเย็น ไม่ค่อยพูด
แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาอีกครั้งพี่ชายคนนี้ทำให้เธอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งมีสิ่งที่หน้าประทับใจเข้ามาเรื่อยๆ เขาดูหล่อเหลา แม้บุคลิกจะดูธรรมดานิดหน่อย แต่ก็ดูเป็นคนอบอุ่นขึ้นมาเยอะ แถมยังเก่งกาจอีกต่างหาก ตอนนี้เขาได้ใจเธอไปอีกสองอย่าง เป็นผู้ใหญ่ และ กล้าหาญ!
———————-