I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 360 ปัญหาของฉางเหวินฉวน
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 360 ปัญหาของฉางเหวินฉวน
เขารู้ว่าสองพี่น้องคู่นี้ไม่ชอบหน้ากันและกันหลินเฉิงจึงไม่พูดถึงเรื่องของน้องสาวต่อหน้าฉางเหวินฉวน แต่เขาก็สนใจในผู้หญิงคนนั้นมากๆ ที่สามารถควบคุมกองเรือทั้งกองโดยอยู่บนเรือธงได้!
ก่อนที่จะมารายงานตัวเขาไม่ได้สนใจเรื่องของเธอสักเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้ถึงเรื่องราวในกองพันมากนัก เขาไม่รู้ว่าหญิงคนนั้นจะเก่งขนาดนี้ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มาเห็นกองเรืออันเกรียงไกรนี้ อยู่ดีๆ หลินเฉิงก็สนใจในผู้หญิงที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าคนนี้ทันที เขาอยากรู้ว่าเธอรับมือกับกลุ่มคนที่ไม่เคารพกฏหมายเหล่านั้ให้ทำงานอย่างเป็นระบบได้ยังไง!
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้เขามาเพื่อสืบข้อมูลของฉางเหวินฉวน แม้ว่าหญิงคนนี้จะมีพลังเหนื่อกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก มันก็ไม่เหมาะที่เขาจะทำให้แผนการของตัวเองล่าช้าลงโดยที่ไปยุ่งเรื่องของเธอแทน เขาแค่สนใจในพลังปริศนาของหญิงคนนั้นก็เท่านั้นเอง
“โอเค!”
เห็นหลินเฉิงกำลังพูดกับตัวเองฉางเหวินฉวนก็พยักหน้า “ทุกวันนี้ผมยุ่งกับงานมาก เลยไม่มีเวลามาดูแลกองพันเลย เพราะงั้นเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ ผมจึงมอบหน้าที่ควบคุมกองพันให้กับ นายทหารผู้มากความสามารถคนนึ่ง นั้นก็คือฉางเก้อ!”
แม้ว่าเรื่องของฉางเก้อจะเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะพูดแต่เขาก็สารภาพออกมาเอง “อีกไม่นานคุณก็จะคุ้นกับชื่อนี้ และความสัมพันของผมกับเธออยู่แล้วใช่ไหมหละ? อย่างไงผมกับคุณก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ผมจะบอกให้ว่าเธอคือน้องสาวของผมเอง!”
“โฮ่?”
เห็นความไม่เห็นแก่ตัวของชายคนนี้หลินเฉิงก็ชำเลืองมองไปยังอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่รู้ว่าไอหมอนี้กำลังเล่นอะไรอยู่ ฉางเหวินฉวนไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องพวกนี้กับเขาด้วยซ้ำไป และเขาเองก็ไม่มีสิทธ์จะเข้าไปยุ่งด้วย อะไรหลายๆ อย่างดูไม่สมเหตุสมผลจริงๆ ในตอนนี้!
เห็นหลินเฉิงมองมาด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความสงสัยฉางเหวินฉวนก็ถอนหนายใจด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดขึ้น “บางที่คุณอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ผมกับน้องสาวเองก็ไม่ลงลอยกันสักเท่าไหร่ เพราะเหตุผลเฉพาะหลายๆ อย่าง มันทำให้อะไรหลายๆ อย่างบานปลาย จนตอนนี้มันพันกันเป็นปมมั่วไปหมด…”
“เดี๋ยวก่อน!”
หลินเฉิงก็อดที่จะเข้าไปขัดไม่ได้“ท่านผู้บังคับบัญชา แม้ว่าเราจะรู้จักกันเพราะฉันเป็นพี่ของเสี่ยวเดีย แต่เรื่องของครอบครัวน่าจะเกินไปหน่อยนะ พวกเราไม่ได้รู้จักกันมานานขนาดนั้นด้วย วันนี้นายพูดเยอะไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะสับสนไปหมดทุกเรื่องซะก่อนนะ”
“เอ….”
หลังจากนั้นเขาก็นิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะพยักหน้า “ผมคงพูดมากไปแล้วจริงๆ นั้นแหละ…”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง“แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในฐานทัพแห่งนี้มีคนไม่กี่คนจริงๆ ที่ผมจะคุยด้วยได้ ถ้าก่อนหน้านี้น่าจะมีแต่เสี่ยวเดียคนเดียว ตอนนี้ถ้ามีคุณอีกคนก็คงจะดี ถ้าผมเผลอพูดอะไรแบบนี้ไปก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ…”
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นหละ?ปกติเวลาใครเจอหน้ากัน ก็ควรกล่าวทักทายอยู่แล้วสิ เพื่อนบ้านเขาไม่มาทักทายแบบนี้บ้างหรอ?”
เห็นชายนี้กำลังเศร้าหลินเฉิงก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ใช่คนดี แต่ปัญหาของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ย่อมมีปัญหาส่วนตัวกันเป็นธรรมดา “ก็บางทีหละนะ…”
ฉางเหวินฉวนพยักหน้าก่อนที่จะหันหน้ามาหาหลินเฉิง “และคุณหละ? จริงๆ แล้วผมก็สงสัยอยู่บ้าง คุณดูไม่เยือกเย็นเหมือนคนอื่นๆ เลยเหมือนคุณกับผม หรือว่าจะเป็นเพราะผมรู้จักกับเสี่ยวเดีย แม้ว่าผมจะเป็นรองผู้บังคับบัญชาของฐานทัพด้วยหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะ
“ทำไมหละฉันทำตัวแปลกๆหรอ? นายเป็นคนมียศย่อมอยากให้ใครทำตัวชิวๆ เวลาคุยกันอยู่บ้างสินะ จริงๆ ก็ไม่เกียวกับเรื่องความสัมพันอะไรหรอก ทำไมฉันต้องกลัวนายด้วยหละ? ยังไงซะทุกวันนี้พวกเราก็เป็นผู้รอดชีวิตเหมือนๆ กัน ต้องเอาตัวรอดอยู่บนโลกที่โหดร้ายแบบนี้ ไม่ว่าใครจะมั่งคั่งหรือหน้าตาดียังไง พรุ่งนี้อาจจะตายก็ได้ใครจะไปรู้ใช่ไหมหละ? ”
“เยี่ยมไปเลยครับ!”
เห็นหลินเฉิงพูดอย่างมีหลักการฉางเหวินฉวนก็ไม่คัดใจสักนิด เขาปรบมือให้และพูดชม “พูดได้ดีมากครับ! มันเป็นแนวคิดของการเอาชีวิตรอดอย่างแท้จริงเลย ถ้าให้พูดความจริงแล้ว ยังมีคนที่เรียกว่าผู้รอดชีวิตไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกที่รู้แค่เรื่องเรื่องการจีบหญิงกับการต่อยตี! ไอพวกนิสัยเสียใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่แห่งนี้มานาน บางทีสังคมโลกมนุษย์อาจจะมีแต่ความเกลียดชังก็ได้…”
“เอ…?”
เห็นฉางเหวินฉวนพูดอย่างตื่นตัวหลินเฉิงก็เม้มปากและเข้ามาขัดเอาไว้ก่อน “ฉันก็แค่พูดสิ่งที่ฉันคิดเท่านั้น นายหนะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นหละห๊ะ? จะว่าไปแล้วที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะฝ่ายบริหารของฐานทัพไม่ใช่หรอ บางทีด่าไปด่ามาจะเข้าตัวเองก็ได้นะ?”
“ฮึ่ม!”
ได้ยินแบบนั้นฉางเหวินฉวนก็พ่นลมออกมาก่อนที่จะพูดอย่างดูถูก “เรื่องการจัดการตรงนั้นเป็นหน้าที่ของคนอื่น ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก ถ้าผมเลือกได้ผมจะเก็บไอพวกนั้นให้หมด ไม่ให้พวกมันมากินข้าวกินน้ำให้เปลืองทรัพยากรแบบนี้หรอก!”
“แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็บอกว่าพวกเราทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกันต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ เราต้องช่วยชีวิตผู้คนให้ได้มากที่สุด! แน่นอนว่านั้นเป็นแนวคิดที่ดีและผมเห็นด้วยจึงทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือ ฐานทัพแห่งนี้มีประชากรเกือบ 100,000 คนแล้ว ถ้าฐานทัพถูกโจมตีแต่ไม่มีกำลังรบขึ้นมาหละ? ถ้าเป็นคุณหลินคิดว่าทำยังไงดีครับ?”
หลินเฉิงมองไปยังชายคนนี้อีกทีสิ่งที่เขาแสดงออกนั้นเป็นไปได้หลายแนวมาก หลินเฉิงหยากบอกกับเขาว่า ชายคนนี้เป็นคนทำงานหนักและนอบน้อม แต่ชูฉิงบอกว่าเขาเป็นเพลบอย และเขาเองก็สัมพัสได้ถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาโดยตลอด เหมือนว่าเรื่องของชายคนนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิดเอาไวเสียแล้ว!
———————-SC: บทที่ 361 สิ่งที่หลินเฉิงต้องทำ
ก่อนที่จะมารายงานตัวเขาไม่ได้สนใจเรื่องของเธอสักเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้ถึงเรื่องราวในกองพันมากนัก เขาไม่รู้ว่าหญิงคนนั้นจะเก่งขนาดนี้ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มาเห็นกองเรืออันเกรียงไกรนี้ อยู่ดีๆ หลินเฉิงก็สนใจในผู้หญิงที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าคนนี้ทันที เขาอยากรู้ว่าเธอรับมือกับกลุ่มคนที่ไม่เคารพกฏหมายเหล่านั้ให้ทำงานอย่างเป็นระบบได้ยังไง!
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้เขามาเพื่อสืบข้อมูลของฉางเหวินฉวน แม้ว่าหญิงคนนี้จะมีพลังเหนื่อกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก มันก็ไม่เหมาะที่เขาจะทำให้แผนการของตัวเองล่าช้าลงโดยที่ไปยุ่งเรื่องของเธอแทน เขาแค่สนใจในพลังปริศนาของหญิงคนนั้นก็เท่านั้นเอง
“โอเค!”
เห็นหลินเฉิงกำลังพูดกับตัวเองฉางเหวินฉวนก็พยักหน้า “ทุกวันนี้ผมยุ่งกับงานมาก เลยไม่มีเวลามาดูแลกองพันเลย เพราะงั้นเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ ผมจึงมอบหน้าที่ควบคุมกองพันให้กับ นายทหารผู้มากความสามารถคนนึ่ง นั้นก็คือฉางเก้อ!”
แม้ว่าเรื่องของฉางเก้อจะเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะพูดแต่เขาก็สารภาพออกมาเอง “อีกไม่นานคุณก็จะคุ้นกับชื่อนี้ และความสัมพันของผมกับเธออยู่แล้วใช่ไหมหละ? อย่างไงผมกับคุณก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ผมจะบอกให้ว่าเธอคือน้องสาวของผมเอง!”
“โฮ่?”
เห็นความไม่เห็นแก่ตัวของชายคนนี้หลินเฉิงก็ชำเลืองมองไปยังอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่รู้ว่าไอหมอนี้กำลังเล่นอะไรอยู่ ฉางเหวินฉวนไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องพวกนี้กับเขาด้วยซ้ำไป และเขาเองก็ไม่มีสิทธ์จะเข้าไปยุ่งด้วย อะไรหลายๆ อย่างดูไม่สมเหตุสมผลจริงๆ ในตอนนี้!
เห็นหลินเฉิงมองมาด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความสงสัยฉางเหวินฉวนก็ถอนหนายใจด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดขึ้น “บางที่คุณอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ผมกับน้องสาวเองก็ไม่ลงลอยกันสักเท่าไหร่ เพราะเหตุผลเฉพาะหลายๆ อย่าง มันทำให้อะไรหลายๆ อย่างบานปลาย จนตอนนี้มันพันกันเป็นปมมั่วไปหมด…”
“เดี๋ยวก่อน!”
หลินเฉิงก็อดที่จะเข้าไปขัดไม่ได้“ท่านผู้บังคับบัญชา แม้ว่าเราจะรู้จักกันเพราะฉันเป็นพี่ของเสี่ยวเดีย แต่เรื่องของครอบครัวน่าจะเกินไปหน่อยนะ พวกเราไม่ได้รู้จักกันมานานขนาดนั้นด้วย วันนี้นายพูดเยอะไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะสับสนไปหมดทุกเรื่องซะก่อนนะ”
“เอ….”
หลังจากนั้นเขาก็นิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะพยักหน้า “ผมคงพูดมากไปแล้วจริงๆ นั้นแหละ…”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง“แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในฐานทัพแห่งนี้มีคนไม่กี่คนจริงๆ ที่ผมจะคุยด้วยได้ ถ้าก่อนหน้านี้น่าจะมีแต่เสี่ยวเดียคนเดียว ตอนนี้ถ้ามีคุณอีกคนก็คงจะดี ถ้าผมเผลอพูดอะไรแบบนี้ไปก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ…”
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นหละ?ปกติเวลาใครเจอหน้ากัน ก็ควรกล่าวทักทายอยู่แล้วสิ เพื่อนบ้านเขาไม่มาทักทายแบบนี้บ้างหรอ?”
เห็นชายนี้กำลังเศร้าหลินเฉิงก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ใช่คนดี แต่ปัญหาของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ย่อมมีปัญหาส่วนตัวกันเป็นธรรมดา “ก็บางทีหละนะ…”
ฉางเหวินฉวนพยักหน้าก่อนที่จะหันหน้ามาหาหลินเฉิง “และคุณหละ? จริงๆ แล้วผมก็สงสัยอยู่บ้าง คุณดูไม่เยือกเย็นเหมือนคนอื่นๆ เลยเหมือนคุณกับผม หรือว่าจะเป็นเพราะผมรู้จักกับเสี่ยวเดีย แม้ว่าผมจะเป็นรองผู้บังคับบัญชาของฐานทัพด้วยหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะ
“ทำไมหละฉันทำตัวแปลกๆหรอ? นายเป็นคนมียศย่อมอยากให้ใครทำตัวชิวๆ เวลาคุยกันอยู่บ้างสินะ จริงๆ ก็ไม่เกียวกับเรื่องความสัมพันอะไรหรอก ทำไมฉันต้องกลัวนายด้วยหละ? ยังไงซะทุกวันนี้พวกเราก็เป็นผู้รอดชีวิตเหมือนๆ กัน ต้องเอาตัวรอดอยู่บนโลกที่โหดร้ายแบบนี้ ไม่ว่าใครจะมั่งคั่งหรือหน้าตาดียังไง พรุ่งนี้อาจจะตายก็ได้ใครจะไปรู้ใช่ไหมหละ? ”
“เยี่ยมไปเลยครับ!”
เห็นหลินเฉิงพูดอย่างมีหลักการฉางเหวินฉวนก็ไม่คัดใจสักนิด เขาปรบมือให้และพูดชม “พูดได้ดีมากครับ! มันเป็นแนวคิดของการเอาชีวิตรอดอย่างแท้จริงเลย ถ้าให้พูดความจริงแล้ว ยังมีคนที่เรียกว่าผู้รอดชีวิตไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกที่รู้แค่เรื่องเรื่องการจีบหญิงกับการต่อยตี! ไอพวกนิสัยเสียใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่แห่งนี้มานาน บางทีสังคมโลกมนุษย์อาจจะมีแต่ความเกลียดชังก็ได้…”
“เอ…?”
เห็นฉางเหวินฉวนพูดอย่างตื่นตัวหลินเฉิงก็เม้มปากและเข้ามาขัดเอาไว้ก่อน “ฉันก็แค่พูดสิ่งที่ฉันคิดเท่านั้น นายหนะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นหละห๊ะ? จะว่าไปแล้วที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะฝ่ายบริหารของฐานทัพไม่ใช่หรอ บางทีด่าไปด่ามาจะเข้าตัวเองก็ได้นะ?”
“ฮึ่ม!”
ได้ยินแบบนั้นฉางเหวินฉวนก็พ่นลมออกมาก่อนที่จะพูดอย่างดูถูก “เรื่องการจัดการตรงนั้นเป็นหน้าที่ของคนอื่น ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก ถ้าผมเลือกได้ผมจะเก็บไอพวกนั้นให้หมด ไม่ให้พวกมันมากินข้าวกินน้ำให้เปลืองทรัพยากรแบบนี้หรอก!”
“แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็บอกว่าพวกเราทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกันต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ เราต้องช่วยชีวิตผู้คนให้ได้มากที่สุด! แน่นอนว่านั้นเป็นแนวคิดที่ดีและผมเห็นด้วยจึงทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือ ฐานทัพแห่งนี้มีประชากรเกือบ 100,000 คนแล้ว ถ้าฐานทัพถูกโจมตีแต่ไม่มีกำลังรบขึ้นมาหละ? ถ้าเป็นคุณหลินคิดว่าทำยังไงดีครับ?”
หลินเฉิงมองไปยังชายคนนี้อีกทีสิ่งที่เขาแสดงออกนั้นเป็นไปได้หลายแนวมาก หลินเฉิงหยากบอกกับเขาว่า ชายคนนี้เป็นคนทำงานหนักและนอบน้อม แต่ชูฉิงบอกว่าเขาเป็นเพลบอย และเขาเองก็สัมพัสได้ถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาโดยตลอด เหมือนว่าเรื่องของชายคนนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิดเอาไวเสียแล้ว!
———————-SC: บทที่ 361 สิ่งที่หลินเฉิงต้องทำ