I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 372 จังหวะใหม่หลังวันโลกาวินาศ
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 372 จังหวะใหม่หลังวันโลกาวินาศ
“อะ….เออ…”
กัปตันฉางนิ่งไปนานมากเขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เขาอยากจะฟ้องเรื่องของหลินเฉิงกับเธอจริงๆ
แต่เขาก็ไม่กล้า เขาไม่รู้ว่าหลินเฉิงจะรู้จักกับชูฉิงดีขนาดไหน
แต่ปัญหาคือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือคนที่ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าแหย่เขากระอักกระอวนอยู่สักพักแล้วตัดสินใจที่จะถอนตัว เขารีบพูดกับชูฉิงก่อนที่ขอตัวลา
“งะ…งั้นผมไปก่อนนะครับท่านเลขาชู!”
หลังจากเห็นท่าทีของชูฉิงกับตันฉางก็บอกลาและรีบเดินออกไป ทิ้งหลินเฉิงที่ไม่พูดอะไรไว้ตรงนั้น
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดนายก็อยากจะหนีไปเหมือนกันใช่ไหมหละ?”
หลังจากที่กัปตันฉางเดินออกไปพร้อมกับชายที่บาดเจ็บสองคนชูฉิงหัวเราคิ๊กคั๊กและถามชูฉิงอย่างติดตลก
หลินเฉิงก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบในปากอย่างช่วยไม่ได้และตอบกลับไป “แล้วจะทำไมหละ? ผู้หญิงอย่างเธอมันขี้สงสัยไปสะทุกเรื่อง ฉันตอบอะไรไปก็ทำให้เธอพอใจไม่ได้หรอก จะหนีก็หนีไม่ได้…”
“บ้าาาา!”
ได้ยินคำพูดอันคลุมเครือของหลินเฉิงอยู่ๆ ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดง และตำหนิหลินเฉิงด้วยความอาย!
“เป็นอะไรของเธอ?”
หลังจากที่โดนดุไปหลินเฉิงก็พูดอย่างมีความสุข “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นหละ? เธอพอใจอะไรง่ายๆ ไม่ได้ไม่ใช่หรอ….”
พูดจบเขาก็นึกย้อนกลับไป แล้วเห็นความคลุมเครือของสิ่งที่ตัวเองพูด! “อะแฮ่ม…”
หลังจากที่กระแอ้มแก้เขินไปหลินเฉิงก็เกาหัว มองไปรอบๆ หาทางออกของบทสนทนานี้ยังไงดี?
“ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในกองพันในฐานะที่เธอเป็นเลขาของนายพล เหมือนเธอต้องเป็นตัวหลักที่ต้องควบคุมสถานะการนะ? ทำไมเธอถึงมาเดินเล่นแถวนี้ได้หละ?”
“ฮึ่ม!”
ได้ยินชูฉิงแม้จะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยแต่ก็รู้ว่าเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ไม่ควรจะลงลึกไปมากกว่านั้น หลังจากที่พุ่นลมออกมาอย่างไม่พอใจเบาๆ แล้วตอบกลับไป “แม้ว่าฉันจะเป็นเลขาของผู้บัญชาการใหญ่แห่งฐานทัพ แต่นี้เป็นเรื่องของกองพันที่หนึ่ง พูดง่ายๆ ว่า ฉันจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่ได้! มากไปกว่านั้นท่านรองผู้บังคับบัญชาเป็นคนโดนลอบโจมตี ฉันยิ่งไม่มีสิทธเข้าไปยุ่งมากกว่าเดิมอีกเข้าใจไหม?”
“เหมือนเธอจะไม่ได้ทำตามที่พูดสักเท่าไหร่นะ!”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของชูฉิงหลินเฉิงก็พูดเหน็บแหนบไปนิดหน่อย
“เห้ยไร้สาระหน่า!”
หลังจากที่โดนตำหนิมาบ้างชูฉิงก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “รอบนี้เหมือนนายจะทำสะเป็นเรื่องใหญ่โตเลยนะ? ไหนบอกว่าจะกินขอบเขตแค่นิดเดียวไง?”
“เธอไปดูสถานที่ยังหละก่อนที่จะมาตั้งคำถามกับฉัน?”
หลินเฉิงหัวเราะอย่างอดไม่ไหว“เฉพาะลานตกปลาทั้งลานพังยับ ไม่ได้ลามไปตรงอื่นเลยนะ โอเคไหม? ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น!”
เห็นหลินเฉิงมองมายังเธอด้วยความสบประมาทชูฉิงก็เริ่มหมดความอดทนนิดหน่อย “ฉันหมายถึงเรื่องเสียงหนะ! ตอนนี่ผู้ใช้พลังที่อยู่บนเรือลำนี้ ได้รับคำสั่งให้หามือสังหารกันให้วุ่นเลยนะ แม้ฉันไม่รู้ว่านายทำแบบนั้นได้ยังไง นายจะหลบการค้นหาอย่างบ้างคลั้งของคนพวกนี้ได้ยังไง?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย!”
รู้ว่าอีกฝ่ายถามด้วยความหวังดีหลินเฉิงก็ยังไม่บอกกับเธอเรื่องของหยูซาน เขาจะยังไม่บอกเรื่องของหยูซายกับใครทั้งนั้นในตอนนี้!
“นาย…”
เห็นหลินเฉิงยังไม่ยอมบอกเรื่องแผนนั้นกับเธออีกแม้ว่ามันจะจบไปแล้วชูฉิงที่บอกทุกอย่างกับเขาไปแล้วก็อดที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างไม่ได้ เพราะข้อมูลที่เธอบอกกับเขาไปนั้นทำให้เขาดำเนินงานได้ปลอดภัยขนาดนั้นแท้ๆ เมื่อว่าหลินเฉิงจะได้ข้อมูลของฉางเหวินฉวนมา แต่ไม่มีท่าทีที่จะบอกกับเธอเลยสักนิด!
หลังจากที่เห็นว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายดูแปลกๆไป หลินเฉิงก็บอกกับเธอด้วยเสียงที่เบา “ที่นี่ไม่เหมาะกับการคุยกันเรื่องนี้ ถ้าเธอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ หละก็ รอให้ออกไปจากเรือนี้ได้ก่อนนะ!” พูดจบเขาก็เห็นกลุ่มคนเริ่มกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลินเฉิงโบกมือให้ก่อนที่จะเดินห่างออกไปและไม่หันกลับมา “ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องขึ้นมาแล้ว เพื่อไม่เกิดปัญหาแล้วหละก็ ถ้าเป็นไปได้อย่าพึ่งมาหาฉัน จนกว่าจะออกจากเรือนี้ไปได้!”
ได้ยินสิ่งที่หลินเฉิงทิ้งท้ายเอาไว้ในตอนแรกชูฉิงกำลังจะโกรธ เธออย่างจะต่อยหน้าเขาจริงๆ แต่สิ่งที่เขาพูดมันก็ถูก เธอได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้และเดินแยกกันไป!
….
ตอนนี้6 โมงเย็นแล้ว
แม้สมาชิกส่วนใหญ่ของเรือธงลำนี้จะถูกฉางเหวินฉวนออกคำสั่งให้ตามหามือรอบสังหาร
หยูซานผู้เป็นตัวการของเหตุการครั้งนี้ก็ยังไม่ถูกใครพบ เธอเดินตามหลินเฉิงไปเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินที่ท้ายเรือ
แม้จะไม่นานนักที่โลกในนี้เข้าสู่ฉากสุดท้ายผู้คนที่มากความสามารถก็มารวมตัวกันเพื่อความอยู่รอด แต่ยาเสริมกำลังที่ได้มาจากระบบแคปซูลก็ยังไม่มีออกมาให้เห็นอีกเลย หยูซานที่ได้รับตัวยาเสริมกำลังชนิด D เข้าไป ก็ยังไม่ได้รับการเสริมพลังที่สูงขั้นกว่านั้นอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครตรวจจับเธอได้เลยสักคน
แม้จะเป็นอย่างงั้นหลินเฉิงก็ไม่ปล่อยวางเขาฝึกเธออย่างเข้มงวดมาโดยตลอด เพื่อรับมือกับพลังที่แข็งแกร่งขึ้นของผู้อื่น ไหนจะพวกตัวกินคนระดับสูง และพวกปีศาจรัตติการนั้นอีก
หลินเฉิงที่ได้รับตัวยาชั้นยอดไปก็เหมือนกับหมาป่าในฝูงแกะ ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังรับมือกับเขาได้ไม่เกิน 3 ยกเท่านั้น ด้วยพลังระดับนี้ทำให้เขาอยู่รอดด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปแม้ว่าเขาจะเป็นสุดยอดปรมาจารย์ของผู้ควบคุมพลังน้ำแข็งแล้ว ตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะมีอะไรที่เขารับมือไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในช่วงนี้ทำให้เขาเข้าใจ
หลังจากที่อะไรต่างๆสะสมอยู่นาน กฏของการอยู่รอดในโลกหลังวันโลกาวินาศนี้เหมือนจะไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิดอีกต่อไปแล้ว เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับจังหวะและโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในวันโลกาวินาศนี้ การที่จะเป็นหมาป่าอันเด็จเดียวอยู่คนเดียวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
เพราะเขาคิดได้แบบนั้นเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกหยูซานอย่างจริงจัง เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตลอดเวลา เขาจึงไม่คิดที่จะรวมทีมของผู้มีพลังวิเศษเพื่ออกไปต่อสู้แต่อย่างใด เขาเลือกแค่คนที่ไว้ใจได้จริงๆ เท่านั้นให้มาเป็นสหายร่วมรบข้างกาย และตามหาปริศนาวันสิ้นโลกครั้งนี้่ไปด้วยกัน!
———————SC: บทที่ 373 หยูซานที่เติบโตขึ้น
กัปตันฉางนิ่งไปนานมากเขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เขาอยากจะฟ้องเรื่องของหลินเฉิงกับเธอจริงๆ
แต่เขาก็ไม่กล้า เขาไม่รู้ว่าหลินเฉิงจะรู้จักกับชูฉิงดีขนาดไหน
แต่ปัญหาคือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือคนที่ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าแหย่เขากระอักกระอวนอยู่สักพักแล้วตัดสินใจที่จะถอนตัว เขารีบพูดกับชูฉิงก่อนที่ขอตัวลา
“งะ…งั้นผมไปก่อนนะครับท่านเลขาชู!”
หลังจากเห็นท่าทีของชูฉิงกับตันฉางก็บอกลาและรีบเดินออกไป ทิ้งหลินเฉิงที่ไม่พูดอะไรไว้ตรงนั้น
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดนายก็อยากจะหนีไปเหมือนกันใช่ไหมหละ?”
หลังจากที่กัปตันฉางเดินออกไปพร้อมกับชายที่บาดเจ็บสองคนชูฉิงหัวเราคิ๊กคั๊กและถามชูฉิงอย่างติดตลก
หลินเฉิงก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบในปากอย่างช่วยไม่ได้และตอบกลับไป “แล้วจะทำไมหละ? ผู้หญิงอย่างเธอมันขี้สงสัยไปสะทุกเรื่อง ฉันตอบอะไรไปก็ทำให้เธอพอใจไม่ได้หรอก จะหนีก็หนีไม่ได้…”
“บ้าาาา!”
ได้ยินคำพูดอันคลุมเครือของหลินเฉิงอยู่ๆ ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดง และตำหนิหลินเฉิงด้วยความอาย!
“เป็นอะไรของเธอ?”
หลังจากที่โดนดุไปหลินเฉิงก็พูดอย่างมีความสุข “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นหละ? เธอพอใจอะไรง่ายๆ ไม่ได้ไม่ใช่หรอ….”
พูดจบเขาก็นึกย้อนกลับไป แล้วเห็นความคลุมเครือของสิ่งที่ตัวเองพูด! “อะแฮ่ม…”
หลังจากที่กระแอ้มแก้เขินไปหลินเฉิงก็เกาหัว มองไปรอบๆ หาทางออกของบทสนทนานี้ยังไงดี?
“ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในกองพันในฐานะที่เธอเป็นเลขาของนายพล เหมือนเธอต้องเป็นตัวหลักที่ต้องควบคุมสถานะการนะ? ทำไมเธอถึงมาเดินเล่นแถวนี้ได้หละ?”
“ฮึ่ม!”
ได้ยินชูฉิงแม้จะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยแต่ก็รู้ว่าเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ไม่ควรจะลงลึกไปมากกว่านั้น หลังจากที่พุ่นลมออกมาอย่างไม่พอใจเบาๆ แล้วตอบกลับไป “แม้ว่าฉันจะเป็นเลขาของผู้บัญชาการใหญ่แห่งฐานทัพ แต่นี้เป็นเรื่องของกองพันที่หนึ่ง พูดง่ายๆ ว่า ฉันจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่ได้! มากไปกว่านั้นท่านรองผู้บังคับบัญชาเป็นคนโดนลอบโจมตี ฉันยิ่งไม่มีสิทธเข้าไปยุ่งมากกว่าเดิมอีกเข้าใจไหม?”
“เหมือนเธอจะไม่ได้ทำตามที่พูดสักเท่าไหร่นะ!”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของชูฉิงหลินเฉิงก็พูดเหน็บแหนบไปนิดหน่อย
“เห้ยไร้สาระหน่า!”
หลังจากที่โดนตำหนิมาบ้างชูฉิงก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “รอบนี้เหมือนนายจะทำสะเป็นเรื่องใหญ่โตเลยนะ? ไหนบอกว่าจะกินขอบเขตแค่นิดเดียวไง?”
“เธอไปดูสถานที่ยังหละก่อนที่จะมาตั้งคำถามกับฉัน?”
หลินเฉิงหัวเราะอย่างอดไม่ไหว“เฉพาะลานตกปลาทั้งลานพังยับ ไม่ได้ลามไปตรงอื่นเลยนะ โอเคไหม? ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น!”
เห็นหลินเฉิงมองมายังเธอด้วยความสบประมาทชูฉิงก็เริ่มหมดความอดทนนิดหน่อย “ฉันหมายถึงเรื่องเสียงหนะ! ตอนนี่ผู้ใช้พลังที่อยู่บนเรือลำนี้ ได้รับคำสั่งให้หามือสังหารกันให้วุ่นเลยนะ แม้ฉันไม่รู้ว่านายทำแบบนั้นได้ยังไง นายจะหลบการค้นหาอย่างบ้างคลั้งของคนพวกนี้ได้ยังไง?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย!”
รู้ว่าอีกฝ่ายถามด้วยความหวังดีหลินเฉิงก็ยังไม่บอกกับเธอเรื่องของหยูซาน เขาจะยังไม่บอกเรื่องของหยูซายกับใครทั้งนั้นในตอนนี้!
“นาย…”
เห็นหลินเฉิงยังไม่ยอมบอกเรื่องแผนนั้นกับเธออีกแม้ว่ามันจะจบไปแล้วชูฉิงที่บอกทุกอย่างกับเขาไปแล้วก็อดที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างไม่ได้ เพราะข้อมูลที่เธอบอกกับเขาไปนั้นทำให้เขาดำเนินงานได้ปลอดภัยขนาดนั้นแท้ๆ เมื่อว่าหลินเฉิงจะได้ข้อมูลของฉางเหวินฉวนมา แต่ไม่มีท่าทีที่จะบอกกับเธอเลยสักนิด!
หลังจากที่เห็นว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายดูแปลกๆไป หลินเฉิงก็บอกกับเธอด้วยเสียงที่เบา “ที่นี่ไม่เหมาะกับการคุยกันเรื่องนี้ ถ้าเธอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ หละก็ รอให้ออกไปจากเรือนี้ได้ก่อนนะ!” พูดจบเขาก็เห็นกลุ่มคนเริ่มกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลินเฉิงโบกมือให้ก่อนที่จะเดินห่างออกไปและไม่หันกลับมา “ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องขึ้นมาแล้ว เพื่อไม่เกิดปัญหาแล้วหละก็ ถ้าเป็นไปได้อย่าพึ่งมาหาฉัน จนกว่าจะออกจากเรือนี้ไปได้!”
ได้ยินสิ่งที่หลินเฉิงทิ้งท้ายเอาไว้ในตอนแรกชูฉิงกำลังจะโกรธ เธออย่างจะต่อยหน้าเขาจริงๆ แต่สิ่งที่เขาพูดมันก็ถูก เธอได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้และเดินแยกกันไป!
….
ตอนนี้6 โมงเย็นแล้ว
แม้สมาชิกส่วนใหญ่ของเรือธงลำนี้จะถูกฉางเหวินฉวนออกคำสั่งให้ตามหามือรอบสังหาร
หยูซานผู้เป็นตัวการของเหตุการครั้งนี้ก็ยังไม่ถูกใครพบ เธอเดินตามหลินเฉิงไปเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินที่ท้ายเรือ
แม้จะไม่นานนักที่โลกในนี้เข้าสู่ฉากสุดท้ายผู้คนที่มากความสามารถก็มารวมตัวกันเพื่อความอยู่รอด แต่ยาเสริมกำลังที่ได้มาจากระบบแคปซูลก็ยังไม่มีออกมาให้เห็นอีกเลย หยูซานที่ได้รับตัวยาเสริมกำลังชนิด D เข้าไป ก็ยังไม่ได้รับการเสริมพลังที่สูงขั้นกว่านั้นอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครตรวจจับเธอได้เลยสักคน
แม้จะเป็นอย่างงั้นหลินเฉิงก็ไม่ปล่อยวางเขาฝึกเธออย่างเข้มงวดมาโดยตลอด เพื่อรับมือกับพลังที่แข็งแกร่งขึ้นของผู้อื่น ไหนจะพวกตัวกินคนระดับสูง และพวกปีศาจรัตติการนั้นอีก
หลินเฉิงที่ได้รับตัวยาชั้นยอดไปก็เหมือนกับหมาป่าในฝูงแกะ ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังรับมือกับเขาได้ไม่เกิน 3 ยกเท่านั้น ด้วยพลังระดับนี้ทำให้เขาอยู่รอดด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปแม้ว่าเขาจะเป็นสุดยอดปรมาจารย์ของผู้ควบคุมพลังน้ำแข็งแล้ว ตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะมีอะไรที่เขารับมือไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในช่วงนี้ทำให้เขาเข้าใจ
หลังจากที่อะไรต่างๆสะสมอยู่นาน กฏของการอยู่รอดในโลกหลังวันโลกาวินาศนี้เหมือนจะไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิดอีกต่อไปแล้ว เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับจังหวะและโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในวันโลกาวินาศนี้ การที่จะเป็นหมาป่าอันเด็จเดียวอยู่คนเดียวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
เพราะเขาคิดได้แบบนั้นเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกหยูซานอย่างจริงจัง เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตลอดเวลา เขาจึงไม่คิดที่จะรวมทีมของผู้มีพลังวิเศษเพื่ออกไปต่อสู้แต่อย่างใด เขาเลือกแค่คนที่ไว้ใจได้จริงๆ เท่านั้นให้มาเป็นสหายร่วมรบข้างกาย และตามหาปริศนาวันสิ้นโลกครั้งนี้่ไปด้วยกัน!
———————SC: บทที่ 373 หยูซานที่เติบโตขึ้น