I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 282 เปิดประตูและลุย!
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 282 เปิดประตูและลุย!
เมื่อเห็นว่าเธอโดนจู่โจมโดยแม่และพี่ชายของเธอโดยที่เธอเองก็ยังไม่ทันตั้งตัวเลย หลีเหมิงเดียก็สับสน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อ่า….”
หลีเหมิงเดียตกอยู่ในความสับสนและความโศกเศร้าหลินเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ และพูด “เสี่ยวเดียให้พี่ถามคำถามก่อน เธอคิดว่าพี่เคยเจอปัญหาอะไรไหมตลอดทางจนมาถึงที่นี้จากจงโจว?”
“แน่นอนสิ!”
เธอได้แต่สงสัยในคำถามของพี่“พี่….แต่มันเกี่ยวกับฉางเหวินฉวนหรอ….”
อย่างไรก็ตามปากของเขายังไม่ยอมหยุดเขาขัดจังหวะเธอด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอรู้ว่าฉันเจอกับอันตรายมาก่อน เธอคิดว่าทำไมฉันถึงปลอดภัยมาโดยตลอดหละ?”
“ก็….”
ได้ยินแบบนั้นเธอก็งงมากกว่าเดิมเสียอีกหลินเฉิงก็เลยถอนหายใจอีกครั้ง “แน่นอนว่าพี่มีพลังอยู่บ้าง แต่เธอคิดว่าพลังนั้นช่วยให้ฉันมาถึงที่นี่หรอ?”
เธอรู้สึกว่าคำถามของหลินเฉิงเริ่มแปลกขึ้นทุกทีเธอมองหน้าหลินเฉิงและถามอย่างสงสัย “ไม่ใช้เพราะพลังน้ำแข็งที่ตื่นขึ้นมาหรอกหรอ?”
หลินเฉิงส่ายหน้า“คนมากมายก็มีพลังตื่นขึ้นมาเหมือนกันแหละ แต่ทำไมพวกเขาไม่รอดแต่พี่รอดกลับมาได้?
เธอคาดไม่ถึงสิ่งที่หลินเฉิงอยากจะให้เธอตอบจริงๆเธอแต่แต่พูดอย่างตะกุกตะกัก “ทะ…ทำไมกันนะ?”
หลินเฉิงก็พูดขึ้น“มันเป็นเรื่องง่ายๆ ฉันฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทางอย่างไงหละ!”
“ห๊ะ?!” เห็นหลินเฉิงเอ่ยถึงประสบการณ์อันโชกเลือดหลีเหมิงเดียก็เริ่งรู้สึกหนาว “พ…พี่จะบอกอะไรน้อง? เอาจริงๆไม่ว่าพี่จะทำอะไรมา พวกเราก็ไม่สนใจหรอก ตราบใดที่พี่กลับมาได้….” Aileen-novel
เห็นหลีเหมิงเดียเริ่มกลัวหลินเฉิงก็ยิ้มและนั่งลง ปากยังคงคาบบุหรี่ “น้องไม่ต้องกลัวอะไรหรอก ระหว่างทางฉันฆ่าไอ้พวกชั่วร้ายแต่งี่เง่ามาตลอดทาง พี่ไม่ใช่เพชรฆาตไร้ความเมตตาหรือคนเลือดเย็นอะไร! แต่ที่พี่อยากจะบอกเธอก็คือ ที่พี่รอดมาได้จากทะเลที่เต็มไปศพเพราะว่า ฉันอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อสถานการณ์รอบตัวฉัน ตราบใดที่ฉันยังคงรับรู้และสังเกตุได้ ฉางเหวินฉวนหนะมือเปื้อนเลือดมาพอๆ กับพี่เลยหละ!”
“ปะ…เป็นไปได้ยังไง?”
ได้ยินสิ่งที่หลินเฉิงเฉลยมาแบบนั้นหลีเหมิงเดียก็มองไปยังพี่ใหญ่ “พี่เหวินฉวนใช้เวลาส่วนมากกับการสั่งการและทำงานในฐานทัพ แม้จะมีโอกาศนานๆ ครั้งที่กองพันที่หนึ่งต้องออกไปปฏิบัติภารกิจ คนแบบนั้นจะไปฆ่าคนมากขนาดนั้นได้ยังไง?”
“เธอไม่เชื่อพี่หรอ?”
เห็นน้องไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเขาก็รู้สึกไร้ซึ่งคำพูดขึ้นมาทันทีเขารู้เห็นผู้หญิงตกอยู่ในความรักมามากมาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครตายเพราะอะไรแบบนั้น จนตอนนี้น้องสาวของเขากลับอยู่ในสถาณการน่าเป็นห่วงแบบนั้นแทนเสียได้….
หลินเฉิงมองไปยังกระจกข้างๆมองดูตัวเอง หลีเหมิงเดียพยายามอธิบายกับเขา “ฉัน…ก็ไม่เชื่อหรอก แต่พี่ มันดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อย! พี่อาจจะไม่รู้แต่ก่อนที่เขาจะมาที่นี้เขาเองก็ยุ่งมากๆ ผู้บังคับบัญชาดิงอาการไม่ค่อยดี ตอนนี้สถานะการณ์มั้งหมดแทบจะตกเป็นหน้าที่ของเขา เขายุ่งจนแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยนะจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ไง?”
“เธอไม่ใช่น้องสาวของเขาเธอจะรู้ได้ไงว่าเขาทำอะไรตลอด 24 ชั่วโมงฮะ! เธอเชื่อไม่เชื่อฉันเองก็ไม่รู้ ฉันเองก็สามารถฆ่าคนจำนวนมากภายในพริบตาได้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าวันๆ เขาจะทำอะไรบ้าง แต่แน่ใจเลยอย่างนึงว่า เขาไม่ได้ง่ายๆ เหมือนที่เธอคิด!”
เห็นหลินเฉิงเริ่มพูดมากเธอก็อยากจะซัดเขาลงไปนอนบนพื้น หลินเฉิงเองก็เริ่มหมดความอดทน “เอาง่ายๆ เธอไม่ควรจะไปยุ่งกับไอหมอนั้นอีกต่อไป! ด้วยสมองน้อยๆ ของเธอ ฉันกลัวว่าเขาจะเอาเธอไปขายโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! ถ้าเธอยังดื้ออยู่แบบนี้ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นเธอไม่คิดหรอว่าป้าฉินกับลุงหลีจะเสียใจขนาดไหน?”
“เชอะ!สุดท้ายแล้วพี่ก็แค่ไม่ชอบฉางเหวินฉวน? ก็ได้งั้นน้องก็จะไม่ไปหาเขาที่ออฟฟิสแล้ว พอใจไหม?”
หลังจากที่โดนพี่ชายดุมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ หลีเหมิงเดียก็ทนไม่ไหว เธอรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องโดยไม่ทานอาหารแล้วปิดประตูดังปั้ง!
“ฮึ่ย!ยัยลูกคนนี้! ฉันโกรธแล้วนะ!”
ได้ยินเสียงปิดประตูฉินชูหยีก็ตัวสั่นเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าฉางเหวินฉวนราดซุบอะไรใส่ลูกสาวของเธอ เธอถึงได้หลงเขามากมายขนาดนั้น จนตอนนี้เธอไม่ฟังแม้แต่คำแนะนำของหลินเฉิงและปฏิเสธไปต่อหน้าเขาแบบนั้น!
สีหน้าของป้าฉินดูไม่ดีนักหลินเฉิงเองก็ได้แต่ส่ายหัว เขาขี้เกียจที่จะขึ้นไปยุ่งกับเธอต่อแล้ว เขาช่วยประคองป้าฉินนั่งลงบนโซฟา
“น้องส้มฉันไม่รู้แล้วว่าจะช่วยเธอยังไงดี! ยังไงก็ตามเธอก็คือลูกสาวของฉัน แล้วก็เป็นน้อยสาวของน้องส้มด้วย ถ้าในอนาคตน้องส้มว่างๆ ก็ช่วยดูแลเธอด้วยนะ….”
หลังจากที่หลินเฉิงช่วยให้เธอสามารถยืดหลังได้บนโซฟาสีหน้าของเธอก็ดีขึ้นเยอะ หลายครั้งที่เธอต้องทำตัวเหี้ยมโหดและเลิกสนใจเด็กผู้หญิงที่ดื้อรั้นคนนั้น แต่หลังจากนั้นเธอก็คิดได้ว่ายังไงๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเนื้อและเลือดของเธอเอง หลังจากคิดมานานเธอขอความช่วยเหลือจากหลินเฉิงอีกครั้ง เห็นสีหน้าของป้าเหนื่อยล้าและแดงน้อยลงแล้วหลินเฉิงก็พยักหน้าและรีบตอบ “ไม่ต้องห่วงป้าฉิน! ต่อให้ป้าไม่บอก ผมก็สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว!”
เห็นหลินเฉิงให้คำมั่นเธอก็ลุกขึ้นพยักหน้าเบาๆ โยนเรื่องพวกนั้นทิ้งไปและเดินกลับเข้าไปในครัวทำหน้าที่ของเธอต่อ
“ว่าไง!น้องส้มกลับมาก่อนค่ำอีกหรอ!”
ฉินชูหยีกลับไปในครัวได้ไม่นานหลีเฉิงหยีก็กลับมาจากการทำงาน เห็นหลินเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาอ่านแม็กกาซีนอย่างเบื่อหน่าย เขาก็ทักทายไปด้วยรอยยิ้ม
“กลับมาแล้วหรอลุงหลี?”
เห็นหลีเฉิงหยีกลับมาหลินเฉิงก็เก็บหนังสือนั้นเข้าที่ ยืนขึ้นแล้วไปเอาน้ำชาร้อนๆ มาให้
“อ่า….”
หลังจากที่รับชามาจากหลินเฉิงหลีเฉิงหยีก็นั่งไปบนโซฟาบ้างก่อนที่จะถอนหายใจอย่างพึงพอใจ “โชคดีจริงๆ ที่นายกลับมา นานมาแล้วที่ไม่ได้นั่งดื่มชาและคุยกับหลานเลย”
พุดจบเขาก็เติมชาเขาไปในเต็มปาก รอให้ชาลดความร้อนลงก่อนที่จะกลืนลงไปด้วยสีหน้ามีความสุขถึงที่สุด
ได้เห็นแบบนั้นหลินเฉิงก็แฮปปี้“ผมจะพูดยังไงดีหละ?”
ได้ยินคำพูดนั้นหลีเฉิงหยีก็เปลี่ยนสีหน้าเขาถามด้วยเสียงต่ำ “เธอไม่รู้หรอก ตั่งแต่เซียวเดียกับฉางเหวินฉวนพบกัน ป้าฉินก็ไม่ค่อยอารณ์ดีให้เห็นบ่อยๆ เจ้าผีเสื้อตัวน้อยก็ลิงโลด เธอไม่เห็นหัวเห็นหางของตัวเอง บางครั้งเธอก็ไม่กลับมาทานอาหารเช้ากับพวกเราด้วยซ้ำ!”