I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 338 ดาบแห่งรัตติการ
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 338 ดาบแห่งรัตติการ
“ดีขึ้นเยอะเลย!”
หลังจากที่เห็นท่าทีประจบประแจงของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงที่ขี้เกียจจะพูดเล่นแล้วก็ถามคำถามข้อต่อไปตรงๆ “แต่นั้นแหละถึงปัญหาแล้ว คนเราจะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอ? อะไรอีกหละ ไหนจะเรื่องตำแหน่งปัจจุบันของเขาอีก ตำแหน่งที่สง่างามมากกว่าเดิม เท่าที่ฉันรู้ในตอนนี้ อยู่ดีๆ เขาก็กลายเป็นเจ้าชายตัวน้อยของใครหลายๆ คนไปสินะ?”
“อุฟฟฟ!”
ได้เห็นสีหน้าติดตลกของหลินเฉิงระหว่างที่บ่นถึงเรื่องของฉางเหวินฉวน ฉีเซี่ยวฮันก็ล้มลงไปขำกลิ้งอยู่บนโซฟา เธอยิ้มอยู่นานกว่า 2 นาที และค่อยๆ หยุดลง “ปากของนายนี้มันงูพิษชัดๆ ! อย่างไรก็ตามนายรู้เรื่องการเปลี่ยนเทรนของเขาได้ยังไงเนี่ย?” “ฉันรู้ได้ไงอย่างงั้นหรอ?”
หลินเฉิงส่งเสียงฮึมฮัมเบาๆออกมา สีหน้าของเขาดูไม่แฮปปี้นักที่ต้องพูดออกมา “เพราะเป้าหมายของไอหมอนั้น ตอนนี้คือน้องสาวของฉันอย่างไงหละ!”
“อะไรนะ!?”
ฉีเซี่ยวฮันยืนตัวแข็งอย่างช่วยไม่ได้“นายหมายความว่า หลีเหมิงเดีย เป็นน้องสาวของนายอย่างงั้นหรอ? เป็นไปได้ยังไง!”
“ทำไมถึงเป็นไม่ได้หละ?”
เห็นสีหน้าไม่เชื่อขอฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็มองหน้า “แม้ว่าเราจะไม่มีความสัมพันทางสายเลือด แต่เราก็โตมาด้วยกัน เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้ฉันไม่หลอกเธอแน่ใช่ไหม!”
“อ่าๆโอเคๆ…”
เธอก็ได้แต่ยอมรับความจริงอย่างช่วยไม่ได้ในเวลาเดียวกันเธอก็อยากจะด่านักสืบในแผนกของเธอเองจริงๆ ที่ทำให้เธอไม่รู้ข้อมูลสำคัญนี้จนถึงวันนี้ เธอถึงรู้เพราะได้ยินจากปากของหลินเฉิงเองกับตัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลีเหมิงเดียในช่วงนี้ คงไม่มีใครหยุดความแค้นของเขาคนนี้ได้แน่ๆ !
“เพราะอย่างงั้นไงฉันถึงต้องเข้าใจเรื่องของฉางเหวินฉวนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้และที่สำคัญที่สุดคือทำไมเขาถึงเปลี่ยนมาเป็นคนละคนแบบนี้ได้!”
“เรื่องนั้นมัน….”
ได้ยินคำถามแบบนี้ฉีเซี่ยวฮันก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูด“ลืมไปเถอะ ฉันจะบอกว่าแผนกของเราก็ไม่รู้เรื่องของฉางเหวินฉวนมากนัก เพราะลุงของเขาเป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดของฐานทัพแห่งนี้ พวกเราก็ต้องอยู่ใต้กฏบ้าง ทำงานโดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะอย่างงั้นพวกเราจึงรู้แค่ลักษณะเด่นเฉพาะของฉางเหวินฉวนเท่านั้น แม้ว่าเราจะเปลี่ยนวิธีการทำงานในช่วงปีที่ผ่านมาพยายามติดตามเขาอย่างใกล้ชิด แต่ก็ได้อะไรมาไม่มาก….”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“งั้นแผนกของเธอทำงานอะไร? และที่พูดมาเมื่อกี้หมายความว่าอะไร? เหมือนกับพวกเธอจะทำงานเกียวกับงานวิจัยเฉพาะทางนะ เกี่ยวกับแผนกต่างๆ อย่างงั้นหรอ?”
“ใกล้เคียงเลยหละ!”
วันนี่เธอไม่อยากปกปิดอะไรแล้ว“แผนกของเราเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญและทำการวิจัยอย่างอิสระ เราบอกกับนายมากไม่ได้ในตอนแรก เพราะนั้นเป็นหนึ่งในแผนงานของเรา และประเมินผลพวกผู้มีอำนาจฝ่ายบริหารของฐานทัพแห่งนี้!”
“ปัญหาเรื่องฉางเหวินฉวนที่นายบอกว่าเขาเป็นเพลย์บอยมาก่อน นั้นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากของผู้บังคับบัญชาสูงสุด เพราะมันส่งผลต่อหน้าที่การงานของเขา แต่ไม่รู้เพราะอะไรบางอย่าง ตั้งแต่เขาออกไปอยู่คนเดียวกว่า 3 เดือน ท่าทีของเขาต่อผู้หญิงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องเลยหละ! และนั้นก็ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเรา นั้นหมายความว่างานประเมินล่าสุดเกียวกับเขาต้องถูกยกเลิกและทิ้งไปทั้งหมดเลย แต่พวกเราก็ส่งทีมติดตามออกไปใหม่อีกครั้ง และพวกเราก็เห็นว่าเขาซ่อนอะไรที่ลึกลับเกินกว่าที่พวกเราจะเข้าใจ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนนอกจากเรื่องนิสัยที่เปลี่ยนไปแล้ว พลังที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่สามารถตรวจวัดได้อีก! นั้นทำให้พวกเราเห็นว่าใครใหญ่จริงๆ !”
“อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงเวลานั้นพวกเราก็ไม่ได้รับข่าวใหม่ๆ เลย ฉางเหวินฉวนถูกจัดทีมสอดแนมและติดตามระยะยาว ทีมงานของเราถูกคนเห็นว่าเขาเป็นปัญหาใหญ่เหมือนกันทุกคน! หลังจากที่เขากลับมาพวกเราก็ติดตามทุกคนที่เขาติดต่อด้วย น้องสาวของนายหลีเหมิงเดียก็อยู่ในระยะสังเกตุการณ์ของพวกเราเหมือนกัน! อย่างไรก็ตามฉางเหวินฉวนก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าความลึกลับบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ พวกเราเพ่งเล็งเขามากแต่ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ นั้นสักที…”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็ยังไม่ได้คำตอบ นั้นทำให้เขาไม่พอใจ แต่เขาก็พยักหน้ารับ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มาีความอดทนดี และเธอก็ไม่ปิดบังอะไรกับเขาด้วย
เมื่อรู้ว่าเขาจะไม่ได้ข้อมูลเฉพาะทางอะไรเกียวกับฉางเหวินฉวนจากเธอแล้วหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาชูนิ้ว 3 นิ้วขึ้นมาและพูด “งั้นเราไม่พูดถึงเรื่องของฉางเหวินฉวนแล้ว งั้นเรามาพูดเรื่องคำถามข้อที่ 3 กันใหม่…”
เขายังไม่พูดถึงข้อ3 ไปตรงๆ เขาเดินออกไปใกล้กับประตูก่อน ฟังเสียงข้างนอกว่าไม่มีใครแอบฟังพวกเขาในตอนนี้ แล้วเขาก็ถอยออกมาและกวักมือเรียกฉีเซี่ยวฮันให้เข้ามาใกล้ๆ
เห็นหลินเฉิงมีท่าทีระมัดระวังสุดอย่างขีดฉีเซี่ยวฮันก็ส่งสัยและตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ เธอยืนเขย่งขาอยู้ใกล้กับหลินเฉิง รอฟังเสียงอย่างตั้งอกตั้งใจ “ฉันอยากจะรู้ว่าแผนกของเธอเชี่ยวชาญเรื่องของพวกเผ่าวิญญาณรัตติการมากขนาดไหน!” “อะไรนะ!?นี่นายรู้แม้กระทั่งเรื่องของพวกเผ่าวิญญาณระ….”
เมื่อหลินเฉิงพูดถึงเรื่องของเผ่าวิญญาณรัตติการฉีเซียวฮันก็จ้องมาให้เขาตาเป็นมัน แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดออกมาจนจบ หลินเฉิงก็เอามือปิดปากของเธอเอาไว้!
หลังจากปิดปากสาวน้อยไว้แน่นแล้วหลินเฉิงก็มองตาเธออย่างจริงจัง และปล่อยมือออกมาจากปากของเธอ สาวน้อยก็ได้แต่จ้องตาเขากลับมาและกระพริบตาปริบๆ “เรื่องนี้สำคัญกับฉันมากนะ… เธอช่วยใจเย็นลงก่อนได้ไหม!”
เห็นท่าทีอันแปลกประหลาดของหลินเฉิงฉีเซี่ยวอันก็เข้าใจว่าคำถามสองข้อแรกเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ข้อที่สามคืออะไรที่เขาอยากรู้มากที่สุด!
เมื่อเข้าใจถึงแผนการของหลินเฉิงเธอก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก เธอถามด้วยเสียงเบาๆ ที่แฝงไปด้วยความจริงจัง “นายรู้จัดถึงตัวตนของเผ่านั้นได้ยังไง?” ”ฐานทัพทะเลน้ำเงินทั้งฐานไม่น่าจะรู้จักตัวตนของเผ่าวิญญาณรัตติการเลย ยกเว้นพวกเรา ’ดาบแห่งรัตติการ’ ”
ได้ยินคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงได้แต่ยกคิ้วขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อ๊ะ?”
แต่ฉีเซี่ยวฮันก็รู้ตัวถึงความสะเพร่าของตัวเองเธอพูดชื่อแผนกของตัวเองออกมาหลังจากได้ยินคำถามลองใจของหลินเฉิง ฉีเซี่ยวฮัน ยกคิ้วขึ้นและบ่นด้วยความไม่พอใจ “นายนี่ไม่ใช่คนดีเลยจริงๆ !”
“ให้ตายเถอะ!”
หลินเฉิงก็ไม่รู้สึกแฮปปี้เหมือนกัน“เหมือนข่าวจะหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจแล้วนะ เธอคิดอะไรกับฉันรึเปล่าเนี่ย?”
“ฮึ่ม!”
แน่นอนว่าฉีเซี่ยวฮันก็รู้ว่านั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับหลินเฉิงหลังจากที่เล่นเกมส์พนันนี้มานานแล้ว เธอก็ถามเขาอย่างไม่เต็มใจ“แค่ชื่อก็มากพอแล้ว ต่อให้นายรู้จักมัน มันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร นายควรจะรีบบอกฉันมาเลยนะว่านายรู้จักถึงตัวตนของเผ่าวิญญาณรัตติการได้ไง!”
————————–SC: บทที่ 339 วิกฤตของฐานทัพ
หลังจากที่เห็นท่าทีประจบประแจงของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงที่ขี้เกียจจะพูดเล่นแล้วก็ถามคำถามข้อต่อไปตรงๆ “แต่นั้นแหละถึงปัญหาแล้ว คนเราจะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอ? อะไรอีกหละ ไหนจะเรื่องตำแหน่งปัจจุบันของเขาอีก ตำแหน่งที่สง่างามมากกว่าเดิม เท่าที่ฉันรู้ในตอนนี้ อยู่ดีๆ เขาก็กลายเป็นเจ้าชายตัวน้อยของใครหลายๆ คนไปสินะ?”
“อุฟฟฟ!”
ได้เห็นสีหน้าติดตลกของหลินเฉิงระหว่างที่บ่นถึงเรื่องของฉางเหวินฉวน ฉีเซี่ยวฮันก็ล้มลงไปขำกลิ้งอยู่บนโซฟา เธอยิ้มอยู่นานกว่า 2 นาที และค่อยๆ หยุดลง “ปากของนายนี้มันงูพิษชัดๆ ! อย่างไรก็ตามนายรู้เรื่องการเปลี่ยนเทรนของเขาได้ยังไงเนี่ย?” “ฉันรู้ได้ไงอย่างงั้นหรอ?”
หลินเฉิงส่งเสียงฮึมฮัมเบาๆออกมา สีหน้าของเขาดูไม่แฮปปี้นักที่ต้องพูดออกมา “เพราะเป้าหมายของไอหมอนั้น ตอนนี้คือน้องสาวของฉันอย่างไงหละ!”
“อะไรนะ!?”
ฉีเซี่ยวฮันยืนตัวแข็งอย่างช่วยไม่ได้“นายหมายความว่า หลีเหมิงเดีย เป็นน้องสาวของนายอย่างงั้นหรอ? เป็นไปได้ยังไง!”
“ทำไมถึงเป็นไม่ได้หละ?”
เห็นสีหน้าไม่เชื่อขอฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็มองหน้า “แม้ว่าเราจะไม่มีความสัมพันทางสายเลือด แต่เราก็โตมาด้วยกัน เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้ฉันไม่หลอกเธอแน่ใช่ไหม!”
“อ่าๆโอเคๆ…”
เธอก็ได้แต่ยอมรับความจริงอย่างช่วยไม่ได้ในเวลาเดียวกันเธอก็อยากจะด่านักสืบในแผนกของเธอเองจริงๆ ที่ทำให้เธอไม่รู้ข้อมูลสำคัญนี้จนถึงวันนี้ เธอถึงรู้เพราะได้ยินจากปากของหลินเฉิงเองกับตัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลีเหมิงเดียในช่วงนี้ คงไม่มีใครหยุดความแค้นของเขาคนนี้ได้แน่ๆ !
“เพราะอย่างงั้นไงฉันถึงต้องเข้าใจเรื่องของฉางเหวินฉวนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้และที่สำคัญที่สุดคือทำไมเขาถึงเปลี่ยนมาเป็นคนละคนแบบนี้ได้!”
“เรื่องนั้นมัน….”
ได้ยินคำถามแบบนี้ฉีเซี่ยวฮันก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูด“ลืมไปเถอะ ฉันจะบอกว่าแผนกของเราก็ไม่รู้เรื่องของฉางเหวินฉวนมากนัก เพราะลุงของเขาเป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดของฐานทัพแห่งนี้ พวกเราก็ต้องอยู่ใต้กฏบ้าง ทำงานโดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะอย่างงั้นพวกเราจึงรู้แค่ลักษณะเด่นเฉพาะของฉางเหวินฉวนเท่านั้น แม้ว่าเราจะเปลี่ยนวิธีการทำงานในช่วงปีที่ผ่านมาพยายามติดตามเขาอย่างใกล้ชิด แต่ก็ได้อะไรมาไม่มาก….”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“งั้นแผนกของเธอทำงานอะไร? และที่พูดมาเมื่อกี้หมายความว่าอะไร? เหมือนกับพวกเธอจะทำงานเกียวกับงานวิจัยเฉพาะทางนะ เกี่ยวกับแผนกต่างๆ อย่างงั้นหรอ?”
“ใกล้เคียงเลยหละ!”
วันนี่เธอไม่อยากปกปิดอะไรแล้ว“แผนกของเราเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญและทำการวิจัยอย่างอิสระ เราบอกกับนายมากไม่ได้ในตอนแรก เพราะนั้นเป็นหนึ่งในแผนงานของเรา และประเมินผลพวกผู้มีอำนาจฝ่ายบริหารของฐานทัพแห่งนี้!”
“ปัญหาเรื่องฉางเหวินฉวนที่นายบอกว่าเขาเป็นเพลย์บอยมาก่อน นั้นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากของผู้บังคับบัญชาสูงสุด เพราะมันส่งผลต่อหน้าที่การงานของเขา แต่ไม่รู้เพราะอะไรบางอย่าง ตั้งแต่เขาออกไปอยู่คนเดียวกว่า 3 เดือน ท่าทีของเขาต่อผู้หญิงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องเลยหละ! และนั้นก็ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเรา นั้นหมายความว่างานประเมินล่าสุดเกียวกับเขาต้องถูกยกเลิกและทิ้งไปทั้งหมดเลย แต่พวกเราก็ส่งทีมติดตามออกไปใหม่อีกครั้ง และพวกเราก็เห็นว่าเขาซ่อนอะไรที่ลึกลับเกินกว่าที่พวกเราจะเข้าใจ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนนอกจากเรื่องนิสัยที่เปลี่ยนไปแล้ว พลังที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่สามารถตรวจวัดได้อีก! นั้นทำให้พวกเราเห็นว่าใครใหญ่จริงๆ !”
“อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงเวลานั้นพวกเราก็ไม่ได้รับข่าวใหม่ๆ เลย ฉางเหวินฉวนถูกจัดทีมสอดแนมและติดตามระยะยาว ทีมงานของเราถูกคนเห็นว่าเขาเป็นปัญหาใหญ่เหมือนกันทุกคน! หลังจากที่เขากลับมาพวกเราก็ติดตามทุกคนที่เขาติดต่อด้วย น้องสาวของนายหลีเหมิงเดียก็อยู่ในระยะสังเกตุการณ์ของพวกเราเหมือนกัน! อย่างไรก็ตามฉางเหวินฉวนก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าความลึกลับบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ พวกเราเพ่งเล็งเขามากแต่ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ นั้นสักที…”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็ยังไม่ได้คำตอบ นั้นทำให้เขาไม่พอใจ แต่เขาก็พยักหน้ารับ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มาีความอดทนดี และเธอก็ไม่ปิดบังอะไรกับเขาด้วย
เมื่อรู้ว่าเขาจะไม่ได้ข้อมูลเฉพาะทางอะไรเกียวกับฉางเหวินฉวนจากเธอแล้วหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาชูนิ้ว 3 นิ้วขึ้นมาและพูด “งั้นเราไม่พูดถึงเรื่องของฉางเหวินฉวนแล้ว งั้นเรามาพูดเรื่องคำถามข้อที่ 3 กันใหม่…”
เขายังไม่พูดถึงข้อ3 ไปตรงๆ เขาเดินออกไปใกล้กับประตูก่อน ฟังเสียงข้างนอกว่าไม่มีใครแอบฟังพวกเขาในตอนนี้ แล้วเขาก็ถอยออกมาและกวักมือเรียกฉีเซี่ยวฮันให้เข้ามาใกล้ๆ
เห็นหลินเฉิงมีท่าทีระมัดระวังสุดอย่างขีดฉีเซี่ยวฮันก็ส่งสัยและตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ เธอยืนเขย่งขาอยู้ใกล้กับหลินเฉิง รอฟังเสียงอย่างตั้งอกตั้งใจ “ฉันอยากจะรู้ว่าแผนกของเธอเชี่ยวชาญเรื่องของพวกเผ่าวิญญาณรัตติการมากขนาดไหน!” “อะไรนะ!?นี่นายรู้แม้กระทั่งเรื่องของพวกเผ่าวิญญาณระ….”
เมื่อหลินเฉิงพูดถึงเรื่องของเผ่าวิญญาณรัตติการฉีเซียวฮันก็จ้องมาให้เขาตาเป็นมัน แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดออกมาจนจบ หลินเฉิงก็เอามือปิดปากของเธอเอาไว้!
หลังจากปิดปากสาวน้อยไว้แน่นแล้วหลินเฉิงก็มองตาเธออย่างจริงจัง และปล่อยมือออกมาจากปากของเธอ สาวน้อยก็ได้แต่จ้องตาเขากลับมาและกระพริบตาปริบๆ “เรื่องนี้สำคัญกับฉันมากนะ… เธอช่วยใจเย็นลงก่อนได้ไหม!”
เห็นท่าทีอันแปลกประหลาดของหลินเฉิงฉีเซี่ยวอันก็เข้าใจว่าคำถามสองข้อแรกเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ข้อที่สามคืออะไรที่เขาอยากรู้มากที่สุด!
เมื่อเข้าใจถึงแผนการของหลินเฉิงเธอก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก เธอถามด้วยเสียงเบาๆ ที่แฝงไปด้วยความจริงจัง “นายรู้จัดถึงตัวตนของเผ่านั้นได้ยังไง?” ”ฐานทัพทะเลน้ำเงินทั้งฐานไม่น่าจะรู้จักตัวตนของเผ่าวิญญาณรัตติการเลย ยกเว้นพวกเรา ’ดาบแห่งรัตติการ’ ”
ได้ยินคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงได้แต่ยกคิ้วขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อ๊ะ?”
แต่ฉีเซี่ยวฮันก็รู้ตัวถึงความสะเพร่าของตัวเองเธอพูดชื่อแผนกของตัวเองออกมาหลังจากได้ยินคำถามลองใจของหลินเฉิง ฉีเซี่ยวฮัน ยกคิ้วขึ้นและบ่นด้วยความไม่พอใจ “นายนี่ไม่ใช่คนดีเลยจริงๆ !”
“ให้ตายเถอะ!”
หลินเฉิงก็ไม่รู้สึกแฮปปี้เหมือนกัน“เหมือนข่าวจะหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจแล้วนะ เธอคิดอะไรกับฉันรึเปล่าเนี่ย?”
“ฮึ่ม!”
แน่นอนว่าฉีเซี่ยวฮันก็รู้ว่านั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับหลินเฉิงหลังจากที่เล่นเกมส์พนันนี้มานานแล้ว เธอก็ถามเขาอย่างไม่เต็มใจ“แค่ชื่อก็มากพอแล้ว ต่อให้นายรู้จักมัน มันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร นายควรจะรีบบอกฉันมาเลยนะว่านายรู้จักถึงตัวตนของเผ่าวิญญาณรัตติการได้ไง!”
————————–SC: บทที่ 339 วิกฤตของฐานทัพ