I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 402 จางหุย
“7?ยังมีอีกคน?”
หลินเฉิงคิดถึงสิ่งที่ชายแก่เฉลยเขาก็รู้สึกขัดใจทันที ก่อนที่เขาจะได้ถามกลับไปจนจบ ผู้เฒ่าเหลียงก็ถอนหายใจอย่างแรง ผู้เฒ่าโบกมือให้สัญญานแล้วชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวออกมาจากกำแพงข้างหลังทันทีทั้งๆ ที่มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรอยู่เลยก่อนหน้านี้!
“เขอคือจางหุยเป็นหัวหน้าทีมรักษาการของพวกเรา…”
แม้ว่าชายหนุ่มจะปรากฏตัวออกมาเขาก็ไม่พูดอะไรเลยยืนอยู่เงียบๆ ข้างหลังชายแก่คนนี้ ชายแก่พยกัน้าให้หลินเฉิงอีกครั้ง “ที่นี่ก็รู้แล้วสินะว่าทำไมฉันถึงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้า?”
“ฮือ?” ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้าให้หลินเฉิงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “พลังของนายน่าจะรับดับ 4 … ไม่สิ ระดับ 5 แล้วสินะ?”
ได้ยินคำถามของหลินเฉิงจางหุยก็หันไปหาชายแก่ด้วยสายตาเลิกลัก
เห็นสายตาของจางหุยมองมากทางเขาเพื่อรอคำตอบชายแก่ก็พยักหน้ากลับไป “ถ้าเขาถามอะไรนายก็ตอบไปตามตรงได้เลย!”
หลังจากนั้นจางหุยก็พยักหน้าแล้วหันหลับไปหาหลินเฉิง“ถูกต้องแล้วครับ พลังของผมพึ่งไปถึงระดับห้าเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อนนี้เอง!”
“หื่มเยียมๆ ….”
ได้ยินคำตอบนั้นหลินเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆเขารู้ดีแก่ใจว่าเขาสามารถตรวจจับพลังของคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ เพราะพลังของตัวเองนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เมื่อมาเจอกับชายที่สามารถพรางตัวได้ในระดับ 5 นี้แล้ว ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวทันที! หลังจากที่ผ่านการทดลองครั้งนี้เชาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถตรวจจับตำแหน่งของชายคนนี้ได้จริงๆ นั้นหมายความว่าถ้าหยูซานไปถึงระดับ 5 ได้ เขาก็จะไม่สามารถตรวจจับเธอได้เหมือนกัน นั้นไม่ดีนักสำหรับการทำงานเป็นทีมของพวกเขา!
เพราะเหตุผลหลักที่พวกเขาอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้เพราะเขาสามารถตรวจเจอศัตรูได้ก่อนและวางแผนรับมือแม้ว่าจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด แต่มันก็ทำให้เขาได้เปรียบมากในการต่อกรกับผู้ไม่หวังดีพวกนั้น
แต่ณ เวลานี้มันก็ไม่เหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะหลังจากที่มีตัวยาเสริมกำลังแบบฉุกเฉินผลิตขึ้นมาใช้งาน ผู้ใช้พลังหลายคนก็มีช่องทางที่สามารถพัฒนาความสามารถของตนเองได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าหลินเฉิงเองจะมีระบบแคปซูลสนับสนุนจนมาถึงจุดนี้ แต่ระยะห่างระหว่างเขากับคนพวกนั้นก็ไม่ได้กว้างขนาดนั้นเสมอไป
ระยะห่างที่แคบลงทำให้ความอันตรายนั้นสูงขึ้นตามไปด้วยเมื่อชายที่มีพลังพรางตัวระดับ 5 คนนี้ ถ้าเขาไม่ถึงระดับ 5 หลินเฉิงก็สามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่ได้รับตัวยาเสริมกำลังแล้วชายคนนี้ก็มาถึงระดับ 5 ได้ในที่สุด แม้แต่หลินเฉิงเองก็ไม่สามารถตรวจจับเขาได้!
แต่สิ่งที่หลินเฉิงกังวลจริงๆก็คือ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดในอนาคตก็จะมีคนแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะงั้นหลินเฉิงเองก็ต้องพัฒนาไปในค่าเฉลี่ยที่มากกว่าพวกเขา เขาต้องหาทางเพิ่มพลังของตัวเองให้ได้ ไม่งั้นในอนาคตพวกเขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างแน่นอน!
หลินเฉิงกำลังกังวลเรื่องอนาคตของตนเหลียงเหลาก็ต้องการที่จะทดสอบกับหลินเฉิงดูสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดมากขนาดนี้
“เอาเถอะว่าแต่นายทำแบบนี้ได้ยังไง ความสามารถในการพรางตัวขั้นสูงพวกนี้ ยากมากที่จะจับลมหายใจของพวกเขาได้ แต่นายสามารถจับตำแหน่งพวกเขาได้เกือบหมดทุกคนยังกับพวกเขาเป็นหิ่งหอยในยามราตรียังไงยังงั้น?”
เห็นอีกผ่ายกำลังยืนนิ่งผู้เฒ่าเหลียงก็ทดไม่ไหวและถามหลินเฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ส่ายหน้าเบาๆ“ผมไม่รู้จะอธิบายให้ผู้เฒ่าฟังยังไงดี คงจะเป็นเพราะนิสัยของผมหละมั้ง”
แม้เสียงจะรู้สึกผิดหวังกับคำตอบแต่เขาก็ไม่ถามอีกต่อไปแล้ว เขาพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างในต่อ
แม้ว่าระหว่างทางจะไม่มีอะไรดึงดูสายตาเขาเท่าไหร่นักแต่เมื่อเข้ามาข้างในอาคาร ภายในนั้นกว้างกว่าที่เห็นจากข้างนอกมาก เดินเข้าไปด้านในกว่า 10 นาที ตามทางที่มีไฟสลัวๆ พวกเขาก็มาถึงประตูเหล็กบานใหญ่
หลังจากนั้นชายแก่ก็หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาและทาบมันลงไปบนจอ LCD ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปแสกน หลังจากนั้นก็มีเสียง ‘ติ๊ดๆ!’ ดังขึ้น ประตูบานใหญ่ก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ “ภาระกิจของหน่วยดาบรัตติกาลนั้นเกียวข้องกับความลับโดยตรงพูดได้เลยว่าความลับเกือบทั้งหมดของฐานทัพอยู่ในมือของพวกเรา เพระงั้นระบบรักษาความปลอดภัยของทางเราจึงต้องรัดกุมเป็นพิเศษ ถ้าไม่มีฝ่ายบริหารนำตัวเข้ามาหละก็ คนธรรมดาๆ ไม่มีทางเข้ามาในนี้ได้อย่างแน่นอน”
พอประตูเปิดจนสุดผู้เฒ่าก็เดินนำเข้าไปทันที และอธิบายให้หลินเฉิงฟังไปด้วย
“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?”
ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหลินเฉิงก็หัวเราะและถามกลับไป “ทำไมผมถึงคิดว่าการที่ผู้เฒ่าพาผมมาในนี้ต้องมีเหตุผลที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าผมปฏิเสธว่าจะไม่เข้าร่วม ผมก็ออกไปไม่ได้สินะ?”
“แหม่ๆแสนรู้ดีรู้ดีจังนะ!”
ได้ยินมุขตลกของหลินเฉิงผู้เฒ่าเองก็หัวเราะตาม “แน่นอนไอเด็กดื้ออย่างแก ไม่ยอมเข้าร่วมทีมกับเราในตอนแรก ก็ต้องล่อให้เขามาในนี้แล้วไม่ปล่อยออกไปเห็นจะดีที่สุดแล้ว!”
หลังจากนั้นผู้เฒ่าเหลียงก็ส่งสัญญาให้จางหุยปิดประตู
“ตู้ม!”
เห็นสัญญาณนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นทันทีเขาจับบานประตูทั้งสองแล้วปิดอย่างดังทันที!
“โอเค…”
เห็นมุขตกของตาแก่นั้นแฝงความจริงจังเล็กๆหลินเฉิงก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นถ้าผู้เฒ่าเป็นห่วงผมนัก ทำไมผมจะไม่เข้าร่วมกับผู้เฒ่าหละถ้าการเจรจาของเราเป็นไปได้ด้วยดีหละก็…”
“ไอบ้า!นี้แก้ยังจะมาเล่นลิ้นกับฉันอีกรึ?”
ได้ยินคำพูดของหลินเฉิงเขาก็หัวเราอีกครั้งพร้อมกับสบถออกมา “ถ้าตกลงกันไม่ได้ยังจะไม่ยอมอีกรึ?”
“ผมก็ไม่ได้ยืนยันแบบนั้นผู้เฒ่าคิดมากไปเองหนะ!” แน่นอนว่าหลินเฉิงคิดแบบนั้นจริงๆหลังจากเล่นตลกไปแล้วเข้าก็เดินตามไปในโถงทางเดินมืดๆ
ตอนนี้พวกเขาเดินอยู่ในโถงทางเดินกว้างๆมีไฟLED สีขาวติดอยู่ตามทางเป็นระยะๆ แสงจากหลอดไฟทำให้หลินเฉิงมึนหัว และรู้สึกไม่สบายใจในเวลาเดียวกัน
——————–SC: บทที่ 403 เส้นทางมรณะ
หลินเฉิงคิดถึงสิ่งที่ชายแก่เฉลยเขาก็รู้สึกขัดใจทันที ก่อนที่เขาจะได้ถามกลับไปจนจบ ผู้เฒ่าเหลียงก็ถอนหายใจอย่างแรง ผู้เฒ่าโบกมือให้สัญญานแล้วชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวออกมาจากกำแพงข้างหลังทันทีทั้งๆ ที่มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรอยู่เลยก่อนหน้านี้!
“เขอคือจางหุยเป็นหัวหน้าทีมรักษาการของพวกเรา…”
แม้ว่าชายหนุ่มจะปรากฏตัวออกมาเขาก็ไม่พูดอะไรเลยยืนอยู่เงียบๆ ข้างหลังชายแก่คนนี้ ชายแก่พยกัน้าให้หลินเฉิงอีกครั้ง “ที่นี่ก็รู้แล้วสินะว่าทำไมฉันถึงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้า?”
“ฮือ?” ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้าให้หลินเฉิงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “พลังของนายน่าจะรับดับ 4 … ไม่สิ ระดับ 5 แล้วสินะ?”
ได้ยินคำถามของหลินเฉิงจางหุยก็หันไปหาชายแก่ด้วยสายตาเลิกลัก
เห็นสายตาของจางหุยมองมากทางเขาเพื่อรอคำตอบชายแก่ก็พยักหน้ากลับไป “ถ้าเขาถามอะไรนายก็ตอบไปตามตรงได้เลย!”
หลังจากนั้นจางหุยก็พยักหน้าแล้วหันหลับไปหาหลินเฉิง“ถูกต้องแล้วครับ พลังของผมพึ่งไปถึงระดับห้าเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อนนี้เอง!”
“หื่มเยียมๆ ….”
ได้ยินคำตอบนั้นหลินเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆเขารู้ดีแก่ใจว่าเขาสามารถตรวจจับพลังของคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ เพราะพลังของตัวเองนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เมื่อมาเจอกับชายที่สามารถพรางตัวได้ในระดับ 5 นี้แล้ว ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวทันที! หลังจากที่ผ่านการทดลองครั้งนี้เชาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถตรวจจับตำแหน่งของชายคนนี้ได้จริงๆ นั้นหมายความว่าถ้าหยูซานไปถึงระดับ 5 ได้ เขาก็จะไม่สามารถตรวจจับเธอได้เหมือนกัน นั้นไม่ดีนักสำหรับการทำงานเป็นทีมของพวกเขา!
เพราะเหตุผลหลักที่พวกเขาอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้เพราะเขาสามารถตรวจเจอศัตรูได้ก่อนและวางแผนรับมือแม้ว่าจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด แต่มันก็ทำให้เขาได้เปรียบมากในการต่อกรกับผู้ไม่หวังดีพวกนั้น
แต่ณ เวลานี้มันก็ไม่เหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะหลังจากที่มีตัวยาเสริมกำลังแบบฉุกเฉินผลิตขึ้นมาใช้งาน ผู้ใช้พลังหลายคนก็มีช่องทางที่สามารถพัฒนาความสามารถของตนเองได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าหลินเฉิงเองจะมีระบบแคปซูลสนับสนุนจนมาถึงจุดนี้ แต่ระยะห่างระหว่างเขากับคนพวกนั้นก็ไม่ได้กว้างขนาดนั้นเสมอไป
ระยะห่างที่แคบลงทำให้ความอันตรายนั้นสูงขึ้นตามไปด้วยเมื่อชายที่มีพลังพรางตัวระดับ 5 คนนี้ ถ้าเขาไม่ถึงระดับ 5 หลินเฉิงก็สามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่ได้รับตัวยาเสริมกำลังแล้วชายคนนี้ก็มาถึงระดับ 5 ได้ในที่สุด แม้แต่หลินเฉิงเองก็ไม่สามารถตรวจจับเขาได้!
แต่สิ่งที่หลินเฉิงกังวลจริงๆก็คือ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดในอนาคตก็จะมีคนแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะงั้นหลินเฉิงเองก็ต้องพัฒนาไปในค่าเฉลี่ยที่มากกว่าพวกเขา เขาต้องหาทางเพิ่มพลังของตัวเองให้ได้ ไม่งั้นในอนาคตพวกเขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างแน่นอน!
หลินเฉิงกำลังกังวลเรื่องอนาคตของตนเหลียงเหลาก็ต้องการที่จะทดสอบกับหลินเฉิงดูสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดมากขนาดนี้
“เอาเถอะว่าแต่นายทำแบบนี้ได้ยังไง ความสามารถในการพรางตัวขั้นสูงพวกนี้ ยากมากที่จะจับลมหายใจของพวกเขาได้ แต่นายสามารถจับตำแหน่งพวกเขาได้เกือบหมดทุกคนยังกับพวกเขาเป็นหิ่งหอยในยามราตรียังไงยังงั้น?”
เห็นอีกผ่ายกำลังยืนนิ่งผู้เฒ่าเหลียงก็ทดไม่ไหวและถามหลินเฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ส่ายหน้าเบาๆ“ผมไม่รู้จะอธิบายให้ผู้เฒ่าฟังยังไงดี คงจะเป็นเพราะนิสัยของผมหละมั้ง”
แม้เสียงจะรู้สึกผิดหวังกับคำตอบแต่เขาก็ไม่ถามอีกต่อไปแล้ว เขาพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างในต่อ
แม้ว่าระหว่างทางจะไม่มีอะไรดึงดูสายตาเขาเท่าไหร่นักแต่เมื่อเข้ามาข้างในอาคาร ภายในนั้นกว้างกว่าที่เห็นจากข้างนอกมาก เดินเข้าไปด้านในกว่า 10 นาที ตามทางที่มีไฟสลัวๆ พวกเขาก็มาถึงประตูเหล็กบานใหญ่
หลังจากนั้นชายแก่ก็หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาและทาบมันลงไปบนจอ LCD ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปแสกน หลังจากนั้นก็มีเสียง ‘ติ๊ดๆ!’ ดังขึ้น ประตูบานใหญ่ก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ “ภาระกิจของหน่วยดาบรัตติกาลนั้นเกียวข้องกับความลับโดยตรงพูดได้เลยว่าความลับเกือบทั้งหมดของฐานทัพอยู่ในมือของพวกเรา เพระงั้นระบบรักษาความปลอดภัยของทางเราจึงต้องรัดกุมเป็นพิเศษ ถ้าไม่มีฝ่ายบริหารนำตัวเข้ามาหละก็ คนธรรมดาๆ ไม่มีทางเข้ามาในนี้ได้อย่างแน่นอน”
พอประตูเปิดจนสุดผู้เฒ่าก็เดินนำเข้าไปทันที และอธิบายให้หลินเฉิงฟังไปด้วย
“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?”
ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหลินเฉิงก็หัวเราะและถามกลับไป “ทำไมผมถึงคิดว่าการที่ผู้เฒ่าพาผมมาในนี้ต้องมีเหตุผลที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าผมปฏิเสธว่าจะไม่เข้าร่วม ผมก็ออกไปไม่ได้สินะ?”
“แหม่ๆแสนรู้ดีรู้ดีจังนะ!”
ได้ยินมุขตลกของหลินเฉิงผู้เฒ่าเองก็หัวเราะตาม “แน่นอนไอเด็กดื้ออย่างแก ไม่ยอมเข้าร่วมทีมกับเราในตอนแรก ก็ต้องล่อให้เขามาในนี้แล้วไม่ปล่อยออกไปเห็นจะดีที่สุดแล้ว!”
หลังจากนั้นผู้เฒ่าเหลียงก็ส่งสัญญาให้จางหุยปิดประตู
“ตู้ม!”
เห็นสัญญาณนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นทันทีเขาจับบานประตูทั้งสองแล้วปิดอย่างดังทันที!
“โอเค…”
เห็นมุขตกของตาแก่นั้นแฝงความจริงจังเล็กๆหลินเฉิงก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นถ้าผู้เฒ่าเป็นห่วงผมนัก ทำไมผมจะไม่เข้าร่วมกับผู้เฒ่าหละถ้าการเจรจาของเราเป็นไปได้ด้วยดีหละก็…”
“ไอบ้า!นี้แก้ยังจะมาเล่นลิ้นกับฉันอีกรึ?”
ได้ยินคำพูดของหลินเฉิงเขาก็หัวเราอีกครั้งพร้อมกับสบถออกมา “ถ้าตกลงกันไม่ได้ยังจะไม่ยอมอีกรึ?”
“ผมก็ไม่ได้ยืนยันแบบนั้นผู้เฒ่าคิดมากไปเองหนะ!” แน่นอนว่าหลินเฉิงคิดแบบนั้นจริงๆหลังจากเล่นตลกไปแล้วเข้าก็เดินตามไปในโถงทางเดินมืดๆ
ตอนนี้พวกเขาเดินอยู่ในโถงทางเดินกว้างๆมีไฟLED สีขาวติดอยู่ตามทางเป็นระยะๆ แสงจากหลอดไฟทำให้หลินเฉิงมึนหัว และรู้สึกไม่สบายใจในเวลาเดียวกัน
——————–SC: บทที่ 403 เส้นทางมรณะ