I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 361 สิ่งที่หลินเฉิงต้องทำ
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 361 สิ่งที่หลินเฉิงต้องทำ
ตั้งแต่พูดคุยกันมาฉางเหวินฉวนไม่เคยพูดถึงฐานะของตัวเองเลยเขาวางตัวด้วยความเคารพมาโดยตลอด หลังจากที่คุยกันเสร็จ เหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นเหมือนที่คนอื่นพูด หลินเฉิงถึงกับเห็นภาพมายานี้อยู่สักพัก ชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนตลกใช่ไหม? ทำไมเขาถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้?
สิ่งที่ทำให้หลินเฉิงติดใจจนถึงตอนนี้ก็คือบทสนทนาสุดท้ายที่เขาพึ่งจะคุยกับฉางเหวินฉวนไป!
จากบทสนทนานั้นฉางเหวินฉวนเป็นชายหนุ่มที่มีมุมมองหลากหลาย แม้จะมีความคิดที่สุดเหวี่ยงแต่ก็ยังอยู่ในการควบคุมของเขาเองได้ สรุปแล้วเขาเป็นชายที่ช่างพูดและใจดี ทำให้ใครๆ อยากจะทำงานร่วมกับเขา
หลินเฉิงส่ายหน้าและไม่อยากจะคิดเรื่องนั้นมากเกินไปนักเขาหาตำแหน่งของหยูซานและรู้ว่าเธอเองก็อยู่แถวนั้นแล้วเขาพยักหน้าให้หยูซานก่อนที่จะกลับไปคุยกับฉางเหวินฉวน “โอเค งั้นตอนนี้นายก็ไม่พอใจกับสถานะการณ์ปัจจุบันของฐานทัพแห่งนี้สินะ นายก็ควรจะมุ่งมั่นกับหน้าที่ให้มากกว่านี้! ถ้านายมีเงินมากพอ ฐานทัพทะเลน้ำเงินทั้งฐานก็อยู่ภายใต้การออกคำสั่งของนายไม่ใช่หรอ?”
“ไม่ไม่ ไม่!”
เมื่อได้ยินสายตาอันหวาดกลัวของเขาก็ปรากฏให้เห็น เขามีท่าทีที่ร้อนรนก่อนที่จะมองไปรอบๆ ว่าไม่มีใครฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่ และแล้วเขาก็เริ่มบ่นอย่างไม่พอใจนัก “ผมถามตัวเองตลอดนะ ว่าผมทำตัวดีกับคุณมากใช่ไหม? แต่ทำไมคุณถึงหักหลังผมแบบนี้?”
“ห๊ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดชวนใจเต้นของฉางเหวินฉวนหัวใจของหลินเฉิงก็เหมือนจะหยุดนิ่งไป “มะ…ไม่ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูด? ที่ฉันพูดมันหักหลังอะไรใคร?” “เงินไง!
หลังจากที่ลังเลฉางเหวินฉวนก็มองไปรอบๆ อีกครั้ง และกระซิบเบาๆ กับหลินเฉิง
เมื่อได้ยินคำนั้นหลินเฉิงก็เข้าใจในทันที!
ฉางเหวินฉวนอยู่ในตำแหน่งผู้นำของฐานทัพนั้นหมายความว่าเขากำลังกุมชะตาชีวิตคนกว่า 1 แสนคน แต่ถึงแม้ว่าพลังจะยิ่งใหญ่เท่ากับตำแหน่งของเขา เขายังไม่กล้าทำอะไรกับกลุ่มผีเสื้อพวกนั้นในฐานอยู่ดี มันเหมือนกับว่า คนๆ เดียวต้องตัดสินใจแทนคนทั้งฐานทัพ!
และเมื่อเขารู้ว่าคนๆนั้นคือฉางเหวินฉวน หลินเฉิงก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงดูร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก สถานะปัจจุบันของเขาได้รับการส่งเสริมอย่างเคร่งครัด หากเขาต้องการได้รับสิ่งที่เรียกว่า ”เงิน” ต่อไปอย่างที่หลินเฉิงพูดหละก็ เขาต้องเริ่มจากบุคคลนั้นก่อนเป็นอันดับแรก!
นั้นหมายความว่าเขาต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่าง จึงไม่สามารถตัดสินใจตามใจชอบได้ ที่หลินเฉิงพูดออกไปเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ จึงทำให้ฉางเหวินฉวนขัดใจก็เป็นได้
“พอดีฉันไม่รู้เรื่องนั้นก่อนหละนะมันเป็นความผิดของฉันเอง…”
หลังจากที่คิดเรื่องที่ซับซ้อนเหมือนเขาวงกตนี้แล้วหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และยอมรับความผิดนั้นกับฉางเหวินฉวน
“ไม่เป็นไรครับ”
ได้ยินคำของโทษของหลินเฉิงฉางเหวินฉวนก็โบกมือเหมือนไม่ใส่ใจอะไรมากแล้ว “ผมแค่อยากจะบอกว่า ยังไงสถานที่แห่งนี้ก็เป็นฐานทัพทะเลน้ำเงิน สถานที่ลับของทางการทหาร แม้ว่าสถานะของผมจะไม่ต่ำต้อย แต่ผมก็ยังไม่เก่งถึงขนาดครองท้องฟ้าหรือมหาสมุทรได้ งั้นเรามาพูดเรื่องชิวๆ ดีกว่านะ!”
“เข้าใจแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้าเบาๆและถามอย่างสงสัย “แต่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่ฐานทับประสบปัญหาใหญ่นี้มา แม้แต่นายก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้คนได้เลยหรอ นายยังมีสิทธิที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ใช่ไหมหละ? แม้ว่าฉันจะไม่เคยเจอตาแก่คนนั้นมาก่อน ฉันคิดว่าคนที่เป็นที่รู้จักไปทั้งฐานทัพแบบนั้นและอายุเยอะก็ต้องมี IQ EQ ที่เยอะระดับต้นๆ เลย ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะไม่ฟังคำพูดของนาย กับท่านผบ. เลยหนิ?”
“มันไม่ง่ายอย่างงั้นไง!”
ฉางเหวินฉวนถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามก่อนที่จะอธิบาย“แม้ว่าผู้คนจะให้ความนับถือตาแก่มาก แต่การที่จะตัดสินใจอะไรก็ต้องผ่านใครหลายๆ คน เขาคนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ถ้าผมคัดค้านอะไรเขาก็จะได้รับผลกระทบด้วย! แม้ว่าอำนาจในการตัดสินใจจะตกมาที่ผมเป็นส่วนมาก แต่ถ้าผู้มีคุณสมบัติหลายท่านไม่เห็นด้วย แม้แต่ตาแก่จะช่วยผมเขาเองก็ทำไม่ได้หรอกครับ…”
“ตามข้อเท็จจริงแล้วผมเองก็แอบทำอะไรหลายๆ อย่างโดยที่พวกเขาไม่รู้ อย่างเช่นข้อกำหนดที่ระบุไว้ว่า ผู้คนทุกคนต้องมีงานทำ ถ้าไม่ทำงาน พวกเขาจะโดนหักผลประโยชน์โดยขึ้นอยู่กับเวลาที่พวกเขาว่างงานไป และรู้อะไรไหม?”
“อะไรหละ?”
ได้ยินเรื่องแบบนี้หลินเฉิงเองก็สนใจและถามกลับไปตรงๆ
“ผมโดนตาแกนั้นกักบริเวณไว้กว่า2 วันแหนะ!”
ตอนแรกฉางเหวินฉวนก็หัวเราะแต่มันดันไม่ตลกอะไรเลย
“ผมถูกตาแก่เรียกไปสั่งสอนทันทีเลย!และการสั่งสอนครั้งนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เขายังปล่อยให้ข้อบังคับของผมที่กระทำอย่างลับๆ ถูกดำเนินการต่อไป และใช้มันกับฐานทัพทั้งฐาน แต่หลังจากนั้นเขาก็ตักเตือนผมอย่างจริงจังมากๆ ถึงขั้นลงโทษผม โดยการลดรายได้ต่อปีของผมไป! คุณรู้ไหมว่าตำแน่งของผมมีเงินเดือนต่อปีอย่างน้อยก็ 1 ล้านเลยนะ …”
“ให้ตายสิ!จริงหรอ? งั้นนายก็พลาดโอกาสกับสาวงามไปหลายคนเลยหละสิ?”
เห็นฉางเหวินฉวนกำลังโมโหกับเรื่องนี้หลินเฉิงก็หัวเราะและเล่นมุกกลับไป
“ใครว่าไม่หละ!”
ได้ยินหลินเฉิงพูดหยอกฉางเหวินฉวนก็มีสีหน้าที่เจ็บปวด เขากำลังจะพูดต่อ แต่ก็รู้ตัวทันก่อนที่จะมองไปยังหลินเฉิงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ และไม่กล้าที่จะพูดคำต่อไป
“ทำไมถึงไม่หละ?”
หลินเฉิงยิ้มแะลพูดต่อไป“ฉันว่าน่าจะมีคนไม่น้อยนะที่สนใจในตัวของรองผบ. แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าหรอกนะว่าผู้ชายทุกคนจะมีคุณธรรม … ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
เห็นคำพูดแปลกๆของหลินเฉิง ฉางเหวินฉวนเก็บไว้ไม่ไหว เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ผมก็พูดไปตามที่คุณเล่นมานั้นแหละ เข้าใจนะ? ผมเปิดเผยความลับไปหลายอย่างแล้วกับคุณ ถ้าเราไม่เห็นชอบด้วยกันคงไม่พูดมาถึงตรงนี้ใช่ไหมหละ?”
ได้ยินแบบนี้หลินเฉิงก็ยิ้มและโบกมือแรงๆ”โอเคๆ ฉันแค่ล้อเล่น อย่าไปจริงจังเลยคุณรองผบ. ! ไม่ต้องห่วงฉันมั่นใจว่านายซื่อสัตย์กับน้องสาวของฉัน แต่ยังไงๆ คำสรรเสริญของตำแหน่งรองผบ.ก็เป็นที่นิยมอยู่ดี แต่ตอนนี้ฉันไม่ใส่ใจอะไรแล้วหละ”
“ใช่แน่นะ?”
เห็นหลินเฉิงสัญญาฉางเหวินฉวนที่ตามบทสนทานของหลินเฉิงมานาน ก็ไม่อยากจะเชื่อหลินเฉิงง่ายๆ แล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ชายของเสี่ยวเดีย และอารมณ์ไม่พาไประหว่างคุย เขาคงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ !
“แน่นอน!”
หลินเฉิงพยักหน้ายืนยันอีกครั้งหลินเฉิงยกข้อมือดูเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว “มันใกล้ถึงเวลาอาหารแล้วสินะ? ปกติแล้วทานที่ไหนกันบ้างหละในกองเรือนี้?” ——————–SC: บทที่ 362 ภัตตาคารในเรือรบ
สิ่งที่ทำให้หลินเฉิงติดใจจนถึงตอนนี้ก็คือบทสนทนาสุดท้ายที่เขาพึ่งจะคุยกับฉางเหวินฉวนไป!
จากบทสนทนานั้นฉางเหวินฉวนเป็นชายหนุ่มที่มีมุมมองหลากหลาย แม้จะมีความคิดที่สุดเหวี่ยงแต่ก็ยังอยู่ในการควบคุมของเขาเองได้ สรุปแล้วเขาเป็นชายที่ช่างพูดและใจดี ทำให้ใครๆ อยากจะทำงานร่วมกับเขา
หลินเฉิงส่ายหน้าและไม่อยากจะคิดเรื่องนั้นมากเกินไปนักเขาหาตำแหน่งของหยูซานและรู้ว่าเธอเองก็อยู่แถวนั้นแล้วเขาพยักหน้าให้หยูซานก่อนที่จะกลับไปคุยกับฉางเหวินฉวน “โอเค งั้นตอนนี้นายก็ไม่พอใจกับสถานะการณ์ปัจจุบันของฐานทัพแห่งนี้สินะ นายก็ควรจะมุ่งมั่นกับหน้าที่ให้มากกว่านี้! ถ้านายมีเงินมากพอ ฐานทัพทะเลน้ำเงินทั้งฐานก็อยู่ภายใต้การออกคำสั่งของนายไม่ใช่หรอ?”
“ไม่ไม่ ไม่!”
เมื่อได้ยินสายตาอันหวาดกลัวของเขาก็ปรากฏให้เห็น เขามีท่าทีที่ร้อนรนก่อนที่จะมองไปรอบๆ ว่าไม่มีใครฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่ และแล้วเขาก็เริ่มบ่นอย่างไม่พอใจนัก “ผมถามตัวเองตลอดนะ ว่าผมทำตัวดีกับคุณมากใช่ไหม? แต่ทำไมคุณถึงหักหลังผมแบบนี้?”
“ห๊ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดชวนใจเต้นของฉางเหวินฉวนหัวใจของหลินเฉิงก็เหมือนจะหยุดนิ่งไป “มะ…ไม่ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูด? ที่ฉันพูดมันหักหลังอะไรใคร?” “เงินไง!
หลังจากที่ลังเลฉางเหวินฉวนก็มองไปรอบๆ อีกครั้ง และกระซิบเบาๆ กับหลินเฉิง
เมื่อได้ยินคำนั้นหลินเฉิงก็เข้าใจในทันที!
ฉางเหวินฉวนอยู่ในตำแหน่งผู้นำของฐานทัพนั้นหมายความว่าเขากำลังกุมชะตาชีวิตคนกว่า 1 แสนคน แต่ถึงแม้ว่าพลังจะยิ่งใหญ่เท่ากับตำแหน่งของเขา เขายังไม่กล้าทำอะไรกับกลุ่มผีเสื้อพวกนั้นในฐานอยู่ดี มันเหมือนกับว่า คนๆ เดียวต้องตัดสินใจแทนคนทั้งฐานทัพ!
และเมื่อเขารู้ว่าคนๆนั้นคือฉางเหวินฉวน หลินเฉิงก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงดูร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก สถานะปัจจุบันของเขาได้รับการส่งเสริมอย่างเคร่งครัด หากเขาต้องการได้รับสิ่งที่เรียกว่า ”เงิน” ต่อไปอย่างที่หลินเฉิงพูดหละก็ เขาต้องเริ่มจากบุคคลนั้นก่อนเป็นอันดับแรก!
นั้นหมายความว่าเขาต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่าง จึงไม่สามารถตัดสินใจตามใจชอบได้ ที่หลินเฉิงพูดออกไปเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ จึงทำให้ฉางเหวินฉวนขัดใจก็เป็นได้
“พอดีฉันไม่รู้เรื่องนั้นก่อนหละนะมันเป็นความผิดของฉันเอง…”
หลังจากที่คิดเรื่องที่ซับซ้อนเหมือนเขาวงกตนี้แล้วหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และยอมรับความผิดนั้นกับฉางเหวินฉวน
“ไม่เป็นไรครับ”
ได้ยินคำของโทษของหลินเฉิงฉางเหวินฉวนก็โบกมือเหมือนไม่ใส่ใจอะไรมากแล้ว “ผมแค่อยากจะบอกว่า ยังไงสถานที่แห่งนี้ก็เป็นฐานทัพทะเลน้ำเงิน สถานที่ลับของทางการทหาร แม้ว่าสถานะของผมจะไม่ต่ำต้อย แต่ผมก็ยังไม่เก่งถึงขนาดครองท้องฟ้าหรือมหาสมุทรได้ งั้นเรามาพูดเรื่องชิวๆ ดีกว่านะ!”
“เข้าใจแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้าเบาๆและถามอย่างสงสัย “แต่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่ฐานทับประสบปัญหาใหญ่นี้มา แม้แต่นายก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้คนได้เลยหรอ นายยังมีสิทธิที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ใช่ไหมหละ? แม้ว่าฉันจะไม่เคยเจอตาแก่คนนั้นมาก่อน ฉันคิดว่าคนที่เป็นที่รู้จักไปทั้งฐานทัพแบบนั้นและอายุเยอะก็ต้องมี IQ EQ ที่เยอะระดับต้นๆ เลย ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะไม่ฟังคำพูดของนาย กับท่านผบ. เลยหนิ?”
“มันไม่ง่ายอย่างงั้นไง!”
ฉางเหวินฉวนถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามก่อนที่จะอธิบาย“แม้ว่าผู้คนจะให้ความนับถือตาแก่มาก แต่การที่จะตัดสินใจอะไรก็ต้องผ่านใครหลายๆ คน เขาคนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ถ้าผมคัดค้านอะไรเขาก็จะได้รับผลกระทบด้วย! แม้ว่าอำนาจในการตัดสินใจจะตกมาที่ผมเป็นส่วนมาก แต่ถ้าผู้มีคุณสมบัติหลายท่านไม่เห็นด้วย แม้แต่ตาแก่จะช่วยผมเขาเองก็ทำไม่ได้หรอกครับ…”
“ตามข้อเท็จจริงแล้วผมเองก็แอบทำอะไรหลายๆ อย่างโดยที่พวกเขาไม่รู้ อย่างเช่นข้อกำหนดที่ระบุไว้ว่า ผู้คนทุกคนต้องมีงานทำ ถ้าไม่ทำงาน พวกเขาจะโดนหักผลประโยชน์โดยขึ้นอยู่กับเวลาที่พวกเขาว่างงานไป และรู้อะไรไหม?”
“อะไรหละ?”
ได้ยินเรื่องแบบนี้หลินเฉิงเองก็สนใจและถามกลับไปตรงๆ
“ผมโดนตาแกนั้นกักบริเวณไว้กว่า2 วันแหนะ!”
ตอนแรกฉางเหวินฉวนก็หัวเราะแต่มันดันไม่ตลกอะไรเลย
“ผมถูกตาแก่เรียกไปสั่งสอนทันทีเลย!และการสั่งสอนครั้งนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เขายังปล่อยให้ข้อบังคับของผมที่กระทำอย่างลับๆ ถูกดำเนินการต่อไป และใช้มันกับฐานทัพทั้งฐาน แต่หลังจากนั้นเขาก็ตักเตือนผมอย่างจริงจังมากๆ ถึงขั้นลงโทษผม โดยการลดรายได้ต่อปีของผมไป! คุณรู้ไหมว่าตำแน่งของผมมีเงินเดือนต่อปีอย่างน้อยก็ 1 ล้านเลยนะ …”
“ให้ตายสิ!จริงหรอ? งั้นนายก็พลาดโอกาสกับสาวงามไปหลายคนเลยหละสิ?”
เห็นฉางเหวินฉวนกำลังโมโหกับเรื่องนี้หลินเฉิงก็หัวเราะและเล่นมุกกลับไป
“ใครว่าไม่หละ!”
ได้ยินหลินเฉิงพูดหยอกฉางเหวินฉวนก็มีสีหน้าที่เจ็บปวด เขากำลังจะพูดต่อ แต่ก็รู้ตัวทันก่อนที่จะมองไปยังหลินเฉิงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ และไม่กล้าที่จะพูดคำต่อไป
“ทำไมถึงไม่หละ?”
หลินเฉิงยิ้มแะลพูดต่อไป“ฉันว่าน่าจะมีคนไม่น้อยนะที่สนใจในตัวของรองผบ. แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าหรอกนะว่าผู้ชายทุกคนจะมีคุณธรรม … ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
เห็นคำพูดแปลกๆของหลินเฉิง ฉางเหวินฉวนเก็บไว้ไม่ไหว เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ผมก็พูดไปตามที่คุณเล่นมานั้นแหละ เข้าใจนะ? ผมเปิดเผยความลับไปหลายอย่างแล้วกับคุณ ถ้าเราไม่เห็นชอบด้วยกันคงไม่พูดมาถึงตรงนี้ใช่ไหมหละ?”
ได้ยินแบบนี้หลินเฉิงก็ยิ้มและโบกมือแรงๆ”โอเคๆ ฉันแค่ล้อเล่น อย่าไปจริงจังเลยคุณรองผบ. ! ไม่ต้องห่วงฉันมั่นใจว่านายซื่อสัตย์กับน้องสาวของฉัน แต่ยังไงๆ คำสรรเสริญของตำแหน่งรองผบ.ก็เป็นที่นิยมอยู่ดี แต่ตอนนี้ฉันไม่ใส่ใจอะไรแล้วหละ”
“ใช่แน่นะ?”
เห็นหลินเฉิงสัญญาฉางเหวินฉวนที่ตามบทสนทานของหลินเฉิงมานาน ก็ไม่อยากจะเชื่อหลินเฉิงง่ายๆ แล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ชายของเสี่ยวเดีย และอารมณ์ไม่พาไประหว่างคุย เขาคงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ !
“แน่นอน!”
หลินเฉิงพยักหน้ายืนยันอีกครั้งหลินเฉิงยกข้อมือดูเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว “มันใกล้ถึงเวลาอาหารแล้วสินะ? ปกติแล้วทานที่ไหนกันบ้างหละในกองเรือนี้?” ——————–SC: บทที่ 362 ภัตตาคารในเรือรบ