I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 321 กลิ่นของความแข็งแกร่ง!
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 321 กลิ่นของความแข็งแกร่ง!
เห็นท่าทีของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็เข้าใจในทันที เขาอดที่จะนึงถึงผู้หญิงที่เข้าพบในถ้้ำใต้ดินในหุบเขาฟีนิกส์ไม่ได้ แต่เหมือนว่าพวกเธอทั้งสองนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่พวกเดียวกัน
เมื่อเขาคืดถึงเรื่องนั้นเขาก็ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับยิงคำถามกลับไป “ตั้งแต่พวกเสน่ห์รัตติการอย่างพวกเธอขึ้นมาบนผิวโลก เผ่าของเธอเกียวอะไรกับไอพวกตัวกินคนนั้น? ไอปีศาจบ้านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเสน่ห์รัตติการรึปล่าว?”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ไง!”
เห็นสีหน้าเย็นชาของหลินเฉิงเธอก็รู้สึกตะลึงกับคำถามนั้น “แม้พวกเราจะมาจากใต้ดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นพวกนิมเบอร์(ตัวกินคน)มาก่อนเลยสักครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมพวกบ้านั้น! นายคิดได้ยังไงว่าพวกเราเป็นคนสั่งพวกมัน?” หลังจากที่สังเกตุท่าทีของหลิงเหมิงที่แสดงออกหลังจากที่เขาถามคำถามไปหลินเฉิงก็ยอมแพ้ เพราะจากการวิเคราะของเขาสรุปได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก และเผ่าปีศาจรัตติการก็ไม่มีส่วนรู้เห็นกับพวกตัวกินคน
แต่เพราะได้ข้อสรุปแบบนั้นหลินเฉิงจึงสับสนมากกว่าเดิมอีก เผ่าวิญญาณรัตติการติดอยู้ใต้ผิวโลกโดยประตูที่ชื่อว่าไม่สามารถเปิดออกมาได้ ประตูบานนั้นมีลวดรายนับไม่ถ้วนถูกจารึกไว้บนแผ่นหิน และข้อมูลทั้งหมดของประตูยักษ์ใต้หุบเขาฟินิกส์ มันจะไม่มีข้อมูลอะไรที่แสดงถึงความสัมพันของประตูทั้งสองเลยหรอ?!
“ผู้หญิงงี้เง่าที่อยากจะกลับบ้านประตูที่เชื่อว่าไม่สามารถเปิดออกได้ เผ่าวิญญาณรัตติการ….”
หลังจากเอาเงื่อนงำทุกอย่างมาปะติดปะต่อกันหลินเฉิงก็เอามือปาดเหงือบนหน้าผากด้วยความปวดหัวอย่างมาก เพราะเมื่อเขาได้ข้อมูลมากขึ้นๆ ข้อมูลแต่ละอย่างก็ตีกันมั่วไปหมดและไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง!
สุดท้ายแแล้วเขาก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ เพราะยังไงๆ ปริศนาทั้งหมดก็แก้ไขไม่ได้ภายในวันเดียวอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่เขายังพยายามค้นหาความจริงอยู่สักวันมันต้องไขกระจ่างได้แน่นอน!
“ไม่มีอะไร….”
เขาก็ยังไม่ยอมตอบคำถามของหลิงเหมิงอยู่ดี หลินเฉิงทำใจอยู่สักพักแล้วถามเธอต่อ “ตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่นี่ มีอะไรที่เผ่าของเธอแตกต่างจากพวกเราบ้าง?”
“มันก็….”
เห็นหลินเฉิงไม่ตอบคำถามแล้วยังคงถามคำถามกับเธอต่อไปหลิงเหมิงก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่สักแปป เรื่องนี้เป็นถึงความลับของเผ่าพันธุ์ ถ้ามันถูกเปิดเผยออกมาคงจะไม่ดีแน่ๆ !
มองไปยังสีหน้าตรึงเครียดของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็หัวเราะ “เหมือนคำถามนั้น แม้เธอยังตอบได้ยากสินะ ฉันจะให้เวลาเรียบเรียงคำตอบหน่อยเป็นไง? อ๊ะ! แต่ยังไงๆ ก็ผ่านไป 10 นาทีแล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลกหละก็เหลืออีกแค่ 2 นาที ก่อนที่ร่างของเธอจะแข็งไปยันกระดูก ต่อให้ไม่ตายก็เป็นโรคตัวเย็นได้เลยหละ..”
“นายนี้มัน…!”
ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีเธออยากจะด่าชายคนนี้จริงๆ แต่ยังไงชีวิตของเธอก็ตกอยู่ในมือของชายคนนี้
“ปั้ง…”
เห็นเธอพยายามจะใช้พลังแห่งเสน่ห์สะกดใจเขาหลิงเฉิงก็ส่ายหน้าแล้วพูดดูถูกกลับไป “พลังแห่งเสน่ห์ของเธอมันก็เหมือนกับแมว 3 ขา ไม่มีใครหนีพลังของฉันไปได้หรอก เพราะงั้นหยุดก่อนได้ไหม?”
เห็นท่าทีดูถูกของหลินเฉิงเธอก็พ่นลมออกมาก่อนที่จะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายคิดว่าจะมีคนแข็งแกร่งเหมือนนายสักกี่คนเชียว ตั้งแต่ฉันมาถึงที่นี่ก็มีนายคนแรกนี้แหละที่ทนได้!”
“อย่างงั้นรึ?ช่างเป็นเกียรติจริงๆ !”
ได้ยินแบบนั้นเขาก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจ“งั้น? พลังแห่งเสน่ของเผ่าวิญญาณรัตติการก็แข็งแกร่งมากสินะ หลังจากที่สะกดจิตได้แล้วเธอทำยังไงต่อหละ?”
ด้วยพลังของหลินเฉิงเธอคงเหลือเวลาไม่มากแล้วเธอรีบหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ดูดซับพลังของเหยื่อและแปลงมันให้เป็นพลังของตนเองอย่างไงหละ!”
“ดูดหรือเดี๋ยวนะ!”
ได้ยินคำพูดของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็นิ่งไปสักพัก เมื่อเขาได้สติกลับมาเขามองยังเธอและถามต่ออย่างจริงจัง “พลังดูดดาวอย่างงั้นรึ?”
“ดูดออะไรนะ?”
เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเธอได้แต่ถามกลับไปด้วยสีหน้ามึนงง เมื่อเห็นเธอสงสัยเขาก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรให้วุ่นวาย เขามองไปยังหลิงเหมิงด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้หญิงหหน้าสวยคนนี้มีพลังที่แปลกขนาดไหน!
“งั้นฉันก็พอเข้าใจแล้วว่าเธอเข้ามาประกบฉันทำไม…”
หลังจากที่แจกแจงปัญหาเสร็จหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมกับพูดด้วยเสียงเบาๆ “งั้นเธอก็เป็นปีศาจรัตติการที่มีพลังในการหว่านเสน่ห์ และดูดพลังของคนอื่นให้มาเป็นของตนเอง พวกเธอน่าจะมีความสามารถในการเลือกและตรวจจับพลังสินะ? เธอจึงเลือกฉันเป็นตัวเลือกแรกๆ! เหมือนกับฉลามได้กลิ่นเลือด?”
“ไม่ใช่แบบนั้น…”
ได้ยินคำชี้แจงแบบนั้นหลิงเหมิงก็ส่ายหน้า“พวกเรามองไม่เห็นระดับความสามารถของใครได้ชัดเจนขนาดนั้น ฉันต้องจ้องตานาย เพราะเมื่อพลังการสะกดใจของพวกเราแข็งแกร่งระดับหนึ่ง จะมีความสามารถใหม่ตื่นขึ้นมา นั้นก็คือการได้รับรู้ถึง ’กลิ่นแห่งความแข็งแกร่ง’ ”
“อย่างงั้นหรอ….”
เห็นสีหน้าไม่พอใจบนใยหน้าของหลินเฉิงหลิงเหมิงก็กลัวว่าเขาจะจบชีวิตเธอ เธอก็เลยรีบพูดต่อ “พลังที่สองของเผ่าวิญญาณรัตติการที่เกิดขึ้นมาเองตั้งแต่ที่พวกเราเกิด นอกเหนื่อจากพลังแห่งการหว่านเสน่แล้ว! มากไปกว่านั้นเพราะพวกเรามีพลังถึงสองอย่างอยู่ในตัวคนๆ เดียว นั้นทำให้ความสามารถในการเลื่อนระดับของพวกเราช้าเหมือนเต่าคลาน เมื่อเที่ยบกับมนุษย์อย่างพวกนายแล้ว! เพราะงั้นความกังวลของนายเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผลด้วยซ้ำ แม้ว่าพลังทั้งสองอย่างของเราจะถึงขั้นสูงสุดของการฝึกตนแล้ว ก็ยังเทียบกับจำนวนของมนุษย์ไม่ได้…”
“ปั้ง…”
เมื่อได้ยินคำอธิบายนั้นหลินเฉิงก็หายกังวลไปบ้าง เขาจึงดูถูกคำพูดของเธอ “เธอกลัวตายขนาดไหนกัน? ฉันเองก็ดูถูกเผ่าพันธุ์ของตัวเองเหมือนกันว่ามันไร้ค่า และพลังของของปีศาจรัตติการก็แกร่งกว่าพรสวรรค์ของมนุษย์ ความคิดของเธอไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยความคิดของมนุษย์ใช่ไหม? งั้นอย่ามาหลอกกันสะให้ยาก ตอบคำถามสุดท้ายของฉันมาตรงๆ เผ่าของพวกเธอมีประชากรมากขนาดไหน แล้วทำไมถึงอยากเข้ามาในฐานทัพนี้นัก?!”
———————SC: บทที่ 322 ชายในชุดสีม่วง!
เมื่อเขาคืดถึงเรื่องนั้นเขาก็ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับยิงคำถามกลับไป “ตั้งแต่พวกเสน่ห์รัตติการอย่างพวกเธอขึ้นมาบนผิวโลก เผ่าของเธอเกียวอะไรกับไอพวกตัวกินคนนั้น? ไอปีศาจบ้านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเสน่ห์รัตติการรึปล่าว?”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ไง!”
เห็นสีหน้าเย็นชาของหลินเฉิงเธอก็รู้สึกตะลึงกับคำถามนั้น “แม้พวกเราจะมาจากใต้ดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นพวกนิมเบอร์(ตัวกินคน)มาก่อนเลยสักครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมพวกบ้านั้น! นายคิดได้ยังไงว่าพวกเราเป็นคนสั่งพวกมัน?” หลังจากที่สังเกตุท่าทีของหลิงเหมิงที่แสดงออกหลังจากที่เขาถามคำถามไปหลินเฉิงก็ยอมแพ้ เพราะจากการวิเคราะของเขาสรุปได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก และเผ่าปีศาจรัตติการก็ไม่มีส่วนรู้เห็นกับพวกตัวกินคน
แต่เพราะได้ข้อสรุปแบบนั้นหลินเฉิงจึงสับสนมากกว่าเดิมอีก เผ่าวิญญาณรัตติการติดอยู้ใต้ผิวโลกโดยประตูที่ชื่อว่าไม่สามารถเปิดออกมาได้ ประตูบานนั้นมีลวดรายนับไม่ถ้วนถูกจารึกไว้บนแผ่นหิน และข้อมูลทั้งหมดของประตูยักษ์ใต้หุบเขาฟินิกส์ มันจะไม่มีข้อมูลอะไรที่แสดงถึงความสัมพันของประตูทั้งสองเลยหรอ?!
“ผู้หญิงงี้เง่าที่อยากจะกลับบ้านประตูที่เชื่อว่าไม่สามารถเปิดออกได้ เผ่าวิญญาณรัตติการ….”
หลังจากเอาเงื่อนงำทุกอย่างมาปะติดปะต่อกันหลินเฉิงก็เอามือปาดเหงือบนหน้าผากด้วยความปวดหัวอย่างมาก เพราะเมื่อเขาได้ข้อมูลมากขึ้นๆ ข้อมูลแต่ละอย่างก็ตีกันมั่วไปหมดและไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง!
สุดท้ายแแล้วเขาก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ เพราะยังไงๆ ปริศนาทั้งหมดก็แก้ไขไม่ได้ภายในวันเดียวอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่เขายังพยายามค้นหาความจริงอยู่สักวันมันต้องไขกระจ่างได้แน่นอน!
“ไม่มีอะไร….”
เขาก็ยังไม่ยอมตอบคำถามของหลิงเหมิงอยู่ดี หลินเฉิงทำใจอยู่สักพักแล้วถามเธอต่อ “ตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่นี่ มีอะไรที่เผ่าของเธอแตกต่างจากพวกเราบ้าง?”
“มันก็….”
เห็นหลินเฉิงไม่ตอบคำถามแล้วยังคงถามคำถามกับเธอต่อไปหลิงเหมิงก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่สักแปป เรื่องนี้เป็นถึงความลับของเผ่าพันธุ์ ถ้ามันถูกเปิดเผยออกมาคงจะไม่ดีแน่ๆ !
มองไปยังสีหน้าตรึงเครียดของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็หัวเราะ “เหมือนคำถามนั้น แม้เธอยังตอบได้ยากสินะ ฉันจะให้เวลาเรียบเรียงคำตอบหน่อยเป็นไง? อ๊ะ! แต่ยังไงๆ ก็ผ่านไป 10 นาทีแล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลกหละก็เหลืออีกแค่ 2 นาที ก่อนที่ร่างของเธอจะแข็งไปยันกระดูก ต่อให้ไม่ตายก็เป็นโรคตัวเย็นได้เลยหละ..”
“นายนี้มัน…!”
ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีเธออยากจะด่าชายคนนี้จริงๆ แต่ยังไงชีวิตของเธอก็ตกอยู่ในมือของชายคนนี้
“ปั้ง…”
เห็นเธอพยายามจะใช้พลังแห่งเสน่ห์สะกดใจเขาหลิงเฉิงก็ส่ายหน้าแล้วพูดดูถูกกลับไป “พลังแห่งเสน่ห์ของเธอมันก็เหมือนกับแมว 3 ขา ไม่มีใครหนีพลังของฉันไปได้หรอก เพราะงั้นหยุดก่อนได้ไหม?”
เห็นท่าทีดูถูกของหลินเฉิงเธอก็พ่นลมออกมาก่อนที่จะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายคิดว่าจะมีคนแข็งแกร่งเหมือนนายสักกี่คนเชียว ตั้งแต่ฉันมาถึงที่นี่ก็มีนายคนแรกนี้แหละที่ทนได้!”
“อย่างงั้นรึ?ช่างเป็นเกียรติจริงๆ !”
ได้ยินแบบนั้นเขาก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจ“งั้น? พลังแห่งเสน่ของเผ่าวิญญาณรัตติการก็แข็งแกร่งมากสินะ หลังจากที่สะกดจิตได้แล้วเธอทำยังไงต่อหละ?”
ด้วยพลังของหลินเฉิงเธอคงเหลือเวลาไม่มากแล้วเธอรีบหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ดูดซับพลังของเหยื่อและแปลงมันให้เป็นพลังของตนเองอย่างไงหละ!”
“ดูดหรือเดี๋ยวนะ!”
ได้ยินคำพูดของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็นิ่งไปสักพัก เมื่อเขาได้สติกลับมาเขามองยังเธอและถามต่ออย่างจริงจัง “พลังดูดดาวอย่างงั้นรึ?”
“ดูดออะไรนะ?”
เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเธอได้แต่ถามกลับไปด้วยสีหน้ามึนงง เมื่อเห็นเธอสงสัยเขาก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรให้วุ่นวาย เขามองไปยังหลิงเหมิงด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้หญิงหหน้าสวยคนนี้มีพลังที่แปลกขนาดไหน!
“งั้นฉันก็พอเข้าใจแล้วว่าเธอเข้ามาประกบฉันทำไม…”
หลังจากที่แจกแจงปัญหาเสร็จหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมกับพูดด้วยเสียงเบาๆ “งั้นเธอก็เป็นปีศาจรัตติการที่มีพลังในการหว่านเสน่ห์ และดูดพลังของคนอื่นให้มาเป็นของตนเอง พวกเธอน่าจะมีความสามารถในการเลือกและตรวจจับพลังสินะ? เธอจึงเลือกฉันเป็นตัวเลือกแรกๆ! เหมือนกับฉลามได้กลิ่นเลือด?”
“ไม่ใช่แบบนั้น…”
ได้ยินคำชี้แจงแบบนั้นหลิงเหมิงก็ส่ายหน้า“พวกเรามองไม่เห็นระดับความสามารถของใครได้ชัดเจนขนาดนั้น ฉันต้องจ้องตานาย เพราะเมื่อพลังการสะกดใจของพวกเราแข็งแกร่งระดับหนึ่ง จะมีความสามารถใหม่ตื่นขึ้นมา นั้นก็คือการได้รับรู้ถึง ’กลิ่นแห่งความแข็งแกร่ง’ ”
“อย่างงั้นหรอ….”
เห็นสีหน้าไม่พอใจบนใยหน้าของหลินเฉิงหลิงเหมิงก็กลัวว่าเขาจะจบชีวิตเธอ เธอก็เลยรีบพูดต่อ “พลังที่สองของเผ่าวิญญาณรัตติการที่เกิดขึ้นมาเองตั้งแต่ที่พวกเราเกิด นอกเหนื่อจากพลังแห่งการหว่านเสน่แล้ว! มากไปกว่านั้นเพราะพวกเรามีพลังถึงสองอย่างอยู่ในตัวคนๆ เดียว นั้นทำให้ความสามารถในการเลื่อนระดับของพวกเราช้าเหมือนเต่าคลาน เมื่อเที่ยบกับมนุษย์อย่างพวกนายแล้ว! เพราะงั้นความกังวลของนายเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผลด้วยซ้ำ แม้ว่าพลังทั้งสองอย่างของเราจะถึงขั้นสูงสุดของการฝึกตนแล้ว ก็ยังเทียบกับจำนวนของมนุษย์ไม่ได้…”
“ปั้ง…”
เมื่อได้ยินคำอธิบายนั้นหลินเฉิงก็หายกังวลไปบ้าง เขาจึงดูถูกคำพูดของเธอ “เธอกลัวตายขนาดไหนกัน? ฉันเองก็ดูถูกเผ่าพันธุ์ของตัวเองเหมือนกันว่ามันไร้ค่า และพลังของของปีศาจรัตติการก็แกร่งกว่าพรสวรรค์ของมนุษย์ ความคิดของเธอไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยความคิดของมนุษย์ใช่ไหม? งั้นอย่ามาหลอกกันสะให้ยาก ตอบคำถามสุดท้ายของฉันมาตรงๆ เผ่าของพวกเธอมีประชากรมากขนาดไหน แล้วทำไมถึงอยากเข้ามาในฐานทัพนี้นัก?!”
———————SC: บทที่ 322 ชายในชุดสีม่วง!