I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 389 หลังจากเรื่องดีๆ
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 389 หลังจากเรื่องดีๆ
หลังจากที่เรือฉุกเฉินลำนี้จอดเทียบเคียงเรือรบขนาดยักพอดิบพอดีหลงซงก็ปลอยมือจากขันบังคับ และหันไปหาหลินเฉิง “ในฐานทัพแห่งนี้ ไม่ว่านายจะเป็นใครมาจากไหน นายจะออกจากงานไหนตอนไหนก็ได้ถ้านายไม่อยากทำมันแล้ว แต่!…”
เห็นหลงซงมองมายังเขาอย่างดุดัน“อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็เป็นหลังวันโลกาวินาศแล้ว แม้ว่าทางกองทัพจะมีทรัพยากรอยู่มาก แต่คนที่ไม่มีงานทำก็อยู่รอดยากนะ ตั้งแต่ที่ฐานทัพถูกก่อตั้งก็ไม่เคยมีใครสมัครใจมาที่กองพันที่หนึ่งแห่งนี้เลย! เพราะงั้นตอนนี้นายก็เหมือนกับนักรบคนแรกเลยนะ นายจะยอมแพ้จริงๆ หรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเแิงเองก็อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ สิ่งที่เธอพูดก็ไม่ใช่มันจะเป็นไปไม่ได้สักทีเดียว เพื่อความอยู่รอดแล้วใครๆก็ย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ถ้าไม่มีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้น ไม่มีใครยอมทิ้งโอกาสของตัวเองอยู่แแล้ว
“บ้าเอ้ยอะไรมันจะขนาดนั้น…”
หลังจากที่เข้าใจถึงอย่างแจ่มแจ้งแล้วหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เขาไมเคยคิดเลยว่าการที่ออกจากกองพันนั้นจะทำให้เขาอยู่ในความอับอายแบบนั้นได้จริงๆ
“เอาจริงๆนะ ฉันเองก็ไม่อยากให้ใครมาเรียกว่านักรบตาขาวหรอกนะ แต่เมื่อเทียบกับอะไรหลายๆ อย่างแล้ว เรื่องของเกียตรเองก็เอาไว้ทีหลังบ้างก็ได้….”
เห็นคำพูดที่ไร้ยางอายแบบนี้แล้วหลินเฉิงเองก็รู้สึกอับอาย แต่อย่างไรก็ตาม การที่ออกได้ออกไปจากจุดนี้นั้นมันก็คือเป้าหมายต่อไปของเขาอยู่ดี เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นตราบาปเล็กๆ กับเขาเข้าจนได้
“ก็ได้!” เห็นอีกฝ่ายรู้สึกอับอายแต่ยังคงยืนยันว่าอยากจะไปจากกองพันที่หนึ่งหลงซงก็พยักหน้าอย่างเยือกเย็น “ถ้านายเข้าใจทุกอย่างแล้ว ฉันก็จะไม่พูดให้มากความแล้ว ฉันหวังว่านายจะทนสายตาเหยียดหยามพวกนั้นได้ อย่างไรซะคนอย่างนายมันก็เป็นแค่คนน่าไม่อายคนหนึงนี้เอง!”
“อะแฮ่ม”
หลังจากที่ถูกหลงซงขู่หลินเฉิงก็ไอออกมาเพื่อลดความตรึงเครียดลง และรีบทำใจให้เย็นลง “อย่างไรซะฉันก็เป็นเพื่อนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้นะ ฉันขอลาออกอย่างง่ายๆ ไม่มีปัญหาอะไรได้ไหม?”
“นายนี่มัน!”
เห็นหลินเฉิงพยายามเอาหนี้บุญคุณมาอ้างอีกแล้วเธอก็โกรธและอยากจะใช้พลังกับคนๆ นี้จริงๆ อย่างไรก็ตามเธอก็คุมอารณ์ของตัวเองไว้ได้ “อยากให้มันง่ายขนาดไหนหละ?”
เอาจริงๆแล้ว หลินเฉิงก็เบื่อที่จะอ้างหนี้บุญคุณแบบนี้เหมือนกัน แต่เพื่อให้มันเป็นไปตามแผนแล้วเขาก็ต้องทำ เขาทำได้แค่พูดต่อไปว่า “บางทีเธออาจะจะต้องช่วยฉันข้ามขั้นตอนด้วยตัวของเธอเอง อย่างไรก็ตามเรื่องของใบรับสมัครนั้นก็มีแต่เธอใช่ไหมหละที่รู้…”
“จะบ้าหรอฉันทำอะไรแบบนั้นได้ทีไหนกัน!”
ก่อนที่หลินเฉิงจะได้พูดจบหลงซงก็รีบขัดจังหว่ะเขาเอาไว้ก่อน “นายจะซ่อนตัวจากคนที่ทำการทดสอบนายไม่ได้หรอกนะ แม้ว่านี่จะเป็นวันแรกของนาย แต่พลังที่นายครอบครองอยู่นั้นไม่ธรรมดาเอามากๆ คนจำนวนมากกำลังจับตามองนายอยู่ในตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่จะสลัดพวกเขาให้หลุดออกไปได้โดยที่ไม่มีใครรู้ ต่อให้คนพวกนั้นไม่ถามถึง แต่นายจะทำให้ฉางเหวินฉวนไม่สนใจเรื่องนี้ได้อย่างงั้นหรอ? นายกับเขาก็มีความสัมพันอันดีต่อกันด้วยหนิ ใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าฉันรู้เรื่องนั้นดี!” ได้ยินคำเตือนนั้นของหลงซงหลินเฉิงก็พยักหน้า “แน่นอนว่าฉันทำแบบนี้โดยที่คนพวกนั้นไม่สนใจไม่ได้ แต่อย่างไรซะฉันก็ลงตำแหน่งที่ประจำการไว้บนเรือหมายเลขสาม ถ้าพวกเขาไม่เห็นฉัน เขาก็น่าจะคิดว่าฉันไปรายงานตัวบนเรือลำนั้นแทนแล้วยังไงหละ คนพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จัดการไม่ได้สักหน่อย ส่วนเรื่องของฉางเหวินฉวน…”
หลินเฉิงขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่อนึกถึงเรื่องของฉางเหวินฉวน“ฉันก็ไม่คิดว่าจะปกปิดเริ่องนี้จากเขาได้หรอก แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรนักหรอกนะ แม้ว่าฉันจะพึงรู้จักกับเขาได้ไม่นาน ถ้าเขาถามเธอในเรื่องของฉัน เธอก็บอกให้เขามาถามฉันเองกับตัวเลยก็ได้นะ!”
“นายคิดเรื่องพวกนี้ได้เร็วขนาดนี้เลยหรอ?”
เห็นการวิเคราะแบบนั้นเธอก็อดที่จะพูดเยาะเย้ยออกมาไม่ได้
เห็นว่าทุกอย่างยังไม่ลงรอยหลินเฉิงก็เริ่มไม่อยากจะทนนิดหน่อยแล้ว “มันก็เกือบจะโอเคแล้วแหละ! ฉันก็ไม่ได้ติดค้างอะไรกับเธอ แต่มาเยาะเย้ยฉันตลอดเวลาแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรอ?”
“ก็เบื่อสิย๊ะ!”
เมื่อถูกหลินเฉิงดุกลับมาหลงซงก็พูดอย่างรังเกียจนิดๆ เธอรู้ว่าอย่างไงๆ เธอก็ไม่สามารถจูงใจให้เขากลับมาได้แล้ว เธอจึงจอดเรือให้เข้าที่ก่อนที่จะเดินกลับไปในเรือธง
“ท่านผู้ช่วย!”
“ท่านผู้ช่วยกลับมาแล้ว!”
เห็นหลินเฉิงกับผู้หญิงเจ้ากี้เจ้าการคนนี้กลับมาบนเรือแล้วหมอที่กำลังลำเรียงคนป่วยอยู่ก็ทักทายด้วยความเคารพ
เธอพยักหน้าอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะมองไปยังความเสียหายรอบๆ ที่เต่ายักษ์สร้างขึ้น บาดแผลบนเรือรบหลายจุดถูกซ่อมแซมไปแล้ว เธอหันไปถามกับหมอที่กำลังรักษาคนเจ็บอยู่ว่า “กัปตันเฉินอยู่ไหม?”
“อยู่ครับให้ผมไปเรียกให้ไหม?” หมอที่กำลังใช้ผ้าพันแผลพันผู้ป่วยอยู่ผู้ป่วยคนนั้นก็มีท่าทีที่ดูดีขึ้นทันตาเห็นเลยทีเดียว หมอก็ลุกขึ้นและรับคำสั่งก่อนที่จะวิ่งออกไปทันที
“ยังไงซะวันนี้นายก็ยังต้องทำงานอยู่ไปช่วยดูแลคนเจ็บหน่อยไป!”
“เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้วแต่เธอก็อย่าลืมเรื่องที่ต้องทำซะหละ”
หลินเฉิงยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรมมาก เขาหยุดพูดไร้สาระก่อนที่จะไปช่วยเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บทันที ผ่านไปสักพักเขาก็เห็นหลงซงเดินกลับมาพร้อมกับชุดใหม่ลุกใหม่ อยู่ห่างจากเขาออกไปรายล้อมไปด้วยผู้ใช้พลังที่เก่งกาจ กว่า 100 คน
“ฉันจะมาร์กตำแหน่งเอาไว้ให้พวกนายจะไปพบกับรองผู้บังคับบัญชาที่รออยู่ตรงจุดนั้น รีบกลับมาหลังจากที่เสร็จภาระกิจแล้วทันทีเลยนะข้างนอกนั้นตอนกลางคืนแบบนี้อันตรายมากๆ เข้าใจไหม!”
หลังจากที่ออกคำสั่งไปแล้วหลงซงก็พูดต่ออีกนิดหน่อยหลังจากที่ทุกคนตรงมุมนั้นผู้ว่า “รับทราบ!” พวกเขาก็เดินออกไปทันที
หลังจากที่คนกลุ่มนั้นโดยสารเรือเร็วขนาดเล็กออกไปยังเต่ายักษ์ที่เป็นเป้าหมายนั้นหลงซงก็มองไปยังร่างของเต่ายักษ์อย่างโล่งอก เธอเห็นหลินเฉิงกำลังยกเหล็กขนาดยักษ์ที่หล่นทับร่างของลูกเรือคนหนึ่งอยู่ ชายคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวดทันที!
—————-SC: บทที่ 390 การต่อสู้ของผู้หญิง!
เห็นหลงซงมองมายังเขาอย่างดุดัน“อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็เป็นหลังวันโลกาวินาศแล้ว แม้ว่าทางกองทัพจะมีทรัพยากรอยู่มาก แต่คนที่ไม่มีงานทำก็อยู่รอดยากนะ ตั้งแต่ที่ฐานทัพถูกก่อตั้งก็ไม่เคยมีใครสมัครใจมาที่กองพันที่หนึ่งแห่งนี้เลย! เพราะงั้นตอนนี้นายก็เหมือนกับนักรบคนแรกเลยนะ นายจะยอมแพ้จริงๆ หรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเแิงเองก็อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ สิ่งที่เธอพูดก็ไม่ใช่มันจะเป็นไปไม่ได้สักทีเดียว เพื่อความอยู่รอดแล้วใครๆก็ย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ถ้าไม่มีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้น ไม่มีใครยอมทิ้งโอกาสของตัวเองอยู่แแล้ว
“บ้าเอ้ยอะไรมันจะขนาดนั้น…”
หลังจากที่เข้าใจถึงอย่างแจ่มแจ้งแล้วหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เขาไมเคยคิดเลยว่าการที่ออกจากกองพันนั้นจะทำให้เขาอยู่ในความอับอายแบบนั้นได้จริงๆ
“เอาจริงๆนะ ฉันเองก็ไม่อยากให้ใครมาเรียกว่านักรบตาขาวหรอกนะ แต่เมื่อเทียบกับอะไรหลายๆ อย่างแล้ว เรื่องของเกียตรเองก็เอาไว้ทีหลังบ้างก็ได้….”
เห็นคำพูดที่ไร้ยางอายแบบนี้แล้วหลินเฉิงเองก็รู้สึกอับอาย แต่อย่างไรก็ตาม การที่ออกได้ออกไปจากจุดนี้นั้นมันก็คือเป้าหมายต่อไปของเขาอยู่ดี เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นตราบาปเล็กๆ กับเขาเข้าจนได้
“ก็ได้!” เห็นอีกฝ่ายรู้สึกอับอายแต่ยังคงยืนยันว่าอยากจะไปจากกองพันที่หนึ่งหลงซงก็พยักหน้าอย่างเยือกเย็น “ถ้านายเข้าใจทุกอย่างแล้ว ฉันก็จะไม่พูดให้มากความแล้ว ฉันหวังว่านายจะทนสายตาเหยียดหยามพวกนั้นได้ อย่างไรซะคนอย่างนายมันก็เป็นแค่คนน่าไม่อายคนหนึงนี้เอง!”
“อะแฮ่ม”
หลังจากที่ถูกหลงซงขู่หลินเฉิงก็ไอออกมาเพื่อลดความตรึงเครียดลง และรีบทำใจให้เย็นลง “อย่างไรซะฉันก็เป็นเพื่อนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้นะ ฉันขอลาออกอย่างง่ายๆ ไม่มีปัญหาอะไรได้ไหม?”
“นายนี่มัน!”
เห็นหลินเฉิงพยายามเอาหนี้บุญคุณมาอ้างอีกแล้วเธอก็โกรธและอยากจะใช้พลังกับคนๆ นี้จริงๆ อย่างไรก็ตามเธอก็คุมอารณ์ของตัวเองไว้ได้ “อยากให้มันง่ายขนาดไหนหละ?”
เอาจริงๆแล้ว หลินเฉิงก็เบื่อที่จะอ้างหนี้บุญคุณแบบนี้เหมือนกัน แต่เพื่อให้มันเป็นไปตามแผนแล้วเขาก็ต้องทำ เขาทำได้แค่พูดต่อไปว่า “บางทีเธออาจะจะต้องช่วยฉันข้ามขั้นตอนด้วยตัวของเธอเอง อย่างไรก็ตามเรื่องของใบรับสมัครนั้นก็มีแต่เธอใช่ไหมหละที่รู้…”
“จะบ้าหรอฉันทำอะไรแบบนั้นได้ทีไหนกัน!”
ก่อนที่หลินเฉิงจะได้พูดจบหลงซงก็รีบขัดจังหว่ะเขาเอาไว้ก่อน “นายจะซ่อนตัวจากคนที่ทำการทดสอบนายไม่ได้หรอกนะ แม้ว่านี่จะเป็นวันแรกของนาย แต่พลังที่นายครอบครองอยู่นั้นไม่ธรรมดาเอามากๆ คนจำนวนมากกำลังจับตามองนายอยู่ในตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่จะสลัดพวกเขาให้หลุดออกไปได้โดยที่ไม่มีใครรู้ ต่อให้คนพวกนั้นไม่ถามถึง แต่นายจะทำให้ฉางเหวินฉวนไม่สนใจเรื่องนี้ได้อย่างงั้นหรอ? นายกับเขาก็มีความสัมพันอันดีต่อกันด้วยหนิ ใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าฉันรู้เรื่องนั้นดี!” ได้ยินคำเตือนนั้นของหลงซงหลินเฉิงก็พยักหน้า “แน่นอนว่าฉันทำแบบนี้โดยที่คนพวกนั้นไม่สนใจไม่ได้ แต่อย่างไรซะฉันก็ลงตำแหน่งที่ประจำการไว้บนเรือหมายเลขสาม ถ้าพวกเขาไม่เห็นฉัน เขาก็น่าจะคิดว่าฉันไปรายงานตัวบนเรือลำนั้นแทนแล้วยังไงหละ คนพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จัดการไม่ได้สักหน่อย ส่วนเรื่องของฉางเหวินฉวน…”
หลินเฉิงขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่อนึกถึงเรื่องของฉางเหวินฉวน“ฉันก็ไม่คิดว่าจะปกปิดเริ่องนี้จากเขาได้หรอก แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรนักหรอกนะ แม้ว่าฉันจะพึงรู้จักกับเขาได้ไม่นาน ถ้าเขาถามเธอในเรื่องของฉัน เธอก็บอกให้เขามาถามฉันเองกับตัวเลยก็ได้นะ!”
“นายคิดเรื่องพวกนี้ได้เร็วขนาดนี้เลยหรอ?”
เห็นการวิเคราะแบบนั้นเธอก็อดที่จะพูดเยาะเย้ยออกมาไม่ได้
เห็นว่าทุกอย่างยังไม่ลงรอยหลินเฉิงก็เริ่มไม่อยากจะทนนิดหน่อยแล้ว “มันก็เกือบจะโอเคแล้วแหละ! ฉันก็ไม่ได้ติดค้างอะไรกับเธอ แต่มาเยาะเย้ยฉันตลอดเวลาแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรอ?”
“ก็เบื่อสิย๊ะ!”
เมื่อถูกหลินเฉิงดุกลับมาหลงซงก็พูดอย่างรังเกียจนิดๆ เธอรู้ว่าอย่างไงๆ เธอก็ไม่สามารถจูงใจให้เขากลับมาได้แล้ว เธอจึงจอดเรือให้เข้าที่ก่อนที่จะเดินกลับไปในเรือธง
“ท่านผู้ช่วย!”
“ท่านผู้ช่วยกลับมาแล้ว!”
เห็นหลินเฉิงกับผู้หญิงเจ้ากี้เจ้าการคนนี้กลับมาบนเรือแล้วหมอที่กำลังลำเรียงคนป่วยอยู่ก็ทักทายด้วยความเคารพ
เธอพยักหน้าอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะมองไปยังความเสียหายรอบๆ ที่เต่ายักษ์สร้างขึ้น บาดแผลบนเรือรบหลายจุดถูกซ่อมแซมไปแล้ว เธอหันไปถามกับหมอที่กำลังรักษาคนเจ็บอยู่ว่า “กัปตันเฉินอยู่ไหม?”
“อยู่ครับให้ผมไปเรียกให้ไหม?” หมอที่กำลังใช้ผ้าพันแผลพันผู้ป่วยอยู่ผู้ป่วยคนนั้นก็มีท่าทีที่ดูดีขึ้นทันตาเห็นเลยทีเดียว หมอก็ลุกขึ้นและรับคำสั่งก่อนที่จะวิ่งออกไปทันที
“ยังไงซะวันนี้นายก็ยังต้องทำงานอยู่ไปช่วยดูแลคนเจ็บหน่อยไป!”
“เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้วแต่เธอก็อย่าลืมเรื่องที่ต้องทำซะหละ”
หลินเฉิงยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรมมาก เขาหยุดพูดไร้สาระก่อนที่จะไปช่วยเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บทันที ผ่านไปสักพักเขาก็เห็นหลงซงเดินกลับมาพร้อมกับชุดใหม่ลุกใหม่ อยู่ห่างจากเขาออกไปรายล้อมไปด้วยผู้ใช้พลังที่เก่งกาจ กว่า 100 คน
“ฉันจะมาร์กตำแหน่งเอาไว้ให้พวกนายจะไปพบกับรองผู้บังคับบัญชาที่รออยู่ตรงจุดนั้น รีบกลับมาหลังจากที่เสร็จภาระกิจแล้วทันทีเลยนะข้างนอกนั้นตอนกลางคืนแบบนี้อันตรายมากๆ เข้าใจไหม!”
หลังจากที่ออกคำสั่งไปแล้วหลงซงก็พูดต่ออีกนิดหน่อยหลังจากที่ทุกคนตรงมุมนั้นผู้ว่า “รับทราบ!” พวกเขาก็เดินออกไปทันที
หลังจากที่คนกลุ่มนั้นโดยสารเรือเร็วขนาดเล็กออกไปยังเต่ายักษ์ที่เป็นเป้าหมายนั้นหลงซงก็มองไปยังร่างของเต่ายักษ์อย่างโล่งอก เธอเห็นหลินเฉิงกำลังยกเหล็กขนาดยักษ์ที่หล่นทับร่างของลูกเรือคนหนึ่งอยู่ ชายคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวดทันที!
—————-SC: บทที่ 390 การต่อสู้ของผู้หญิง!