I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 295 ตัวตนของ ฉี เซี่ยวฮัน
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 295 ตัวตนของ ฉี เซี่ยวฮัน
“ว่าไง?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็เลิกคิ้วขึ้นและถาม“ฉันจะไปฟังความเห็นจากพวกเธอได้ยังไง? ฉันยังไม่เคยเห็นพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงนั้นเลย? แต่ถ้าฉันคิดไม่ผิด เธอกับผู้เฒ่าเหลียงก็ไม่ได้มีระดับที่ต่ำอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เอาหน่า!”
“พวกเราไม่เหมือนกับไอคนพวกนั้นสักหน่อย”เซี่ยวฮันบอก ด้วยท่าทีดูถูก! “พวกเราแค่รับ…”
“เซี่ยวฮัน!”
ก่อนที่เธอจะได้พูดจนจบก็ถูกตาเฒ่าก็ขัดจังหวะเอาไว้ก่อนที่เธอจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา ก่อนที่จะขมวดคิ้วใส่หลินเฉิง “นายจะได้ฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้ต่อเมื้อเข้าร่วมกับพวกเราแล้วเท่านั้น ฉันว่านายยังสนใจในเรื่องนี้อยู่นะ ทำไม่ไม่มาร่วมกันซะเลยหละ?”
เหมือนคนแก่ยังไม่ยอมแพ้หลินเฉิงก็ชื่นชมในตัวของเขาจริงๆ แต่หลังจากสนทนากันมาถึงตรงนี้ เขาก็พอเดาได้บ้างแล้วว่าแผนกของพวกนั้นกำลังทำงานประเภทไหนอยู่ และเขาก็ไม่สนใจที่จะไปทำงานด้วย
คิดได้อย่างนี้หลินเฉิงก็ยิ้มเล็กๆก่อนที่จะยืนขึ้นและโบกมือให้กับคนทั้งสอง “งั้นตั้งแต่พวกเธอได้ยาเสริมพลังไปแล้ว นั้นหมายความว่าเราควรจะจบกันได้แล้วตอนนี้ ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องไปทำต่อ ฉันจะเป็นฝ่ายออกไปเอง!”
พูดจบเขาก็ยืนมือขวาออกไปด้วยมาดเท่
เห็นหลินเฉิงเอื้อมมือมาทางเธอเซี่ยวฮันก็นิ่งไปสักแปป เธอควรที่จะจับมือกับเขา และเมื่อเห็นหลินเฉิงมองมายังเธอด้วยสีหน้าสงสัย นั้นทำให้เธอยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปอีก
‘เขาเป็นคนธรรมดาที่มาขอใบยืนยันจากเธอเองนะ!’ “ฮึ่ม!”
หลังจากที่ยอมจับมือไปหน้าที่เต็มไปด้วยความอายของเธอก็กลายเป็นสีแดง เธอทำได้แต่ปิดบังมันด้วยการยื่นใบรับรองใหม่เอี่ยมไปให้ ก่อนที่จะหันหลังกลับไปไม่พูดอะไร
ในที่สุดผู้เฒ่าก็เข้าใจว่าทำไมหลินเฉิงถึงไม่สนใจที่จะเข้ารวมทีมกับเขามาตั้งแต่ต้นจนจบเขาจึงเลิกคิดถึงมันไปแล้ว พยักหน้าและมองหลินเฉิงจากไป
…..
“เป็นไงมั่ง?มันจบแล้วใช่ไหม?”
เห็นหลินเฉิงออกมาจากห้องทดสอบนั้นได้สักทีเซี่ยวฉีที่รออยู่ข้างนอกมานาน ก็ลุกขึ้นและถาม
“มันก็น่าจะโอเคดีแล้วแหละ..”
เมื่อได้ยินคำถามของคนที่รอหลินเฉิงก็พยักหน้าเบาๆ “แต่ยังไงๆ ฉันก็จบข้อตกลงกับพวกเขาไปแล้ว…” “อ่า….”
ได้ยินคำตอบของคนที่เดินออกมาเซี่ยวฉีก็ถอนหายใจออกมา “ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอเด็กนรกนั้นที่นี่!”
เห็นเซียวฉีพูดถึงเซี่ยวฮันด้วยความรู้สึกที่เหมือนแมวไล่จับหนู หลินเฉิงก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้ “เด็กคนนั้นมีที่มายังไง? ทำไมนายถึงดูเขาขากับผู้เฒ่าได้ แต่ไม่ใช่กับเธอคนั้น?”
“นายก็มองออกหรอ?”
ได้ยินแบบนี้เซี่ยวฉีก็ยิ้มแห้งๆก่อนที่จะพูดด้วยเสี่ยงเบาๆ “นังเด็กนั้นคือ ฉีเซี่ยวฮัน ผู้แปล่งกายระดับ 4 ! หาได้ยากมาก และค่อนข้างเฉพาะทาง….”ไอรีนโนเวล
ก่อนที่จะได้พูดจนจบหลินเฉิงก็พูดขึ้นมา“ฉันรู้จักพลังนี้มาก่อนแล้ว เป็นพลังที่แข็งแกร่งมากเมื่ออยู่ในร่างพิเศษนั้น! แต่ไม่ว่าเธอจะดุร้ายขนาดไหน เธอก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยที่โชคดีได้พลังหายากมาไม่ใช่หรอ ทำไมนายถึงดูกลัวเธอขนาดนั้น?” “แน่นอนว่ามันไม่ได้จบลงแค่นั้นไงหละ!”
ได้ยินแบบนั้นเซี่ยวฉีก็ส่ายหน้าและพูด“เธอไม่ได้เป็นแค่ผู้แปลงกายระดับ 4 ใช่ไหม แต่เป็นหลานสาวของฉีเหลาด้วย!”
“ฉีเหลา?ใครกันหนะ?”
ได้ยินชื่อคนที่เขาไม่รู้จักอีกแล้วซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นปัญหากับเขาไหมเขาก็ได้แต่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย เขาพึงมาอยู่ที่นี่ได้แค่ 3 วัน และความรู้สึกสับสนก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ได้ยินคำถามของหลินเฉิงเซี่ยวฉีก็พยายามรวบรวมคำพูดอยู่สักพักก่อนที่จะอธิบาย “ฉี คือผู้บังคับบัญชาคนเดียวของฐานทัพทะเลน้ำเงินแห่งนี้ ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เขาจึงไม่ออกจากฐานทัพแห่งนี้หลังจากที่เกษียณอายุไปแล้ว เขาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ไปจนแก่เฒ่า…”
“หลังจากที่โลกล่มสลายฉีเหลาเป็นคนแรกที่มีพลังตื่นขึ้นมาในตัวของเขาเป็นพลังที่ทรงพาลานุภาพมาก นายคงจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยและคุมสถานการณ์ทั้งหมดของฐานทัพในขณะที่โลกเกิดความหายะขึ้นทุกหนทุกแห่ง จนในที่สุดฐานทัพก็เอาตัวรอดได้แล้วขยายจนเหมือนที่พวกเราได้เห็นทุกวันนี้…”
“หลังจากที่สถานการณ์ของฐานทัพนั้นคงที่เขาก็ออกจากตำแหน่งอย่างกล้าหาญ หลังจากคืนคำสั่งไปยังหัวหน้าผู้บังคับบัญชา เขาก็กลับไปอยู่กับความเงียบสงบอีกครั้ง มันยากมากที่จะได้พบเห็นเขาในเวลานี้! ถ้านายอยากจะพบปะพูดคุยกับเขา นายต้องสนิทกับเซี่ยวฮันพูดคุยกับเธอหลายครั้ง นายคงรู้แล้วใช่ไหมว่านังเด็กนรกนั้นมีความสำคัญขนาดไหน?”
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของเซี่ยวฉีหลินเฉิงก็นึกขึ้นได้ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงทำตัวกร่างขนาดนี้ เธอเป็นคนเดียวที่มีคนสำคัญที่สุดในฐานทัพคอยหนุนหลังอยู่นั้นเอง!
หลังจากที่รู้ว่าตัวตนของฉีเซี่ยวฮันนั้นไม่ใช่คนธรรมดาหลินเฉิงก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณมากขึ้นไปอีกเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำให้เขาในวันนี้ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับใจกลางของพายุ เขาเองก็กลัวว่าการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอจะตกอยู่ในเป้าสายตาของพวกพนักงานระดับสูงทั้งหมด ยิ่งเขาเข้าไปยุ่งกับเธอมากขนาดนี้ มันก็เหมือนกับหัวของเขาเป็นหลอดไฟอันใหญ่กว่า 2,000 วัตต์ ที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางความมืดมิดยังไงยังงั้น!
ทุกสิ่งที่เขาต้องทำนั้นต้องไม่ตกเป็นเป้าสายตาเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นที่สนใจแล้ว เขาจึงปฏิเสธหลีเหมิงเดียและชูฉิงที่อยากจะมาส่งตัวเขาให้กับกองพันที่หนึ่งไปทั้งคู่
ตอนนี้เขากลับใกล้ชิดกับเซี่ยวฮันมากจนเกินไป นั้นแทบจะยืนยันได้เลยว่าแผนการณ์ของเขากำลังจะล้มเหลว
โชคยังดีหลังจากที่เขาลูบอกตัวเอง หลินเฉิงก็พยักหน้าให้กับเซี่ยวฉี “ฉันเห็นแหละว่าเด็กนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่เห็น! แต่ฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ เธอก็เหมือนกับวัยรุ่นธรรมดา ทำไมเธอถึงเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยคำพูดหยาบคายได้ขนาดนี้หละ?”
“นั้นมัน….”
ได้ยินแบบนั้นเซี่ยวฉีก็เขินที่จะต้องพูดออกมามาก เขาทำใจอยู่สักพักก่อนที่จะพูด “นั้นเป็นเพราะ ฉีเซี่ยวฮัน อยู่กับกองพันที่หนึ่งของเรามากซักระยะหนึ่ง และกองพันของเราก็มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงมาก เธอเป็นผู้หญิงไว้ผมสีเหลือง! นั้นทำให้ในวันแรกที่เธอมารายงานตัวกับกองพัน มีไอพวกผู้ชายตาต่ำอย่างจะลองดีกับเธอ และผลของมัน นายก็น่าจะเดาออกง่ายๆ เลยใช่ไหม?”
“วีรบุรุษคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
หลินเฉิงก็ถามด้วยความสงสัยแม้ว่าเขายังไม่เห็นว่าพลังของเธอนั้นแกร่งขนาดไหน เขาก็อดเทียบพลังของเธอกับ โคล่าและเทียนซือไม่ได้ หลังจากที่เธอแปลงกายแล้วน่าจะเก่งกว่าพวกมันมาก เซี่ยวฉียืนไว้อาลัยสหายอยู่เงืยบๆ เขาชอบความกล้าชายคนนั้นจริงๆ “เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ต้องใช้ไม่เท้าไปตลอดชีวิต…” “จริงหรอ?ไม่ตายเนี้ยนะ!”
ได้ยินแบบนี้หลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้“งั้นฉันก็หน้าจะเดาออกแล้วหละ หลังจากที่เธอจัดการกับชายที่ไม่เจียมตัวคนนั้น เธอก็อาศัยข้อดีของสถาณะการในตอนนั้นเข้าร่วมกับกองพันและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และทุกอย่างก็เป็นเพราะเธอคลุกคลีกับพวกชายฉกรรจ์เป็นเวลานาน เธอก็เลยกลายเป็นนักเลงโตแบบนี้ใช่ไหม?”
“บิงโก~”
หลังจากที่เห็นหลินเฉิงเข้าใจทุกอย่างอย่างรวดเร็วเซี่ยวฉีก็ยิ้มและพยักหน้า “เพราะพลังที่ตื่นมาในตัวของเธอนั้นแข็งแกร่งมากด้วย นั้นทำให้อายุสมองของเธอนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไปอย่างมาก พูดได้เลยว่าเธอนั้นโหดเหี้ยมเหมือนกับ หุบเขาเทียนซานที่ยังบริสุทธิ์อยู่!”
——————–SC: บทที่ 296 บริบท