I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 336 เธอเคยไปโรงเรียนบ้างรึปล่าว!?
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 336 เธอเคยไปโรงเรียนบ้างรึปล่าว!?
“ฉัน….”
ภายใต้แรงกดดันของฉีเซี่ยวฮันเลาฟางก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่เป็นเวลาหนึ่ง และในที่สุดด้วยความที่เขาเองก็เริ่มทนไม่ไหว อย่างไงเรื่องมันก็จบลงแค่ในห้องรับรองแห่งนี้อยู่อแล้วแม้ว่าฉีเซี่ยวฮันจะมีความสัมพันที่ดีกับพี่หลิวแต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมาหมายหัวเขาแบบนี้ใช่ไหมหละ?
หลินเฉิงก็เห็นท่าทีที่เหมือนจะระเบิดออกของเลาฟางเขาก็เข้าใจว่าเลาฟางเองก็ไม่ได้โกรธเลยจนถึงตอนนี้ เขากลัวพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวสาวน้อยคนนี้ต่างหาก ตอนนี้หลินเฉิงโบกมือให้เขาหยุดพูด และหันไปคุยกับฉีเซี่ยวฮันก่อน “ฉันถามว่าเธอมาที่นี่เพื่อชวนฉันให้เข้าร่วมทีมด้วยหรือเพราะเรื่องปัญหาของเลาฟางกันแน่?”
“ฉัน…..”
ได้ยินหลินเฉิงถามแบบนั้นความเย็นและความเงียบก็ดำเนินต่อไปกว่า1 นาที มีอยู่เพียงผู้เดียวที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “แล้วฉันเลือกอะไรได้หละ!? ฉันพยายามพูดตั้งหลายทางแล้ว นายก็ไม่ยอมเข้าร่วมทีมกับฉันเสียที!”
เห็นทุกอย่างมันดันออกมาเป็นแบบนี้หลินเฉิงก็ส่ายหน้า “ถ้าเป็นอย่างนี้ฉันก็ไม่สนใจเรื่องความบาดหมางของเธอกับเลาฟางอยู่แล้ว แต่ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของฉัน ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหากับเขาอีก และจะคุยเรื่องนั้นกันอย่างจริงจจังโอเคไหม?”
“นี้นายจริงจังใช่ไหม?!”
เมื่อได้ยินหลินเฉิงพูดแบบนั้น เขาก็จ้องไปยังหน้าหลินเฉิง เพื่อต้องการการยืนยัน!
“ฉันจะไปแกล้งสาวน้อยแบบเธอได้ยังไงฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” เมื่อความแปลกใจเกิดขึ้นบนใบหน้าฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็พยักหน้ายืนยันอีกครั้ง เมื่อการลงแรงของเธอเริ่มเห็นผล เธอก็รีบวิ่งไปหาเลาฟางและพูด “ลืมมันไปเถอะนายจะไปไหนก็ไป! ฉันหวังว่านายจะยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ถ้าว่างๆ ก็กลับไปหาพี่หลิวบ้าง เธอคิดถึงนายมากนะ!”
“ห๊ะ?”
ทันใดนั้นเลาฟางก็เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นคนละโลกของฉีเซี่ยวฮันเขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขารีบหันไปมองหน้าหลินเฉิง เมื่อเขาจะยังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่าง ทำไมชายคนนี้ถึงทำให้ยัยแม่มดน้อยคนนี้พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
เมื่อถูกจ้องมองด้วยความสงสัยหลินเฉิงก็โบกมือของเขาอย่างไม่แยแสอะไร “อะไรหละ? ก็เหมือนที่นายเห็น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สาวน้อยคนนี้ก็จะไม่ตอแยกับนายอีกต่อไปแล้ว นายไม่ต้องหลบซ่อนเหมือนหนูและเห็นเธอเป็นแมวตลอดเวลาอีกแล้ว แต่ที่เธอพูดมันก็ถูก ถ้านายทำอะไรผิดไว้ นายก็ควรให้โอกาสกับตัวเองอีกสักครั้ง!”
ได้ยินแบบนี้เลาฟางก็ถอนหายใจยาวเหยียดเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดฉีเซี่ยวฮันก็เหมือนกับฝันร้ายของคนที่มีพลังในระดับธรรมดาทั่วไป แล้วเขายังไปแหย่เธอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจอีก เขาทำผิดกับพี่สาวของแม่มดน้อยคนนี้ไว้ และเธอก็จองล้างจองผลาญเขาด้วย แต่ไม่มีทางเลย ด้วยการที่เขาพบเจอกับหลินเฉิง ฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนเขาถูกขจัดหายไปอย่างง่ายดาย ความรู้สึกของเขาตอนนี้จึงปนกันมั่วไปหมด
หลังจากที่สบัดหน้าไล่ความคิดไร้สาระต่างๆนาๆ ออกไปจนหมด เลาฟางก็ส่งรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา เขาหันไปพูดกับฉีเซี่ยวฮันและหลินเฉิง “ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันจะหาโอกาศไปหาเธออีกครั้ง ฉันหวังว่า…”
เขาหยุดพูดไปแล้วหันไปหาฉีเซี่ยวฮันอีกครั้ง
เห็นแบบนี้หลินเฉิงก็ยิ้มกว้างและตบบ่าของฉีเซี่ยวฮัน“เห็นไหม? ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากไปเยี่ยมพี่สาวของเธอเสียหน่อย เพราะเธอไปทำตัวอาฆาตแค้นเขาแบบนั้น พวกเธอถึงไม่ได้เครียเรื่องที่คาใจแบบนี้กันเสียที!”
“บ้าหน่า!”
ได้ยินหลินเฉิงพูดแบบนั้นฉีเซี่ยวฮันก็หน้าแดงอย่างไม่ทันตั้งตัวแม้ว่าปัญหานั้นจะเป็นเพราะเธอจริงๆ แต่เธอก็ยังไม่อยากยอมรับมัน
เห็นฉีเซี่ยวฮันทำตัวแปลกๆเขาก็กลัวว่าเธอจะไม่ยอมเลิกลา เขาหยุดพูด แล้วหันไปทางเลาฟางบ้าง “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญาได้เลยว่าจะไม่มีใครมาขวางทางของนายแล้ว ทำสิ่งที่ต้องทำซะเถอะนะ…”
“ขอบคุณมากเลยน้องหลิน!”
เมื่อหลินเฉิงรับปากเลาฟางก็สบายใจขึ้นมากเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาหยุดพูดและพยักหน้าให้ฉีเซี่ยวฮันที่เหมือนกำลังเครียดอยู่ และย้ายไปอีกห้องไปหาเฉินฉี มองไปยังแผ่นหลังของเลาฟางหลินเฉิงก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองเปลี่ยนไป ปกติแล้วเขาจะไม่ยุ่งกับเรื่องจิ๊บจ้อยพวกนี้เลย แต่ตอนนี้เขาเข้ามามีบทบาทและช่วยพวกเขาหาทางออก เขารู้สึกระอายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากที่เตือนตัวเองอย่างลับๆว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นอีก หลินเฉิงก็นวดคอของตัวเอง จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง และเข้าไปคุยฉีเซี่ยวฮันที่กำลังใจลอยอยู่ “เลาฟางก็ไปแล้วเธอดึงสติกลับมาได้รึยังหละ?”
รอบนี้เหมือนเธอจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเธอยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นก่อนที่จะกระซิบออกมา “มันไม่ใช่ความผิดของเลาฟางเลย ที่พี่หลิวป่วย แต่เป็นนเพราะฉัน….”
“ฮะ….อะไรนะ..”
เมื่อได้ยินคำพูดที่โทษตัวเองของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็ก็กลอกตา “มันเป็นเพราะเลาฟางนั้นแหละที่ทำให้พี่หลิวของเธอป่วยเป็นไข้ใจ มันจะไปเป็นเพราะเธอได้ยังไง? มันก็ยากนะที่จะอธิบายแต่เธอก็มีส่วนอยู่บ้าง เพราะเธอเป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่มีเงาคลุมหลังที่ใหญ่มากสำหรับผู้มีพลังวิเศษแล้ว นั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าเขามาหาเธอหรือคนรอบตัวเธอได้ง่ายๆ และถ้ามันเป็นปัญหา เธอก็ครวแก้มันซะ…”
“ฉันรู้แล้ว…”
ได้ยินคำสอนของหลินเฉิงเธอก็ไม่ได้แย้งอะไร แถมยังพยักหน้ารับอย่างจริงจัง เห็นแม่มดคนนี้เชื่องอย่างกับลูกแมว หลินเฉิงก็แอบมองเธอโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอคำนึงถึงทุกอย่างแล้วเธอก็มองเขาดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
แม้แม่มดคนนี้จะพูดมากและเงียบเป็นครั้งคราว เธอก็เป็นคนที่ความอดทนต่ำมากๆ ถ้าเธอไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หลินเฉิงคิด เธอคงจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัวแน่ๆ แต่วันนี้การแสดงออกของเธอทำให้หลินเฉิงเห็น ไม่ว่าเธอจะเป็นคนยังไง เธอก็ใส่ใจคนรอบข้างมาก เธอถึงขั้นยอมเลิกนิสัยเสียของตัวเอง สำหรับเด็กอายุ 10 ขวบกว่าๆ แล้ว ทำอะไรแบบนี้ได้นับว่าไม่ง่ายเลย
คิดมาถึงตรงนี้หลินเฉิงก็หยุดเลือกปฏิบัติกับเด็กคนนี้แล้ว หลังจากที่ดับบุหรี่ลงแล้วเขาก็เริ่มคุยกับเธออีกครั้ง “โอเค งั้นเราก็จบเรื่องของเลาฟางแล้ว งันมาคุยเรื่องทีมบริหารที่เธอพยายามจะหลอกให้ฉันเข้าไปดีกว่า…”
ได้ยินแบบนี้สีหน้าของเธอก็เหมือนถูกแช่แข็ง“จะพูดเรื่องอะไรอีก? นายบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้าฉันยอมเลาฟางไป นายจะเข้าร่วมกับเราหนะ?”
ได้ยินคำพูดแบบนั้นของเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็แทบจะพ่นเบียร์ออกมา “ฉันไปพูดอย่างนั้นตรงๆ ซะเมื่อไหร่หละ?! ที่ฉันพูดหมายความว่า ถ้าเธอปล่อยเลาฟางไป เราจะมาคุยเรื่องนี้กันอีก! มันต่างกันมากนะจากสิ่งที่เธอคิด ให้ตายสิ เธอเคยไปโรงเรียนบ้างรึปล่าว!?”
——————————SC: บทที่ 337 คำถามสามข้อ
ภายใต้แรงกดดันของฉีเซี่ยวฮันเลาฟางก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่เป็นเวลาหนึ่ง และในที่สุดด้วยความที่เขาเองก็เริ่มทนไม่ไหว อย่างไงเรื่องมันก็จบลงแค่ในห้องรับรองแห่งนี้อยู่อแล้วแม้ว่าฉีเซี่ยวฮันจะมีความสัมพันที่ดีกับพี่หลิวแต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมาหมายหัวเขาแบบนี้ใช่ไหมหละ?
หลินเฉิงก็เห็นท่าทีที่เหมือนจะระเบิดออกของเลาฟางเขาก็เข้าใจว่าเลาฟางเองก็ไม่ได้โกรธเลยจนถึงตอนนี้ เขากลัวพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวสาวน้อยคนนี้ต่างหาก ตอนนี้หลินเฉิงโบกมือให้เขาหยุดพูด และหันไปคุยกับฉีเซี่ยวฮันก่อน “ฉันถามว่าเธอมาที่นี่เพื่อชวนฉันให้เข้าร่วมทีมด้วยหรือเพราะเรื่องปัญหาของเลาฟางกันแน่?”
“ฉัน…..”
ได้ยินหลินเฉิงถามแบบนั้นความเย็นและความเงียบก็ดำเนินต่อไปกว่า1 นาที มีอยู่เพียงผู้เดียวที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “แล้วฉันเลือกอะไรได้หละ!? ฉันพยายามพูดตั้งหลายทางแล้ว นายก็ไม่ยอมเข้าร่วมทีมกับฉันเสียที!”
เห็นทุกอย่างมันดันออกมาเป็นแบบนี้หลินเฉิงก็ส่ายหน้า “ถ้าเป็นอย่างนี้ฉันก็ไม่สนใจเรื่องความบาดหมางของเธอกับเลาฟางอยู่แล้ว แต่ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของฉัน ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหากับเขาอีก และจะคุยเรื่องนั้นกันอย่างจริงจจังโอเคไหม?”
“นี้นายจริงจังใช่ไหม?!”
เมื่อได้ยินหลินเฉิงพูดแบบนั้น เขาก็จ้องไปยังหน้าหลินเฉิง เพื่อต้องการการยืนยัน!
“ฉันจะไปแกล้งสาวน้อยแบบเธอได้ยังไงฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” เมื่อความแปลกใจเกิดขึ้นบนใบหน้าฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็พยักหน้ายืนยันอีกครั้ง เมื่อการลงแรงของเธอเริ่มเห็นผล เธอก็รีบวิ่งไปหาเลาฟางและพูด “ลืมมันไปเถอะนายจะไปไหนก็ไป! ฉันหวังว่านายจะยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ถ้าว่างๆ ก็กลับไปหาพี่หลิวบ้าง เธอคิดถึงนายมากนะ!”
“ห๊ะ?”
ทันใดนั้นเลาฟางก็เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นคนละโลกของฉีเซี่ยวฮันเขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขารีบหันไปมองหน้าหลินเฉิง เมื่อเขาจะยังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่าง ทำไมชายคนนี้ถึงทำให้ยัยแม่มดน้อยคนนี้พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
เมื่อถูกจ้องมองด้วยความสงสัยหลินเฉิงก็โบกมือของเขาอย่างไม่แยแสอะไร “อะไรหละ? ก็เหมือนที่นายเห็น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สาวน้อยคนนี้ก็จะไม่ตอแยกับนายอีกต่อไปแล้ว นายไม่ต้องหลบซ่อนเหมือนหนูและเห็นเธอเป็นแมวตลอดเวลาอีกแล้ว แต่ที่เธอพูดมันก็ถูก ถ้านายทำอะไรผิดไว้ นายก็ควรให้โอกาสกับตัวเองอีกสักครั้ง!”
ได้ยินแบบนี้เลาฟางก็ถอนหายใจยาวเหยียดเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดฉีเซี่ยวฮันก็เหมือนกับฝันร้ายของคนที่มีพลังในระดับธรรมดาทั่วไป แล้วเขายังไปแหย่เธอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจอีก เขาทำผิดกับพี่สาวของแม่มดน้อยคนนี้ไว้ และเธอก็จองล้างจองผลาญเขาด้วย แต่ไม่มีทางเลย ด้วยการที่เขาพบเจอกับหลินเฉิง ฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนเขาถูกขจัดหายไปอย่างง่ายดาย ความรู้สึกของเขาตอนนี้จึงปนกันมั่วไปหมด
หลังจากที่สบัดหน้าไล่ความคิดไร้สาระต่างๆนาๆ ออกไปจนหมด เลาฟางก็ส่งรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา เขาหันไปพูดกับฉีเซี่ยวฮันและหลินเฉิง “ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันจะหาโอกาศไปหาเธออีกครั้ง ฉันหวังว่า…”
เขาหยุดพูดไปแล้วหันไปหาฉีเซี่ยวฮันอีกครั้ง
เห็นแบบนี้หลินเฉิงก็ยิ้มกว้างและตบบ่าของฉีเซี่ยวฮัน“เห็นไหม? ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากไปเยี่ยมพี่สาวของเธอเสียหน่อย เพราะเธอไปทำตัวอาฆาตแค้นเขาแบบนั้น พวกเธอถึงไม่ได้เครียเรื่องที่คาใจแบบนี้กันเสียที!”
“บ้าหน่า!”
ได้ยินหลินเฉิงพูดแบบนั้นฉีเซี่ยวฮันก็หน้าแดงอย่างไม่ทันตั้งตัวแม้ว่าปัญหานั้นจะเป็นเพราะเธอจริงๆ แต่เธอก็ยังไม่อยากยอมรับมัน
เห็นฉีเซี่ยวฮันทำตัวแปลกๆเขาก็กลัวว่าเธอจะไม่ยอมเลิกลา เขาหยุดพูด แล้วหันไปทางเลาฟางบ้าง “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญาได้เลยว่าจะไม่มีใครมาขวางทางของนายแล้ว ทำสิ่งที่ต้องทำซะเถอะนะ…”
“ขอบคุณมากเลยน้องหลิน!”
เมื่อหลินเฉิงรับปากเลาฟางก็สบายใจขึ้นมากเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาหยุดพูดและพยักหน้าให้ฉีเซี่ยวฮันที่เหมือนกำลังเครียดอยู่ และย้ายไปอีกห้องไปหาเฉินฉี มองไปยังแผ่นหลังของเลาฟางหลินเฉิงก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองเปลี่ยนไป ปกติแล้วเขาจะไม่ยุ่งกับเรื่องจิ๊บจ้อยพวกนี้เลย แต่ตอนนี้เขาเข้ามามีบทบาทและช่วยพวกเขาหาทางออก เขารู้สึกระอายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากที่เตือนตัวเองอย่างลับๆว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นอีก หลินเฉิงก็นวดคอของตัวเอง จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง และเข้าไปคุยฉีเซี่ยวฮันที่กำลังใจลอยอยู่ “เลาฟางก็ไปแล้วเธอดึงสติกลับมาได้รึยังหละ?”
รอบนี้เหมือนเธอจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเธอยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นก่อนที่จะกระซิบออกมา “มันไม่ใช่ความผิดของเลาฟางเลย ที่พี่หลิวป่วย แต่เป็นนเพราะฉัน….”
“ฮะ….อะไรนะ..”
เมื่อได้ยินคำพูดที่โทษตัวเองของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็ก็กลอกตา “มันเป็นเพราะเลาฟางนั้นแหละที่ทำให้พี่หลิวของเธอป่วยเป็นไข้ใจ มันจะไปเป็นเพราะเธอได้ยังไง? มันก็ยากนะที่จะอธิบายแต่เธอก็มีส่วนอยู่บ้าง เพราะเธอเป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่มีเงาคลุมหลังที่ใหญ่มากสำหรับผู้มีพลังวิเศษแล้ว นั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าเขามาหาเธอหรือคนรอบตัวเธอได้ง่ายๆ และถ้ามันเป็นปัญหา เธอก็ครวแก้มันซะ…”
“ฉันรู้แล้ว…”
ได้ยินคำสอนของหลินเฉิงเธอก็ไม่ได้แย้งอะไร แถมยังพยักหน้ารับอย่างจริงจัง เห็นแม่มดคนนี้เชื่องอย่างกับลูกแมว หลินเฉิงก็แอบมองเธอโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอคำนึงถึงทุกอย่างแล้วเธอก็มองเขาดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
แม้แม่มดคนนี้จะพูดมากและเงียบเป็นครั้งคราว เธอก็เป็นคนที่ความอดทนต่ำมากๆ ถ้าเธอไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หลินเฉิงคิด เธอคงจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัวแน่ๆ แต่วันนี้การแสดงออกของเธอทำให้หลินเฉิงเห็น ไม่ว่าเธอจะเป็นคนยังไง เธอก็ใส่ใจคนรอบข้างมาก เธอถึงขั้นยอมเลิกนิสัยเสียของตัวเอง สำหรับเด็กอายุ 10 ขวบกว่าๆ แล้ว ทำอะไรแบบนี้ได้นับว่าไม่ง่ายเลย
คิดมาถึงตรงนี้หลินเฉิงก็หยุดเลือกปฏิบัติกับเด็กคนนี้แล้ว หลังจากที่ดับบุหรี่ลงแล้วเขาก็เริ่มคุยกับเธออีกครั้ง “โอเค งั้นเราก็จบเรื่องของเลาฟางแล้ว งันมาคุยเรื่องทีมบริหารที่เธอพยายามจะหลอกให้ฉันเข้าไปดีกว่า…”
ได้ยินแบบนี้สีหน้าของเธอก็เหมือนถูกแช่แข็ง“จะพูดเรื่องอะไรอีก? นายบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้าฉันยอมเลาฟางไป นายจะเข้าร่วมกับเราหนะ?”
ได้ยินคำพูดแบบนั้นของเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็แทบจะพ่นเบียร์ออกมา “ฉันไปพูดอย่างนั้นตรงๆ ซะเมื่อไหร่หละ?! ที่ฉันพูดหมายความว่า ถ้าเธอปล่อยเลาฟางไป เราจะมาคุยเรื่องนี้กันอีก! มันต่างกันมากนะจากสิ่งที่เธอคิด ให้ตายสิ เธอเคยไปโรงเรียนบ้างรึปล่าว!?”
——————————SC: บทที่ 337 คำถามสามข้อ